เหตุเรือขนส่งสินค้า “ต้าหลี่” ชนเข้ากับสะพานฟรานซิส สก็อตต์ คีย์ ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา จนถล่มและกลายเป็นวิกฤตทางการขนส่งระหว่างประเทศ รวมถึงหายนะสำคัญครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย
ความท้าทายครั้งใหญ่หลังจากนี้ คือการจัดการเก็บกู้ซากชิ้นส่วนของสะพาน เคลื่อนย้ายเรือขนส่งสินค้าออกไป และสกัดชิ้นส่วนต่าง ๆ ของสะพานออกไปเพื่อบูรณะสะพานขึ้นมาใหม่
ล่าสุดรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติเงินทุนฉุกเฉินเป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,100 ล้านบาท ให้แก่ทางการรัฐแมรีแลนด์ตามคำร้องขอ เพื่อมาดำเนินการแผนการกู้สะพานและจัดการกับเศษซากที่พังถล่มลงไปในแม่น้ำปาแทปส์โกออกไป เพื่อสร้างสะพานแห่งใหม่ขึ้นแทน
“เส้นทางยังอีกยาวไกลสำหรับพวกเรา” เวส มัวร์ ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ กล่าวยอมรับถึงภารกิจเก็บกู้ซากสะพานในเมืองบัลติมอร์ที่กลายเป็นพาดหัวข่าวทั่วโลกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
บีบีซีไทยรวบรวมข้อมูลที่ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ได้แถลงชี้แจงต่อสาธารณะเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ถึงแผนการกู้สะพานและการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้
ระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วน
ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์เปรียบเทียบกรณีเรือชนสะพานจนถล่มในเมืองบัลติมอร์ว่า สถานการณ์แตกต่างจากกรณีการเคลื่อนย้ายเรือสินค้าขนาดใหญ่ที่ติดแหง็กขวางคลองสุเอซของอียิปต์ จนทำให้เส้นทางการเดินเรือที่คิดเป็น 12% ของการค้าโลกเป็นอัมพาตระยะหนึ่ง เนื่องจากสภาพที่เกิดขึ้นจริงในตอนนี้คือ มีส่วนของสะพานคีย์ บริดจ์ที่ยังติดอยู่ที่ด้านบนของเรือขนส่งสินค้าลำนี้
“เรากำลังพูดถึงเหล็กซึ่งมีน้ำหนักราว 3,000-4,000 ตัน ที่กดทับอยู่บนลำเรือขนส่งลำนี้” มัวร์ อธิบายและระบุว่า ขณะเดียวกันทัศนวิสัยในแม่น้ำก็แย่มาก และยังเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนของซากสะพานใต้แม่น้ำ ทำให้นักประดาน้ำไม่สามารถมองเห็นใต้น้ำได้เกินกว่าระยะหนึ่งหรือสองฟุต
“ดังนั้นในปฏิบัติการส่วนใหญ่ นักประดาน้ำจำเป็นต้องใช้ความรู้สึกล้วน ๆ ซึ่งจะต้องมีวิธีการ มีวินัย และความกล้าหาญอย่างมากในการดำน้ำในความมืดที่มีวัตถุและเศษชิ้นส่วนต่าง ๆ อยู่รอบตัว” เขาอธิบาย
ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้รัฐแมรีแลนด์ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในขั้นตอนการเก็บกู้ดังกล่าว
คริส ฟาน ฮอลเลน สว.รัฐแมรีแลนด์จากพรรคเดโมแครต เปิดเผยว่า องค์กรวิศวกรกองทัพสหรัฐฯ (US Army Corps of Engineers) จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเก็บกวาดแม่น้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่ 32 นาย พร้อมกับผู้รับเหมาของกองทัพเรือสหรัฐฯ 38 ราย
ในวันศุกร์ที่ 29 มี.ค. จะมีเครนขนาด 1,000 ตัน ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในท่าเรือด้านตะวันออกของสหรัฐฯ เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุเพื่อช่วยรื้อถอนซากสะพาน และจะตามมาด้วยเครนขนาด 400 ตัน ที่จะมาถึงในวันเสาร์นี้เพื่อช่วยเคลียร์ซากปรักหักพัง
ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็ต้องคำนึงถึงขั้นตอนการตัดชิ้นส่วนสะพานออกเป็นชิ้นเพื่อให้เครนสามารถยกชิ้นส่วนออกมาได้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จะต้องติดตั้งทุ่นบรรจุน้ำขนาด 2,400 ฟุตเพื่อป้องกันการรั่วไหลของวัตถุอันตรายจากเรือขนส่งสินค้าด้วย
ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ระบุว่า บนเรือต้าหลี่มีการบรรทุกตู้สินค้าหลายพันตู้ ในจำนวนนั้น 56 ตู้บรรจุวัตถุอันตรายอยู่ภายใน เช่น แบตเตอรีลิเทียมและน้ำหอม
ขณะที่ เจนนิเฟอร์ โฮเมนดี ประธานคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุว่า มีการตรวจพบว่ามีสารไวไฟและสารกัดกร่อนรวมกันราว 764 ตันบนเรือด้วย
ทุน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรัฐบาลกลางอาจไม่เพียงพอ
นักวิเคราะห์คาดว่า ต้นทุนในการฟื้นฟูหายนะครั้งนี้จะไม่น้อย ขณะที่ ฟาน ฮอลเลน ระบุว่า รัฐแมรีแลนด์ถือว่าเข้าข่ายที่จะได้รับเงินทุนช่วยเหลือฉุกเฉินจากรัฐบาลกลางเพิ่มเติมจากส่วนที่ได้รับการอนุมัติมาแล้ว 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมที่จะได้มานี้จะช่วยครอบคลุมต้นทุนการสร้างสะพานขึ้นมาใหม่ได้ไม่น้อย
ทางด้านผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์บอกว่า ทางรัฐมีแผนจะให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่คนงานที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุดังกล่าวด้วย คิดเป็นราว 8,000 คน
นอกจากนี้ วุฒิสมาชิกจากรัฐแมรีแลนด์ผู้นี้ยังบอกด้วยว่า เขาจะเสนอให้ออกกฎหมายเพื่อมาช่วยให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เหลือในการฟื้นฟูด้วย
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังระบุด้วยว่า หากจำเป็นต้องปิดเส้นทางเดินเรือแห่งนี้เป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของโลกได้
คาดสูญเงินประกันการขนส่งทางทะเลสูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากความสูญเสียจากที่มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งพบร่างแล้ว 2 ราย ลอยด์ บริษัทประกันภัยในกรุงลอนดอนของอังกฤษได้ประเมินว่า หายนะภัยรอบนี้อาจจะเป็นเหตุแห่งการสูญเสียเงินประกันภัยทางทะเลที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
จอห์น นีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บ.ลอยด์ บอกบีบีซี ว่า “อาจจะกล่าวได้ว่า เหตุการณ์นี้อาจเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้แก่อุตสาหกรรมการเดินเรือที่ร้ายแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ยังมีข่าวดีอยู่บ้างว่า ยังมีการประกันภัยไว้”
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายรวมทั้งนักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์ ประเมินว่า ค่าความเสียหายอาจจะสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท
นักวิเคราะห์รายนี้ระบุอีกว่า ด้วยตัวสะพานเองมีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บริษัทประกันอาจจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นมูลค่าเงินระหว่าง 350 – 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกรณีมีผู้เสียชีวิตโดยความประมาท
นี่ยังไม่นับรวมมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจที่จะสูญเสียไประหว่างที่มีการปิดเส้นทางการเดินเรือแห่งนี้ และทำให้ท่าเรือบัลติมอร์ต้องปิดบริการชั่วคราว ซึ่งท่าเรือแห่งนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 14 ของสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว มีปริมาณการขนส่งสินค้าต่างประเทศ 52.3 ล้านตันผ่านท่าเรือแห่งนี้
——————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : บีบีซีไทย / วันที่เผยแพร่ 29 มี.ค.67
Link : https://www.bbc.com/thai/articles/cgl5p02zgy2o