ชาวหมู่เกาะโซโลมอนออกเดินทางไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งแห่งชาติแล้ว เมื่อวันพุธที่ 17 เม.ย. 2567 ท่ามกลางการจับตามองจากทั่วโลก
หมู่เกาะโซโลมอนเพิ่งเปลี่ยนข้าง ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน แล้วหันเข้าหาจีนมากขึ้น สร้างความกังวลให้สหรัฐฯ และเพื่อนบ้านอย่าง ออสเตรเลีย ซึ่งกำลังแย่งชิงอิทธิพลในภูมิภาคสำคัญแห่งนี้
ผลการเลือกตั้งที่ออกมาจึงอาจเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์กับหลายประเทศ ในขณะที่ชาวบ้านท้องถิ่นให้ความสนใจกับปัญหาใกล้ตัวและเรื่องปากท้องมากกว่า
เมื่อวันพุธที่ 17 เม.ย. 2567 ชาวหมู่เกาะโซโลมอนออกเดินทางไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งแห่งชาติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หลังจากประเทศของพวกเขาตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน แล้วหันไปสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่แทน
สำหรับชาวหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งมีจำนวนกว่า 700,000 คน การเลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาสที่พวกเขาจะได้เลือกคณะบริหารชุดถัดไปเข้ามาบริหาร เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ เนื่องจากประชากรราว 80% ของประเทศที่อาศัยอยู่นอกกรุงโฮนีอารา ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานอย่าง ไฟฟ้า, การแพทย์, โรงเรียน และการขนส่งได้
แต่สำหรับหมู่เกาะโซโลมอน การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับจีน และสหรัฐฯ กับพันธมิตรอย่างออสเตรเลีย ซึ่งกำลังแย่งชิงอิทธิพลในภูมิภาคสำคัญแห่งนี้
ทำไมการเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญ?
นี่เป็นการเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกของหมู่เกาะโซโลมอน นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรี มานาสเซห์ โซกาวาเร ตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางนโยบายทางการทูตของประเทศทันทีที่รับตำแหน่งในปี 2562 โดยตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน แล้วหันไปสนับสนุนนโยบายจีนเดียวของจีนแผ่นดินใหญ่
ดร.เมก คีน ผู้อำนวยการโครงการหมู่เกาะแปซิฟิก จากคณะวิจัย ‘Lowy Institute’ ในออสเตรเลีย วิเคราะห์ว่า เหตุผลที่โลกจับตาการเลือกตั้งของหมู่เกาะโซโลมอน เป็นเพราะการย้ายฝั่งเข้าหาจีน และนโยบาย ‘มุ่งขึ้นเหนือ’ (Look North) ของนายกรัฐมนตรี โซกาวาเร ซึ่งจะเปิดประตูต้องรับจีน และเพิ่มการเข้ามามีส่วนร่วมในภูมิภาคมากขึ้น
หมู่เกาะโซโลมอนตั้งอยู่บนเส้นทางเดินทะเลสายสำคัญหลายสายระหว่างสหรัฐฯ กับออสเตรเลีย ซึ่งจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญมาก หากความขัดแย้งปะทุขึ้นในทะเลจีนใต้
ออสเตรเลียพยายามรักษาความสัมพันธ์กับหมู่เกาะโซโลมอนในฐานะหุ้นส่วนด้านการพัฒนาและความมั่นคงมาตลอด ขณะที่จีนต้องการการสนับสนุนนโยบายจีนเดียวของจากหมู่เกาะโซโลมอน และต้องการเปิดประตูเข้าสู่ทรัพย์สินและทรัพยากรล้ำค่าอย่าง การประมง และเหมืองแร่ในภูมิภาคนี้
ส่วนสหรัฐฯ ก็พยายามเข้าหาหมู่เกาะโซโลมอนอีกครั้ง ตั้งแต่เข้ามาลงทุนโครงการพัฒนาต่าง ๆ ไปจนถึงการตั้งสถานทูตของพวกเขาในกรุงโฮนีอารา
สถานการณ์นี้ทำให้หมู่เกาะโซโลมอนตกที่นั่งลำบาก ดร.คีน กล่าว “โซโลมอนกำลังพยายามรักษาสมดุลของโอกาสที่หลากหลาย กับคำมั่นสัญญาเรื่องการปกครองระบบประชาธิปไตย, การเปิดกว้าง, เสรีภาพสื่อ และ องค์ประกอบอื่น ๆ ที่สำคัญต่อประชาชนของพวกเขา”
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงอาจถูกมองเป็นการลงคะแนนเสียงประชามติ ว่าประชาชนจะเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี โซกาวาเร หรือไม่
ผู้สมัครเลือกตั้งมีใครบ้าง?
