คณะรัฐมนตรีอิสราเอล ลงมติสั่งปิดสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ชี้บั่นทอนความมั่นคง “เนทันยาฮู” ประกาศบุกเมืองราฟาห์ตามแผนเดิม
มีสัญญาณว่าสงครามในฉนวนกาซาจะถูกดึงลากยาวออกไป หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่าจะไม่ทำข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสเพื่อแลกกับการได้ตัวประกันกลับมา และยังประกาศเดินหน้าบุกเมืองราฟาห์ตามแผนการณ์เดิมอีกด้วย
ล่าสุดกองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลหรือ IDF ออกประกาศด่วน ให้ประชาชนในเมืองราฟาห์ออกจากพื้นที่ทันที ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอล มีมติอย่างท่วมท้นให้ระงับการออกอากาศและปิดสำนักงานของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราในอิสราเอล
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เปิดเผยภาพชายกลุ่มหนึ่งที่ขนข้าวของ เครื่องมือและอุปกรณ์การผลิตข่าวออกมาจากห้องพักของโรงแรมแอมบาสเดอร์ในนครเยรูซาเล็มฝั่งตะวันออก ซึ่งถูกใช้เป็นสำนักงานและจุดรายงานสด (Live Position) ของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา รอยเตอร์ระบุว่า ชายที่อยู่ในชุดพลเรือนเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิสราเอล
ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปิดสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราเนื่องจากมีพฤติกรรมปลุกปั่นและแตกแยก มติที่ออกมาหมายถึงรัฐบาลจะสามารถยึดอุปกรณ์การกระจายเสียง ถอดรายการของอัลจาซีราทั้งหมดออกจากผู้ให้บริการโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิล รวมถึงปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซด์ของอัลจาซีราบนอินเตอร์เนตด้วย ในส่วนของพนักงานและผู้สื่อข่าวออกจะถูกห้ามไม่ให้ออกปฏิบัติงาน
ด้าน โมฮาเหม็ด โมอาวาด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ได้ออกมาตอบโต้คำสั่งของรัฐบาลอิสราเอลทันทีโดยระบุว่า นี่คือการปราบปรามเสรีภาพของสื่ออย่างชัดเจน แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน พร้อมระบุว่าอัลจาซีราจะหาวิธีการในการนำเสนอภาพและข่าวจากสงครามในฉนวนกาซาต่อไป
ทั้งนี้ อัลจาซีรา ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากรัฐบาลกาตาร์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ มีขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของสถานีโทรทัศน์ข่าวทั่วโลก มีทั้งภาคภาษาอาหรับและภาคภาษาอังกฤษ โดยให้บริการ 24 ชั่วโมง เว็บไซด์ของอัลจาซีราระบุถึงเป้าหมายของตนเองว่า เพื่อเป็นสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรมและเปิดมุมมองการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่แตกต่างไปจากสื่อตะวันตก
โดยนับตั้งแต่เกิดสงครามในฉนวนกาซา อัลจาซีรารายงานข่าวนี้อย่างเข้มข้นผ่านบรรดาผู้สื่อข่าวชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ ขณะที่ในส่วนของบทวิเคราะห์มีการวิพากษ์วิจารณ์แนวทางการทำสงครามของรัฐบาลอิสราเอลอย่างหนัก
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลอิสราเอล รวมถึงนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูออกมากล่าวหาว่า อัลจาซีราคือกระบอกเสียงของกลุ่มฮามาส และกำลังมีส่วนบั่นทอนความมั่นคงของอิสราเอล มีการประกาศขู่ปิดมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีคำสั่งอย่างเป็นทางการออกมาเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยการปิดอัลจาซีราจะมีไปจนกว่าสงครามในฉนวนกาซาจะยุติ
ด้านสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติได้ตำหนิการตัดสินใจปิดสำนักข่าวอัลจาซีราของรัฐบาลอิสราเอล โดยระบุว่า นี่อาจสร้างความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับกาตาร์ ในช่วงที่กาตาร์กำลังพยายามเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
