บริษัทเทคโนโลยีจะต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อดูแลความปลอดภัยของเด็กเล็กบนโลกอินเทอร์เน็ต หลังจากมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติความปลอดภัยออนไลน์ (Online Safety Act) แต่กฎระเบียบใหม่นี้จะยังไม่เริ่มมีผลจนกว่าจะถึงปี 2025 และนักวิจารณ์ก็ออกมาบอกว่า มันยังไม่เข้มงวดเพียงพอ นี่คือกรณีศึกษาในสหราชอาณาจักร
เด็กในสหราชอาณาจักรใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากแค่ไหน ?
ข้อมูลจาก Ofcom องค์กรอิสระของรัฐที่ทำหน้าที่กำกับดูแลโครงสร้างพื้นฐานและเนื้อหาของสื่อทั้งหมดในสหราชอาณาจักร ระบุว่า เด็กที่อายุ 8-17 ปีใช้เวลาออนไลน์ระหว่าง 2-5 ชั่วโมงต่อวัน โดยเวลาที่ใช้บนโลกออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเมื่อเด็กโตขึ้น
เด็กเกือบทุกคนที่อายุมากกว่า 12 ปี มีโทรศัพท์มือถือ และเกือบทั้งหมดดูวิดีโอบนแพลตฟอร์ม เช่น ยูทิวบ์ หรือ ติ๊กตอก
4 ใน 5 ของวัยรุ่นที่ใช้อินเทอร์เน็ตบอกว่า พวกเขาเคยใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เช่น ChatGPT หรือ MyAI ของสแนปแชท
ประมาณครึ่งหนึ่งของเด็กที่มีอายุมากกว่า 12 ปี คิดว่าการใช้อินเทอร์เน็ตดีต่อสุขภาพจิตของพวกเขา จากข้อมูลการศึกษาจาก Ofcom
แต่ก็เด็กส่วนน้อยบางคนที่ไม่คิดเช่นนั้น พบว่า 1 ใน 8 ของเยาวชนอายุ 8-17 ปี บอกว่า พวกเขาเคยต้องเจ็บปวดเพราะคำพูดที่เลวร้ายหรือรุนแรงบนโลกออนไลน์หรือบนแอปพลิเคชันส่งข้อความ
กรรมาธิการด้านเด็กของสหราชอาณาจักร ชี้ว่า ครึ่งหนึ่งของเด็กที่มีอายุ 13 ปี ที่ทีมงานสำรวจ รายงานว่าพวกเขาเห็น “หนังโป๊ที่รุนแรงและเหยียดผู้หญิง” บนเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์
พ่อแม่ควบคุมอะไรได้บ้างบนโลกออนไลน์?
พ่อแม่ 2 ใน 3 คนบอกว่า พวกเขาใช้การควบคุมเพื่อจำกัดสิ่งที่ลูก ๆ เห็นทางออนไลน์ ตามข้อมูลจาก Internet Matters องค์กรด้านความปลอดภัยที่จัดตั้งขึ้นโดยบริษัทอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรบางแห่ง
องค์กรนี้มีรายการเครื่องมือที่ผู้ปกครองสามารถใช้เพื่อควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูก ๆ ได้และมีคำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีใช้ด้วย ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ที่ต้องการลดโอกาสที่ลูก ๆ จะเห็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนยูทิวบ์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับเด็กวัยรุ่นในสหราชอาณาจักร พวกเขาก็สามารถตั้งค่าเวอร์ชันการแสดงผล “เฉพาะเด็ก” ซึ่งคัดกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ออกไป
สำหรับเด็กโตที่ใช้เว็บไซต์เป็นหลัก ผู้ปกครองสามารถตั้งค่าบัญชีที่สำหรับการควบคุมดูแล ซึ่งอนุญาตให้พวกเขาตรวจสอบเว็บไซต์ที่ลูก ๆ เข้าชม นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการดูแลบนแอปพลิเคชันส่งข้อความของเฟซบุ๊ก ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า “ศูนย์ครอบครัว” (Family Centre)
ติ๊กตอก กล่าวว่า เครื่องมือจับคู่ครอบครัวช่วยให้ผู้ปกครองตัดสินใจว่าจะสร้างบัญชีของวัยรุ่นเป็นแบบส่วนตัวหรือไม่
สำหรับอินสตาแกรม ผู้ปกครองสามารถจำกัดเวลาใช้งานในแต่ละวันได้ โดยสามารถกำหนดเวลาพัก และรายงานรายชื่อบัญชีที่ลูก ๆ ของพวกเขาเข้าไปเยี่ยมชมได้
แต่เครื่องมือนี้ไม่ได้ไร้เทียมทาน ข้อมูลของ Ofcom ชี้ให้เห็นว่าเด็กประมาณ 1 ใน 20 คน สามารถหาวิธีหลบเลี่ยงการควบคุมเหล่านี้ได้
ผู้ปกครองสามารถควบคุมอะไรบนโทรศัพท์ และเครื่องเล่นต่าง ๆ ได้บ้าง?
ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออาจปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ล่อแหลมบางเว็บไซต์จนกว่าผู้ใช้จะแสดงตนว่ามีอายุมากกว่า 18 ปี
นอกจากนี้ ผู้ให้บริการบางรายยังมีระบบควบคุมของผู้ปกครอง (parental controls) ที่สามารถจำกัดเว็บไซต์ที่เด็ก ๆ สามารถเข้าชมบนโทรศัพท์ของพวกเขาได้
โทรศัพท์และแท็บเล็ตของแอนดรอยด์และแอปเปิลมีแอปฯ และระบบที่ผู้ปกครองสามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน
เครื่องมือเหล่านี้สามารถปิดกั้นหรือจำกัดการเข้าถึงบางแอปฯ อย่างเฉพาะเจาะจง สามารถจำกัดเนื้อหาที่ล่อแหลม ป้องกันการซื้อสินค้า และติดตามการท่องเว็บไซต์ได้
แอปเปิลมีแอปฯ “Screen Time” และกูเกิลมี “Family Link” รวมถึงยังมีแอปพลิเคชันประเภทเดียวกันจากนักพัฒนารายอื่น ๆ
พร้อมกันนี้ บริการอินเทอร์เน็ตบ้านก็มีเครื่องมือควบคุมของผู้ปกครอง เพื่อคัดกรองเนื้อหาประเภทต่าง ๆ
นอกจากนี้ การควบคุมของเครื่องเล่นเกมยังช่วยให้ผู้ปกครองมั่นใจได้ว่า ลูก ๆ เล่นเกมเหมาะสมกับวัยและควบคุมการซื้อสินค้าภายในเกมได้
ควรพูดกับลูกเรื่องความปลอดภัยบนโลกออนไลน์อย่างไร?
การพูดคุยกับลูก ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยออนไลน์และการสนใจสิ่งที่พวกเขาทำในโลกออนไลน์ก็เป็นสิ่งสำคัญ จากข้อมูลจาก NSPCC ซึ่งเป็นมูลนิธิเด็กชั้นนำในสหราชอาณาจักร
มูลนิธินี้แนะนำให้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาประจำวัน เช่นเดียวกับการพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของพวกเขาที่โรงเรียน ซึ่งจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้แบ่งปันข้อกังวลใด ๆ ที่พวกเขามี ได้ง่ายขึ้น
กฎเกณฑ์ใหม่สำหรับบริษัทเทคโนโลยีมีอะไรบ้าง?
รัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าวว่าพระราชบัญญัติความปลอดภัยออนไลน์ ที่คาดว่าจะเริ่มใช้ในครึ่งหลังของปี 2025 จะบังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์และผู้ให้บริการเครื่องมือค้นหาออนไลน์ ต้องมีความรับผิดชอบต่อการป้องกันเด็กจากเนื้อหาที่ถูกกฎหมาย แต่เป็นภัยต่อผู้เยาว์
แพลตฟอร์มต่าง ๆ จะต้องแสดงว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย เช่น
– การล่วงละเมิดทางเพศในเด็ก
– พฤติกรรมควบคุมหรือบีบบังคับ
– ความรุนแรงทางเพศที่สุดโต่ง
– ส่งเสริมหรืออำนวยความสะดวกต่อการฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายตนเอง
– การทารุณกรรมสัตว์
– การขายยาเสพติดหรืออาวุธที่ผิดกฎหมาย
– การก่อการร้าย
– เว็บไซต์ลามกอนาจารจะต้องป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงเนื้อหา โดยต้องมีการตรวจสอบอายุ
ยังมีการบัญญัติอาชญากรรมอื่น ๆ ขึ้นใหม่ด้วย อาทิ
– การส่งภาพทางเพศอันไม่พึงประสงค์ผ่านช่องทางออนไลน์
– การแบ่งปันภาพลามกอนาจารที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงในลักษณะ “Deepfake” ซึ่งช่วยให้สร้างภาพลามกอนาจารโดยใช้ภาพใบหน้าของบุคคลอื่น
กฎหมายฉบับนี้ยังช่วยให้พ่อแม่ที่สูญเสียลูกน้อยได้รับข้อมูลเกี่ยวกับลูก ๆ ของตนเองจากบริษัทเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นด้วย
Ofcom ได้รับมอบหมายอำนาจบังคับใช้เพิ่มเติมในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทต่าง ๆ จะปฏิบัติตามกฎใหม่ และได้เผยแพร่ร่างจรรยาบรรณให้บริษัทเหล่านั้นปฏิบัติตามด้วย