คนแรกแน่นอนว่าคือ นายโซกาวาเร ซึ่งลงสมัครในฐานะหัวหน้าพรรค ‘ความรับผิดชอบ, ความสามัคคี และความเป็นเจ้าของ’ (Ownership, Unity and Responsibility Party) และเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง 4 สมัย
ดร.เทส นิวตัน เคน จากสถาบัน ‘กริฟฟิธ เอเชีย’ (Griffith Asia Institute) ระบุว่า นายโซกาวาเรเป็นตัวละครทางการเมืองที่ถูกสร้างมาอย่างดี เขาเพิ่งดำรงตำแหน่งสมัยที่ 4 เสร็จสิ้น และเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ
โซกาวาเรลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงลับกับจีนไปเมื่อ 2 ปีก่อน สร้างความตกตะลึงแก่สหรัฐฯ และออสเตรเลียอย่างมาก และยิ่งทำให้ความไม่สบายใจเรื่องการขยายอิทธิพลของจีนในแปซิฟิกรุนแรงขึ้นไปอีก แต่เขาปฏิเสธข่าวลือที่ว่า จะอนุญาตให้จีนมาตั้งฐานทัพในประเทศของเขา
ประชาชนบางกลุ่มพอใจในผลงานของเขา ทั้งการตกลงเพิ่มความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคงกับจีนเมื่อปีก่อน และการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ‘แปซิฟิก เกม’ ขณะที่บางส่วนก็ไม่พอใจ โดยกล่าวหารัฐบาลของโซกาวาเรว่า ไม่ได้ลงมือทำมากพอในการช่วยเหลือพวกเขาต่อสู้กับค่าครองชีพที่พุ่งสูง
ผู้ที่ขวางทางนายโซกาวาเรจากการเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5 คือ นายปีเตอร์ เคนโลเรอา จูเนียร์ ผู้แทนจากพรรคฝ่ายค้าน ‘United Party’ และอดีตเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ ผู้ประกาศกร้าวว่า จะยกเลิกข้อตกลงความมั่นคงกับจีน และหวังจะสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐานร่วมกับชาติตะวันตกมากขึ้น
ส่วนผู้นำฝ่ายค้านอย่าง นายแมทธิว เวล จากพรรคประชาธิปไตยหมู่เกาะโซโลมอน (Solomon Islands Democratic Party) จับมือกับกลุ่มฝ่ายอื่น ๆ ตั้งพรรคพันธมิตรประชาธิปไตย (Democratic Alliance Party) ขึ้นมาก โดยสัญญาว่า หากชนะเลือกตั้งจะแก้ปัญหาด้านการศึกษาและการแพทย์ รวมถึงพัฒนานโยบายต่างประเทศ มุ่งเน้นประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
ดร.คีน ระบุว่า ผู้สมัครกลุ่มอื่น ๆ เหล่านี้ กำลังรู้สึกว่าพวกเขาควรมุ่งเน้นไปที่เรื่องปัญหาด้านการพัฒนา และการเข้าถึงบริการ มากกว่าปัญหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และพวกเขากังวลว่า ความสัมพันธ์กับจีนที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น จะส่งผลต่อความโปร่งใสของรัฐบาล และเกิดปัญหาเกี่ยวกับอธิปไตยได้
หวั่นเกิดความรุนแรงหลังเลือกตั้ง
การเลือกตั้งของหมู่เกาะโซโลมอนถูกมองว่าเป็นการลงคะแนนเสียงที่มีความท้าทายมากที่สุดในโลก โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งราว 420,000 คน ต้องเดินทางไปใช้สิทธิ์ที่หน่วยเลือกตั้ง 1,200 แห่ง ที่กระจายอยู่ตามเกาะต่าง ๆ กว่า 900 เกาะทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 16.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อเลือกคณะบริหารชุดใหม่ ทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น