การปิดสถานีโทรทัศน์อัลจาซีราของประเทศกาตาร์อาจทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้น เพราะนับตั้งแต่เกิดสงคราม กาตาร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นประเทศที่สามารถพูดคุยกับกลุ่มฮามาสได้ โดยการเจรจาที่ประสบความสำเร็จคือเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ฮามาสปล่อยตัวประกันล็อตใหญ่คืนให้อิสราเอล และขณะนี้กาตาร์ก็ยังคงทำหน้าที่ในฐานะประเทศที่เป็นตัวกลางเจรจาสงบศึกระหว่างฮามาสกับอิสราเอล
ก่อนหน้านี้มีการคาดหวังว่า สงครามหรือการหยุดยิงอาจเกิดขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้หลังจากเมื่อวานนี้ สื่อหลายสำนักรายงานว่า อิสราเอลและฮามาสอาจมีการประนีประนอมกันได้ในข้อตกลงซึ่งกาตาร์ รวมถึงอียิปต์และสหรัฐฯ กำลังพยายามผลักดันตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้ สำนักข่าวเดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า คณะผู้แทนเจรจาของกลุ่มฮามาสได้เดินทางไปที่กรุงไคโร ของอียิปต์ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ของการเจรจาเพื่อพิจารณาข้อเสนอใหม่ที่ประเทศตัวกลางร่างและผ่านการพิจารณาจากทางอิสราเอลแล้ว
ข้อเสนอฉบับนี้มีการแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหรือ 3 ระยะ ระยะที่ 1 อิสราเอลจะหยุดโจมตีชั่วคราว 40 วัน เพื่อแลกกับการที่ฮามาสจะต้องปล่อยตัวประกันราว ๆ 20-33 คน (จากทั้งหมด 134 คน) คืนให้ทางอิสราเอล ส่วนระยะที่ 2 คือกลุ่มฮามาสจะต้องปล่อยตัวประกันที่เหลือทั้งหมดและร่างของตัวประกันที่เสียชีวิต เพื่อแลกกับนักโทษปาเลสไตน์
หลังจากนั้น จะเริ่ม “แผนการฟื้นฟูความสงบในระยะยาว” หรือ restoration of sustainable calm ในฉนวนกาซา ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีการปรับเปลี่ยนอยู่หลายรอบ หลังจากทั้งฮามาสและอิสราเอลขอแก้ไข
ก่อนที่เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา อิสราเอลจะตอบตกลงในหลักการสำหรับร่างที่ปรับแก้ ในวันเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ซึ่งขึ้นพูดบนเวทีของงาน World Economic Forum ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบียออกมาขอให้กลุ่มฮามาสรับข้อเสนอของอิสราเอล โดยระบุว่า นี่เป็นข้อเสนอที่ใจกว้างและพิเศษมาก
หลังจากนั้น ในวันที่ 5 พฤษภาคมหรือเมื่อวานนี้ คณะผู้แทนฮามาสก็เดินทางไปอียิปต์เพื่อพิจารณาข้อเสนอฉบับนี้
มีรายงานว่า ผู้แทนของฮามาสยังคงไม่พอใจสิ่งที่อยู่ในข้อเสนอ เนื่องจากไม่มีข้อความที่ระบุอย่างชัดเจนถึงเรื่องการหยุดยิงถาวรหรือ Permanent Ceasefire หลังจากที่อิสราเอลได้ตัวประกันทั้งหมดคืนแล้ว โดยในเอกสารมีการเลี่ยงไปใช้คำว่า “แผนการฟื้นฟูความสงบในระยะยาว” แทน ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ไม่มีหลักประกันว่า อิสราเอลจะไม่ใช้กำลังทางการทหารในฉนวนกาซาต่อ มีรายงานว่า ผู้แทนของฮามาสยังยืนยันที่จะให้มีการบรรจุคำว่า “หยุดยิงถาวร” ลงในข้อตกลง
สิ่งที่เกิดขึ้นส่งให้ให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เดือดจัดและเปิดแถลงข่าวทันที เมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้นำอิสราเอลประกาศกร้าวว่า ฮามาสยืนยันต้องการให้มีการหยุดยิงถาวรด้วยเหตุผลเดียวคือ เพื่อที่จะได้ปกครองฉนวนกาซาต่อ
แต่เขาจะไม่มีทางให้ในสิ่งที่กลุ่มฮามาสต้องการ เพราะการทำเช่นนั้นจะคือการพ่ายแพ้อย่างยับเยินของรัฐอิสราเอล จะเป็นการแสดงให้เห็นว่า อิสราเอลอ่อนแอ และเมื่ออิสราเอลอ่อนแอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ สงครามครั้งใหม่ ดังนั้นในขณะนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการสู้ต่อจนกว่าเป้าหมายในฉนวนกาซาจะบรรลุ
เป้าหมายที่ผู้นำอิสราเอลพูดถึง คือการทำลายกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาให้สิ้นซาก ซึ่งนี่คือการส่งสัญญาณทำในสิ่งที่หลายฝ่ายหวั่นเกรงมาตลอด นั้นก็คือการเดินหน้าบุกเมืองราฟาห์
