• ความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบบนท้องฟ้าและทะเลรอบๆ เกาะไต้หวัน จีนได้เริ่มกล่าวโจมตีนายวิลเลียม ไล ประธานาธิบดีของไต้หวันว่า เขาคือสาเหตุของซ้อมรบครั้งใหญ่
• หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส เรียกนายวิลเลียม ไล ว่า “คนอวดดี” และ “คนไม่ยั้งคิด” ส่วนสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี บอกว่า นายไล “จะต้องถูกตอกเล็บตรึงไว้กับความน่าอับอายทางประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน” และโจมตีเขาอย่างรุนแรงต่อการ “ขายทฤษฎีสองชาติ”
• แม้จะมีความสัมพันธ์อันดุเดือดระหว่างพรรครัฐบาล DPP ของไต้หวันกับฝ่ายค้าน จากข่าวการทะเลาะวิวาทกันในรัฐสภา แต่การฝึกซ้อมรบของจีนได้นำทุกฝ่ายมาจับมือกัน พรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเดิมมีภาพที่สนับสนุนจีน ได้ออกมาเรียกร้องให้จีนอดทนอดกลั้น แสดงให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาต้องการถูกมองว่าเป็นมิตรกับจีน
การฝึกซ้อมทางทหารของจีนทั้งทางอากาศ และทะเลรอบเกาะไต้หวันได้สิ้นสุดลงแล้ว และการฝึกซ้อมครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนจะสามารถล้อมเกาะไต้หวันทุกด้านด้วยเรือและเครื่องบินได้อย่างไร จีนได้สร้างความปกติใหม่ในช่องแคบไต้หวันแล้ว โดยเพิ่มแรงกดดันทางการทหารในไต้หวันอย่างต่อเนื่อง
แล้วการฝึกซ้อมเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไร – และมันบอกอะไรเราได้บ้าง?
โฆษณาชวนเชื่อกับความเป็นจริง
ยากที่จะบอกได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากสิ่งที่จีนเปิดเผยต่อสาธารณะ พื้นที่ที่ครอบคลุมการซ้อมรบครั้งนี้อาจมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และรวมถึงช่องแคบไต้หวัน ช่องแคบบาชิ (ซึ่งแยกไต้หวันออกจาก ฟิลิปปินส์) และแนวมหาสมุทรแปซิฟิกขนาดใหญ่ตามแนวชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน
เจียห ชุง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารไต้หวัน กล่าวว่า การฝึกซ้อมเมื่อวันที่ 23 พ.ย. มุ่งเน้นไปที่การปิดล้อมเกาะ โดยจำลองการโจมตีเต็มรูปแบบ ยกเว้นการยกพลขึ้นบก เขาคิดว่าการรวมเกาะนอกชายฝั่งทั้งหมดของไต้หวันเข้าด้วยกันแสดงให้เห็นถึงแผนการของจีนในการกำจัดสิ่งที่อาจช่วยให้ไต้หวันเปิดการโจมตีตอบโต้ต่อกองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA)
นอกจากนี้เขายังคิดว่าการฝึกซ้อมสองวันที่ผ่านมาจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ไต้หวันจะต้องเผชิญในปีนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อปฏิบัติการ “จอยต์ สอร์ด 2024-A” หรือที่แปลว่า การลงดาบร่วมของปี 2024 ครั้ง A ภาพที่ถูกเผยแพร่เแสดงให้เห็นกองทัพปลดปล่อยประชาชน จำลองการโจมตีเมืองและท่าเรือหลักของไต้หวัน
วิดีโอซึ่งเผยแพร่โดยกองบัญชาการภาคตะวันออกของ PLA แสดงให้เห็นกองเรือที่กำลังเข้าใกล้ไต้หวัน พร้อมด้วยคำว่า “บุกเข้าไป!” “ล้อม!” “ล็อก!” จากนั้นทั่วทั้งไต้หวันจะถูกเน้นด้วยสีส้ม ซึ่งบ่งบอกถึงการถูกจีนเข้าควบคุมทั้งหมด
นอกจากนี้ จีนยังได้เผยแพร่วิดีโอของกองบัญชาการภาคตะวันออก ที่อธิบายจุดประสงค์ของการฝึกซ้อมด้วยภาษาทางการเมืองว่า “ดังที่เราเห็น เราได้กำหนดพื้นที่ซ้อมรบ 2 แห่งในทะเลและทางอากาศใกล้กับภาคตะวันออกของเกาะ โดยส่วนใหญ่เพื่อสกัดการหลบหนีของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเพื่อ ‘เอกราชของไต้หวัน’ และบุกเข้าไปยังเขตปลอดภัยของพวกเขา”
ชายฝั่งตะวันออกของเกาะมีโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารที่สำคัญ และเนื่องจากเกาะนี้ตั้งอยู่ใกล้เกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่น จึงเป็นเส้นทางส่งกำลังเสริมที่เชื่อถือได้สำหรับพันธมิตรของไต้หวัน รวมถึงสหรัฐฯ
