เทคนิคการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหาของ Google หรือ SEO (Search Engine Optimization) เรามักจะใช้คีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญที่คนค้นหากันบ่อย ๆ เพื่อเอาชนะอัลกอริทึมของ Google และขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของหน้าผลการค้นหา แต่ไม่มีใครนอกจาก Google ที่รู้ว่าอัลกอริทึมเหล่านี้ทำงานอย่างไร จนกระทั่งมีเอกสารลับที่หลุดออกมาไม่นานนี้ ได้เผยความลับที่ถูกปกปิดไว้
เอกสารนี้ถูกเปิดเผยบน GitHub โดยไม่ได้ตั้งใจ ในนั้นนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีใช้ Content Warehouse API ของบริษัท แม้ Google จะพยายามแก้ไขข้อและปกปิดความลับนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ มีข้อมูลที่หลุดออกไป และผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ก็กำลังตรวจสอบเอกสารที่รั่วไหลนี้อยู่
สำหรับ Content Warehouse API เป็นเครื่องมือที่ให้พนักงานของ Google ไว้ใช้ภายใน ในนั้นได้มีการกำหนดคุณลักษณะ (attribute) ต่าง ๆ ในการจัดลำดับเว็บไซต์ไว้ ตัวอย่างเช่น Google Search จะจัดประเภทเนื้อหาเว็บโดยใช้คุณลักษณะมากกว่า 14,000 รายการ แต่ไม่มีรายละเอียดว่าแต่ละคุณลักษณะมี “น้ำหนัก” เท่าใดในการจัดทำดัชนีการค้นหา
โดยปกติ เรารู้กันอยู่แล้วว่า ลักษณะเฉพาะต่างๆ ที่ใช้ในการประเมินและจัดอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google ก็มักจะมาจาก
1. คำสำคัญ (Keywords): คำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์
2. คุณภาพของเนื้อหา (Content Quality): เนื้อหาที่มีประโยชน์ น่าเชื่อถือ และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
3. ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ (Page Load Speed): เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีกว่า
4. ความเป็นมิตรกับมือถือ (Mobile Friendliness): เว็บไซต์ที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ
5. ลิงก์ที่เชื่อมโยงเข้ามา (Backlinks): จำนวนและคุณภาพของลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของเรา
ทั้งหมดนี้ เป็นมาตรฐานที่เราใช้ในการทำ SEO แต่เอกสารลับนี้ ก็มีข้อมูลคุณลักษณะที่อื่น ๆ ที่ขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของ Google เกี่ยวกับการค้นหา เช่น เว็บไซต์ที่ชอบทำ Clickbait จะไม่ถูกนำมาจัดอันดับดัชนีเนื้อหา (แต่จริง ๆ ดันมีส่วนในการจัดอันดับ ไม่มากก็น้อย) หรือ Google มองว่าโดเมนย่อย (subdomain) ควรถูกพิจารณาแยกกันในการจัดอันดับของเว็บ (แต่จริง ๆ ก็มีส่วนในการจัดอันดับของ Domain หลัก)
Google ยังใช้การวัดผลที่น่าสงสัยในการจัดอันดับเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น โมดูลหนึ่งของ Content Warehouse ใช้จำนวนการดูจาก Chrome เป็นตัววัดคุณภาพของเว็บไซต์ ดังนั้น เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากขึ้นโดยใช้ Chrome จะมีอันดับสูงกว่า หากปัจจัยอื่น ๆ ทั้งหมดเท่ากัน เออ อันนี้แปลกจริง
จนถึงขณะนี้ Google ยังไม่ได้ให้คำแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเอกสารลับเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ก็เชื่อว่ามีวิศวกรของ Google กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพยายามลดผลกระทบ จากเหตุการณ์นี้ครับ
————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : Techhub / วันที่เผยแพร่ 4 มิ.ย.67
Link : https://www.techhub.in.th/content-warehouse-api/