ทั้งนี้ เมืองราฟาห์อยู่ตอนใต้สุดของฉนวนกาซาติดกับชายแดนประเทศอียิปต์ ที่นี่เป็นจุดที่เคยถูกเรียกว่า “พื้นที่ปลอดภัย” เนื่องจากเป็นบริเวณที่อิสราเอลประกาศให้พลเรือนในกาซาจากตอนเหนือและตอนกลางกว่า 1 ล้านคนย้ายมาอยู่ในระหว่างที่สงครามกำลังดุเดือดในพื้นที่อื่น ๆ อีกหนึ่งความสำคัญของราฟาห์ คือ เป็นจุดส่งผ่านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากโลกภายนอกเข้าสู่ฉนวนกาซา
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูระบุว่า มีความจำเป็นต้องเข้าทำสงครามภาคพื้นดินในราฟาห์ เพื่อกำจัดสมาชิกฮามาสกว่า 4 กองพันที่หนีไปหลบที่นั่น แผนเปิดศึกเต็มรูปแบบในราฟาห์ของของอิสราเอล ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ หลายคนรวมถึงประธานาธิบดีไบเดน ออกมาคัดค้านอย่างหนัก แต่ดูเหมือนว่าคำขู่จะหยุดอิสราเอลไม่ได้
นอกเหนือจากนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู อีกคนหนึ่งที่ออกมาประกาศยืนยันคือ โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ที่ระบุว่า ชัดเจนแล้วว่าฮามาสไม่สนใจที่จะทำข้อตกลง ดังนั้นการบุกราฟาห์จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
ในวันที่อิสราเอลส่งสัญญาณบุกราฟาห์ ความตึงเครียดก็ยกระดับทันทีเมื่อวานนี้ กลุ่มฮามาสใช้จรวดนับสิบลูกโจมตีเข้าใส่จุดรวมพลทหารอิสราเอลที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองราฟาห์ และทำให้มีทหารอิสราเอลเสียชีวิต 3 นาย ก่อนที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลจะประกาศให้คนในราฟาห์อพยพออกมาจากพื้นที่ทันที
นี่คือภาพของจรวดหลายลูกที่ฮามาสยิงออกมาจากฉนวนกาซา และพุ่งไปโจมตีจุดรวมพลของกองกำลั ป้องกันตนเองอิสราเอล หรือ IDF ฮามาสออกแถลงการณ์ระบุว่า กองทหารดังกล่าวกำลังเตรียมความพร้อมในการบุกเมืองราฟาห์ จุดที่ฮามาสโจมตีคือ ด่านคาเรน เชอโลม ซึ่งคาดว่าเป็นเส้นทางที่ IDF จะใช้เป็นทางผ่านไปเมืองราฟาห์
ด่านคาเรม เชอโลม (Karem Shalom) อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของฉนวนกาซา ไม่ไกลมากนักจากด่านราฟาห์ ซึ่งอยู่ทางใต้ติดกับประเทศอียิปต์ จุดนี้เป็นหลักของการขนส่งสินค้าระหว่างอิสราเอลและฉนวนกาซามาก่อน แต่ถูกอิสราเอลปิดตายตั้งแต่ปี 2007 หลังจากฮามาสเข้ายึดครองฉนวนกาซา
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ผู้แทนขององค์กรด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ OCHA ได้ขอให้อิสราเอลเปิดด่านนี้หลังจากวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซาเลวร้ายลง
หลังถูกจรวดฮามาสโจมตี ล่าสุด IDF ประกาศได้สั่งปิดด่านผ่านแดนแห่งนี้ทันที และขณะนี้รถขนของบรรเทาทุกข์ไม่สามารถเข้าไปในฉนวนกาซาได้ ในส่วนของความเสียหาย IDF เปิดเผยว่ามีกำลังพลในสังกัดเสียชีวิต 3 นาย ได้รับบาดเจ็บ 11 นาย จำนวนนี้ 2 นายมีอาการสาหัส
หลายฝ่ายระบุว่า นี่คือ การส่งสัญญาณว่า IDF จะมีการเคลื่อนกำลังพลเข้าราฟาห์ในอีกไม่นานหลังจากนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดที่ยกระดับ ล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา IDF ได้ประกาศให้ประชาชนในเมืองราฟาห์อพยพออกจากพื้นที่ทันที AFP รายงานอ้างอิงโฆษกของ IDF ที่ระบุว่า ตัวเลขของประชาชนที่อยู่ในข่ายต้องอพยพมีประมาณ 100,000 คน โดยจะเป็นแผนอพยพชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย หลายฝ่ายระบุว่า นี่คือ การส่งสัญญาณว่า IDF จะมีการเคลื่อนกำลังพลเข้าราฟาห์ในอีกไม่นานหลังจากนี้
หลังการประกาศ ชาวปาเลสไตน์ในเมืองราฟาห์หอบลูกจูงหลานทยอยออกจากเมือง โดยคนเหล่านี้จำนวนมากคือคนที่หนีมาจากพื้นที่อื่น ๆ ของฉนวนกาซาที่มีการสู้รบ มาหลบอยู่ที่เมืองที่ราฟาห์ เนื่องจากเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด คาดว่าจำนวนของผู้หนีภัยสงครามที่หนีภัยการสู้รบมาอยู่ที่นี่มีมากถึง 1.4 ล้านคน
———————————————————
ที่มา : PPTV Online / วันที่เผยแพร่ 6 พ.ค. 2567
Link : https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/223210