นอกจากนั้น จีนได้เผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับเรือยามฝั่งกลุ่มหนึ่งที่กำลังเข้าใกล้ภายในรัศมี 3 ไมล์ทะเลของเกาะหวู่ฉิว ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของไต้หวัน ซึ่งเป็นโขดหินเล็กๆ นอกชายฝั่งฝูเจี้ยน ที่มีเพียงนกทะเลและกองทหารรักษาการณ์ขนาดเล็กของไต้หวัน
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. กระทรวงกลาโหมของไต้หวันเผยว่าพบเครื่องบินจีน 49 ลำ เรือรบ 19 ลำ และเรือยามฝั่ง 7 ลำใกล้กับน่านน้ำอาณาเขตของไต้หวัน เรือส่วนใหญ่เป็นเรือฟริเกต และเรือคอร์เวต ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าและบรรทุกอาวุธได้น้อยกว่า
แต่ไม่พบว่ามีเรือรบหนักของจีน เช่น เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก หรือเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าร่วมด้วย และหากมีการบุกจริง จะต้องมีเรือขนาดใหญ่กว่าและมีจำนวนมากกว่ามาก ครั้งสุดท้ายที่การโจมตีทางทะเลและทางอากาศครั้งใหญ่เกิดขึ้นใกล้กับไต้หวัน คือการที่สหรัฐฯ บุกหมู่เกาะโอกินาวาในปี 2487 กองเรือสหรัฐฯ มีเรือรบเกือบ 300 ลำ รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน 11 ลำ และกองเรือและเรือเสบียงหลายร้อยลำ
จีนไม่ชอบประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน
การซ้อมรบเมื่อวันพฤหัสบดี มาพร้อมกับการกล่าวประณามบุคคลที่รัฐบาลจีนกล่าวว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมด นั่นคือ นายวิลเลียม ไล ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน
หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส เรียกนายวิลเลียม ไล ว่า “คนอวดดี” และ “คนไม่ยั้งคิด” ส่วนสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี บอกว่า นายไล “จะต้องถูกตอกเล็บตรึงไว้กับความน่าอับอายทางประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน” และโจมตีเขาอย่างรุนแรงต่อการ “ขายทฤษฎีสองชาติ” พร้อมเตือนว่า หากนายไล และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของเขา “ยังคงเดินหน้าในเส้นทางการนำไต้หวันสู่อิสรภาพตามที่วางไว้ พวกเขาจะถูกบดขยี้และเผาไหม้ในท้ายที่สุด”
ในการกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค. นายไลใช้คำว่า “จีน” เพื่ออธิบายถึงจีน รัฐบาลจีนบอกว่า การกระทำเช่นนี้ของเขาได้เปิดเผยความคิดที่แท้จริงของเขาว่า ไต้หวันไม่ใช่จีน และเป็นคนละประเทศกัน ในสายตาของจีน นี่คือการยอมรับอุดมการณ์ “แบ่งแยกดินแดน” ของผู้นำไต้หวัน
สำหรับคนนอกสิ่งนี้อาจฟังดูไร้สาระ แต่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จีนและไต้หวันมักสับสนกับคำจำกัดความของจีน และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนหรือไม่ แม้แต่อดีตประธานาธิบดีไช่ก็ยังใช้ความระมัดระวังในการอ้างถึงจีนด้วยถ้อยคำที่สละสลวย เช่น “อีกฟากหนึ่งของช่องแคบ” หรือ “ทางการปักกิ่ง”
นักวิชาการบางคนในไต้หวันชี้ว่า ภาษาเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญ และนายไลได้ข้ามเส้นอันตรายนั้นไปแล้ว ขณะที่นักวิชาการอีกบางส่วน มองว่า ความเกลียดชังต่อนายไลของรัฐบาลจีนนั้นถูกสลักติดแน่นไว้ในหินอยู่แล้ว และสุนทรพจน์ของเขาเป็นเพียงการอ้างเหตุผลเชิงโวหารให้กับการออกมาขู่ไต้หวันครั้งล่าสุดเพียงเท่านั้น
นักวิชาการส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องกันว่า มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่านายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนต้องการให้จีนควบคุมไต้หวัน แต่ประชาชนชาวไต้หวันปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ต้องการเช่นนั้น
