สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้ครูสามารถพกปืนพกในโรงเรียนได้ หลังเหตุกราดยิงหลายครั้ง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (23 เม.ย.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้ครูสามารถพกปืนพกที่โรงเรียนได้ ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 68 ต่อ 28 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรรัฐเทนเนสซี ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก หลังจากวุฒิสภาของรัฐผ่านร่างกฎหมายเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เกิดการถกเถียงอย่างดุเดือดในรัฐเทนเนสซีเกี่ยวกับกฎหมายปืน นับตั้งแต่เหตุกราดยิงที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองแนชวิลล์เมื่อปีที่แล้ว ทำให้มีเด็ก 3 คน และเจ้าหน้าที่ 3 คน เสียชีวิต โดยสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนในสภา ได้ช่วยนำการประท้วงภายในศาลาว่าการรัฐ ซึ่งนำไปสู่การถูกขับออกจากที่ประชุมในช่วงสั้น ๆ เมื่อปีที่แล้ว
จัสติน เพียร์สัน สส.พรรคเดโมแครตที่ถูกไล่ออกจากสภาเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่จะถูกโหวตกลับเข้ามา กล่าวในสื่อโซเชียลมีเดียว่า “นี่เป็นวันที่เลวร้ายสำหรับรัฐเทนเนสซี ลูก ๆ ของเรา ครูของเรา และชุมชน” และกล่าวว่า “แทนที่จะปกป้องเด็ก ๆ พวกเขากลับปกป้องปืนอีกครั้ง”
พรรครีพับลิกันและฝ่ายอนุรักษนิยมอื่น ๆ มักผลักดันให้ครูพกอาวุธปืนเพื่อตอบโต้เหตุกราดยิงในโรงเรียนที่เกิดขึ้นหลายครั้งในสหรัฐฯ ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ผู้เสนอกฎหมายดังกล่าวโต้แย้งว่าครูที่พกอาวุธปืนอาจช่วยยับยั้งการก่อเหตุยิงในโรงเรียน ส่วนผู้คัดค้านมองว่าการพกปืนในโรงเรียนมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การก่อเหตุยิงโดยไม่ได้ตั้งใจ
ข้อมูลจากศูนย์กฎหมายกิฟฟอร์ดส์ ซึ่งเป็นกลุ่มความปลอดภัยของอาวุธปืน ระบุว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของรัฐทั้งหมดในสหรัฐฯ อนุญาตให้ครูหรือเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนสามารถพกพาอาวุธปืนในบริเวณโรงเรียนได้
ภายใต้ร่างกฎหมายของรัฐเทนเนสซี บุคคลใดก็ตามที่ต้องการพกปืนพกแบบปกปิดในโรงเรียน จะต้องผ่านการฝึกอบรมด้านการป้องกันความปลอดภัยของโรงเรียนอย่างน้อย 40 ชั่วโมง ส่วนค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพร้อมอาวุธปืน ผู้ฝึกอบรมจะต้องชำระเอง
ร่างกฎหมายดังกล่าว จะไม่มีการเปิดเผยตัวตนของครูหรือเจ้าหน้าที่ที่พกอาวุธปืนต่อสาธารณะ ฝ่ายบริหารของโรงเรียนจะต้องอนุมัติให้บุคคลนั้นพกพาปืนได้ และผู้นำหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่นจะต้องได้รับแจ้งถึงตัวตนของผู้พกอาวุธปืน
———————————————————
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 24 เม.ย. 2567
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2780487