ทางการมัลดีฟส์ประกาศคำสั่ง ห้ามผู้ถือหนังสือเดินทางอิสราเอลเข้าประเทศ เพื่อร่วมประท้วงการทำสงครามในฉนวนกาซา
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางการมัลดีฟส์ได้ออกประกาศว่า จะห้ามผู้ถือหนังสือเดินทางอิสราเอลไม่ให้เข้าประเทศหมู่เกาะซึ่งมีชื่อเสียงในด้านรีสอร์ทหรูหราและหาดทรายสวยงามแห่งนี้ โดยมีเหตุผลปัจจัยหลักมาจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสในฉนวนกาซาที่ยังคงดำเนินอยู่
ดร.โมฮัมเหม็ด มูอิซซู ประธานาธิบดีมัลดีฟส์ มีมติที่จะบังคับใช้คำสั่งห้ามดังกล่าวตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
สำนักงานประธานาธิบดีมัลดีฟส์ระบุว่า หลังจากนี้จะแก้ไขกฎหมายของประเทศ และจะมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลความเคลื่อนไหวดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังมีรายงานข่าวการสั่งห้ามดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลได้แนะนำให้ชาวอิสราเอลหลีกเลี่ยงการเดินทางไปมัลดีฟส์ และ “สำหรับพลเมืองอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้น แนะนำให้พิจารณาเดินทางออกมา เพราะหากพวกคุณเผชิญปัญหาไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ก็จะเป็นเรื่องยากที่เราจะให้การช่วยเหลือ”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ประกาศดังกล่าวของทางการมัลดีฟส์จะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อใด
เมื่อปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเดินทางเยือนมัลดีฟส์เกือบ 11,000 คน ซึ่งคิดเป็น 0.6% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดของมัลดีฟส์ แต่ 4 เดือนอรกของปี 2024 ที่ผ่านมา ข้อมูลอย่างเป็นทางการยังแสดงให้เห็นว่า จำนวนชาวอิสราเอลที่ไปเยือนมัลดีฟส์ลดลงเหลือเพียง 528 คน ลดลงไปถึง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านและพรรคพันธมิตรรัฐบาลของมัลดีฟส์ ได้พยายามกดดันมูอิซซูให้แบนชาวอิสราเอล เพื่อเป็นการประท้วงต่อต้านสงครามฉนวนกาซา
มัลดีฟส์เคยยกเลิกการแบนนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลก่อนหน้านี้เมื่อต้นทศวรรษ 1990 และเดินหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์ในปี 2010 อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการฟื้นฟูต้องหยุดชะงักลงหลังจากการโค่นล้มประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด นาชีด ในเดือน ก.พ. 2012
ปัจจุบัน นอกจากมัลดีฟส์แล้ว ผู้ถือหนังสือเดินทางอิสราเอลยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าอีกมากกว่า 10 ประเทศ ได้แก่ แอลจีเรีย บังกลาเทศ บรูไน อิหร่าน อิรัก คูเวต เลบานอน ลิเบีย ปากีสถาน ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย และเยเมน
นอกจากการแบนนักท่องเที่ยวอิสราเอลแล้ว ประธานาธิบดีมูอิซซูประกาศด้วยว่า เขาจะแต่งตั้งทูตพิเศษเพื่อประเมินความต้องการของชาวปาเลสไตน์ และกำลังจัดตั้งโครงการระดมทุนเพื่อ “ช่วยเหลือพี่น้องของเราในปาเลสไตน์” ร่วมกับ UNRWA (สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้)
นอกจากนี้ มูอิซซูจะจัดการเดินขบวนทั่วประเทศมัลดีฟส์ภายใต้สโลแกน “Falastheenaa Eku Dhivehin” ซึ่งแปลว่า “ชาวมัลดีฟส์แสดงความเป็นปึกแผ่นกับปาเลสไตน์”
ประธานาธิบดีมูอิซซูเป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่ออกมาประณามการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองราฟาห์ ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 45 รายและบาดเจ็บมากกว่า 200 ราย
————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : Thaiger / วันที่เผยแพร่ 3 มิ.ย.67
Link : https://thethaiger.com/th/news/1155926/