กฎหมายดังกล่าวระบุว่า บริษัทต่าง ๆ ต้องปรับแต่งอัลกอริทึมที่ตัดสินใจว่าผู้ใช้จะเห็นเนื้อหาใด เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่เป็นอันตรายมากที่สุดจะไม่ปรากฏบนหน้าจอของเด็ก ๆ และลดการมองเห็น รวมทั้งลดความโดดเด่นของเนื้อหาที่เป็นอันตรายอื่น ๆ
เดม เมลานี ดอว์ส ประธานกรรมการบริหาร Ofcom เตือนว่า บริษัทใดที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อาจถูกปรับเพิ่มอายุผู้ใช้ขั้นต่ำเป็น 18 ปี
มิเชล โดนัลด์เลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีแห่งสหราชอาณาจักร เรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ดำเนินการตามจรรยาบรรณอย่างจริงจัง
“ขอให้ร่วมมือกับเราและเตรียมตัวให้พร้อม” เธอกล่าว “อย่ารอการบังคับใช้กฎหมายและค่าปรับมหาศาล จงก้าวขึ้นมาเพื่อปฏิบัติตามความรับผิดชอบของพวกคุณ และลงมือทำเดี๋ยวนี้”
นักวิจารณ์มองยังไง?
พ่อแม่บางคนที่สูญเสียลูกไปหลังจากเด็กเหล่านั้นได้รับผลกระทบจากเนื้อหาออนไลน์ที่เป็นอันตราย พวกเขามองว่ากฎหมายชุดใหม่นี้ยัง “ไม่เพียงพอ” และวิพากษ์วิจารณ์ถึงการบังคับใช้ที่ล่าช้า
เอียน รัสเซลล์ พ่อของมอลลี และเอสเธอร์ เกย์ แม่ของบรีอันนา เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ปกครองที่สูญเสียลูก และได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ริชี ซูแน็ก และผู้นำฝ่ายค้าน เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการเพิ่มเติม
พวกเขาต้องการการให้รัฐบาลเพิ่มเติมความแข็งแกร่งในพระราชบัญญัติความปลอดภัยออนไลน์ในช่วงครึ่งแรกของการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป และการเพิ่มเติมเนื้อหาเรื่องสุขภาพจิตและการป้องกันการฆ่าตัวตายเข้าไปในหลักสูตรการเรียนรู้ของโรงเรียนต่าง ๆ
“แม้ว่าเราจะศึกษาข้อเสนอล่าสุดของ Ofcom อย่างรอบคอบ แต่จนถึงตอนนี้ เราได้รับแต่ความผิดหวังจากการขาดความเอาจริงเอาจังของพวกเขา” กลุ่มผู้ปกครองที่สูญเสียลูกกล่าวในจดหมาย
บริษัทเทคโนโลยีคิดอย่างไรเกี่ยวกับกฎใหม่นี้?
เมตาและสแนปแชท กล่าวว่า พวกเขามีมาตรการป้องกันพิเศษสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอยู่แล้ว และเน้นย้ำถึงเครื่องมือสำหรับผู้ปกครองที่มีอยู่เดิม
“ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนหนุ่มสาว เราทราบดีว่า พวกเรามีความรับผิดชอบเพิ่มเติมในการสร้างประสบการณ์ที่ปลอดภัยและเป็นไปในทางที่ดี” ตัวแทนของสแนปแชท กล่าว
ตัวแทนของเมตา กล่าวว่า บริษัทต้องการให้คนหนุ่มสาว “เชื่อมต่อกับผู้อื่นในสภาพแวดล้อมที่พวกเขารู้สึกปลอดภัย”
“เนื้อหาที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ส่งเสริมการฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง หรือโรคเบื่ออาหาร ล้วนละเมิดกฎของเรา และเราจะลบคอนเทนต์เหล่านั้นเมื่อเราพบ” พวกเขากล่าว
บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่บีบีซีนิวส์ติดต่อไป ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับนี้
————————————————————————————————————————————-
ที่มา : บีบีซี / วันที่เผยแพร่ 12 พ.ค. 2567
Link : https://www.bbc.com/thai/articles/cm54rev1dxyo