สมาชิกรัฐสภาแห่งชาติชุดใหม่ 50 คน จะเป็นผู้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่กระบวนการนี้อาจกินเวลานานหลายสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่างกว้างขวาง แคนดิเดตนักการเมืองพยายามติดสินบนด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งแจกเงิน จนถึงกระสอบข้าวและแผงโซลาร์เซลล์ จนคณะกรรมการการเลือกตั้งของหมู่เกาะโซโลมอน ต้องออกมาเรียกร้องให้ประชาชน อย่าบอกคนอื่นว่าตัวเองลงคะแนนให้ใคร และหลีกเลี่ยงจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
ขณะเดียวกัน ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งกังวลว่า อาจเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นระหว่างกระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยนโยบายเข้าหาจีนของนายโซกาวาเร เคยทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลมาแล้ว และเกิดเหตุความรุนแรงที่เขตไชน่าทาวน์ ในกรุงโฮนีอารา ในปี 2562 และ 2564
“ในขณะที่กระบวนการดำเนินไปถึงการจัดตั้งรัฐบาล และประกาศชื่อนายกรัฐมนตรี เราเคยเห็นมาก่อนแล้วว่ามีความรุนแรงปะทุขึ้น และนั่นคือปัญหาน่ากังวลสำหรับเจ้าหน้าที่และพันธมิตรของโซโลมอน” ดร.นิวตัน เคนกล่าว
เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กชั่วคราวไปตั้งไว้รอบสถานทูตจีน ขณะที่ตำรวจท้องถิ่นก็กำลังรับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่จากออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และปาปัวนิวกินี
การเลือกตั้งชี้ชะตาประเทศ
หากนายโซกาวาเรชนะการเลือกตั้งอีกสมัย ก็อาจมองได้ว่า ประชาชนเห็นด้วยกับนโยบายของเขาในการกระชับความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่หมู่เกาะโซโลมอนแล้วหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อโครงการพัฒนาต่าง ๆ เช่น การสร้างท่าเรือ, ถนน และเครือข่ายโทรคมนาคม
“เขา (โซกาวาเร) มองมันเป็นการพาหมู่เกาะโซโลมอนออกสู่แผนที่โลก เขามองว่ามันคือการยืนอยู่ถูกฝั่งในประวัติศาสตร์ และอาจถูกฝั่งทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน เขาเคยพูดไว้ว่า เขาอยากรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนเก่าแก่อย่างออสเตรเลีย และอาจรวมถึงสหรัฐฯ ด้วย” ดร.นิวตัน เคน กล่าว
แต่หาผู้นำเปลี่ยนมือไปเป็น นายแมทธิว เวล หรือ ปีเตอร์ เคนิโลเรอา จูเนียร์ ดร.นิวตัน เคน คาดว่า เราอาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ จุดยืนด้านนโยบายต่างประเทศของพวกเขาต่างจากโซกาวาเรา อาจเอียงเข้าหาชาติตะวันตกมากขึ้น และหาทางผูกมิตรกับออสเตรเลียและสหรัฐฯ ต่อไป
แต่สำหรับชาวโซโลมอน อาจมีเพียงชนชั้นกลางในกรุงโฮนีอารา และบางส่วนในเมืองมาไลตาเท่านั้น ที่โหวตโดยให้ความสำคัญเรื่องปัญหาระหว่างประเทศ ในขณะที่ผู้โหวตส่วนใหญ่ กำลังเผชิญปัญหาและความต้องการอย่างปัจจุบันทันด่วน จึงมักลงคะแนนให้ผู้สมัครที่เชื่อว่า สามารถช่วยเหลือพวกเขา, ครอบครัว หรือสังคมของพวกเขาได้ ด้วยความช่วยเหลือทางกายภาพโดยตรง
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
———————————————————
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 18 เม.ย. 2567
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2779096