นี่คือความปกติใหม่
แต่ไม่มีใครในไต้หวันรู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษ สำหรับพวกเขาแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ค่อนข้างมาก เมื่อพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของนายไล ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่สามติดต่อกันในช่วงต้นเดือนมกราคม หลายคนสงสัยว่ารัฐบาลจีนจะตอบสนองอย่างไรและเมื่อใด
ข้อสันนิษฐานที่ชัดเจนก็คือ จะเกิดขึ้นหลังจากที่นายไลเข้ารับตำแหน่งพร้อมกับกล่าวปราศรัยประธานาธิบดีครั้งแรก และเพียง 4 วันหลังจากการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีไล จีนก็ได้ให้คำตอบแล้ว
เบาะแสหลักของเรื่องนี้คือไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นได้เอง แต่มันถูกเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เพราะไม่มีกองทัพใด แม้กระทั่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนที่สามารถระดมพลได้ในระดับนี้ ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างก็คือ จนถึงขณะนี้ จีนได้ข้ามเส้นกั้นกลาง ซึ่งเป็นพรมแดนที่ไม่เป็นทางการซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งทั้งสองฝั่งประมาณ 50 ไมล์ทะเลมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยข้ามเขตต่อเนื่องทางทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งไต้หวันประมาณ 24 ไมล์ นั่นแสดงให้เห็นว่าแม้จีนจะใช้ท่าทีที่ก้าวร้าว แต่ก็ยังคงระมัดระวังอย่างมาก
สภาพทั่วไปในนครไทเป ประชาชนทั่วไปแสดงการตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าวในท่าทีที่คล้ายกัน หลายคนบอกว่าพวกเขาไม่กังวล แต่นั่นอาจไม่เป็นความจริง เพราะการอยู่ใกล้กับจีนก็เหมือนอยู่ในเขตแผ่นดินไหว ที่เกิดภัยคุกคามได้เสมอ และการซ้อมรบก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและอันตรายมากขึ้น ดังนั้นทุกฝ่ายต้องเตรียมพร้อมรับมือ แต่ประชาชนยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป
แม้จะมีความสัมพันธ์อันดุเดือดระหว่างพรรครัฐบาล DPP ของไต้หวันกับฝ่ายค้าน จากข่าวการทะเลาะวิวาทกันในรัฐสภา แต่การฝึกซ้อมรบของจีนได้นำทุกฝ่ายมาจับมือกัน พรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ซึ่งเดิมมีภาพที่สนับสนุนจีน ได้ออกมาเรียกร้องให้จีนอดทนอดกลั้น แสดงให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาต้องการถูกมองว่าเป็นมิตรกับจีน
นอกจากนี้ ยังมีการประชดประชันอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นที่นี่ หนึ่งในนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความเข้าใจเกี่ยวกับไต้หวันและประชาชนที่น้อยมาก
วันนี้ จีนได้ประกาศว่าปฏิบัติการทางการทหารได้มุ่งเป้าไปที่การ “ขัดขวางและเอาชนะกองกำลังที่ต้องการเอกราชเท่านั้น”
เมื่อใดก็ตามที่จีนใช้การข่มขู่ทางการทหาร เสียงสนับสนุนต่อพรรค DPP ก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และทำให้พรรค KMT ที่เป็นมิตรของจีน มีคะแนนนิยมลดลง ตัวอย่างล่าสุดที่เห็นได้ชัดคือในช่วงหลายเดือนก่อนการเลือกตั้งในเดือน ม.ค. ที่มีการรุกรานทางการทหารจากจีน นายไล มีคะแนนนิยมสูงสุด
หากเป้าหมายของจีน คือการข่มขู่ชาวไต้หวันให้เลิกสนับสนุนพรรคการเมืองและผู้นำที่ท้าทายจีน จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะให้ผลในทางตรงกันข้าม.
ที่มา BBC
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 29 พ.ค. 67
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2788740