‘กลาโหม’ผุดศูนย์ต่อต้านสถานการณ์วิกฤตนานาชาติ กำหนดท่าทีความมั่นคงในอนาคต ด้าน’กองทัพไทย’ผุดไซเบอร์คอมแมน จัด 3 ทีม เชิงรับ-เชิงรุก – รร.อะคาเดมี่ ฝึกกำลังพล-พลเรือนรับสถานการณ์ในอนาคต เริ่ม 1 ต.ค.นี้
เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2567 ที่กองทัพเรือ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม ว่า ในขณะนี้กองทัพไทยมีนโยบายที่สำคัญ คือการจัดตั้งหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร หมายความว่านโยบายสร้างกองทัพที่ทันสมัย ที่เคยได้มอบหมาย ในด้านเทคโนโลยีการปรับปรุงการรบด้านยุทธวิธี ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ วันนี้สำเร็จถึงขั้นบรรลุ ได้ยกระดับยุบรวมหลายหน่วยงาน ขึ้นมาเป็นหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร พร้อมกำหนดภารกิจโครงสร้างชัดเจน และที่สำคัญมีระบบโรงเรียนดิจิทัลโรงเรียนไซเบอร์ ที่จะสอนกำลังพลและพลเรือน และหน่วยดังกล่าวอาจจะต้องพัฒนาไปสู่กองทัพไซเบอร์ในอนาคต
ด้าน พ.อ.ชาติชาย ชัยเกษม หัวหน้าฝ่ายเสธ ประจำผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน ด้านไซเบอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เราได้ขยายจากศูนย์ไซเบอร์ทหารเป็นหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร โดยจะมีการจัดตั้งไซเบอร์เป็นทีม ตั้งแต่ระดับกองทัพและระดับประเทศ คล้ายกับหน่วยไซเบอร์คอมแมนของสหรัฐอเมริกา หากเกิดเหตุการณ์สำคัญ กองทัพก็จะมีความสามารถในการเตรียมการจัดทีมรับผิดชอบสาธารณูปโภคสำคัญของประเทศ นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งไซเบอร์อะคาเดมี่ ซึ่งประเทศไทยยังไม่มี กองทัพจะเป็นศูนย์กลางให้การศึกษาด้านไซเบอร์ ทั้งในระดับกองทัพและนอกกองทัพ
“เรื่องไซเบอร์ถือเป็นประเด็นร้อนของโลก นับเป็นสงครามทางด้านไซเบอร์ ซึ่งจากการที่ผมได้ไปเยือนทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ ไซเบอร์ถือเป็นมิติการรบ เราจะเตรียมทีมให้พร้อม บนมิติ ไซเบอร์เช่นเดียวกัน 3 ทีมเตรียมไว้ เป็นทีมเชิงรับ ทีมรับผิดชอบระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญของประเทศ เป็นทีมเชิงรุก ทีมไซเบอร์อะคาเดมี่ โดยจะเริ่มใช้วันที่ 1 ต.ค.นี้ ในงบประมาณปี 2568” พ.อ.ชาติชาย กล่าว
นายสุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้ กองทัพไทย ยังรายงานว่ามีการตั้งศูนย์ต่อต้านสถานการณ์วิกฤตนานาชาติ ถือเป็นความคืบหน้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อสังคมว่า ต่อสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นผันผวนและวิกฤตในวันนี้ กองทัพไทย ได้ตั้งศูนย์ขึ้นมารับมือเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ด้าน พล.ร.ต.ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกระทรวงกลาโหม ได้มีการติดตามด้านสถานการณ์ความมั่นคงทั้งในภูมิภาคและระดับโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งการเมืองการทหารและการต่างประเทศสิ่งเหล่านี้จะนำมากำหนดเป็นนโยบายและท่าทีที่เหมาะสมของกระทรวงกลาโหมต่อไปเพื่อส่งเสริมความมั่นคงในทุกระดับ
————————————————————————————————————————————-
ที่มา : แนวหน้า / วันที่เผยแพร่ 21 พ.ค. 2567
Link : https://www.naewna.com/politic/805973