การประท้วงบนท้องถนนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับบังกลาเทศ ประเทศในเอเชียใต้ที่มีประชากรถึง 170 ล้านคน แต่ความรุนแรงของการประท้วงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับการกล่าวว่าเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในความทรงจำของคนที่ยังมีชีวิตอยู่
มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คนจากความรุนแรง โดยเมื่อวันศุกร์ (19 ก.ค.) เพียงวันเดียวมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 คน
รัฐบาลได้มีมาตรการปิดกั้นการสื่อสารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยปิดทั้งอินเทอร์เน็ตและจำกัดการใช้โทรศัพท์
การประท้วงที่เริ่มต้นอย่างสงบในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้กลายเป็นความวุ่นวายทั่วประเทศ
นักศึกษามหาวิทยาลัยหลายพันคนประท้วงมาหลายสัปดาห์แล้วต่อระบบโควตาสำหรับตำแหน่งงานภาครัฐ
1 ใน 3 ของตำแหน่งงานในหน่วยงานภาครัฐ ถูกสงวนไว้สำหรับญาติของทหารผ่านศึกจากสงครามประกาศอิสรภาพของประเทศจากปากีสถานในปี 1971
นักศึกษาโต้แย้งว่าระบบนี้เป็นการเลือกปฏิบัติ และขอให้มีการรับสมัครงานตามความสามารถ
ผู้ประสานงานการชุมนุมกล่าวว่า ตำรวจและปีกนักศึกษาของพรรคสันนิบาตอวามี (Awami League) ที่รู้จักกันในนามสันนิบาตนักศึกษาแห่งบังกลาเทศ (Bangladesh Chhatra League) ได้ใช้กำลังรุนแรงต่อผู้ประท้วงอย่างสงบ ก่อให้เกิดความโกรธแค้นอย่างแพร่หลาย
รัฐบาลปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้
“ไม่ใช่แค่นักศึกษาอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนว่าผู้คนจากทุกวงการได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวประท้วง” ดร.ซามินา ลูธฟา รองศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยธากา กล่าวกับบีบีซี
การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้ว แม้ว่าบังกลาเทศจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก แต่นักวิจารณ์ชี้ว่าการเติบโตนั้นไม่ได้แปลว่าเกิดการจ้างงานสำหรับบัณฑิตที่เรียนจบมหาวิทยาลัย
มีการประมาณการว่ามีหนุ่มสาวบังกลาเทศประมาณ 18 ล้านคน ที่กำลังหางานทำ บัณฑิตมหาวิทยาลัยเผชิญกับอัตราการว่างงานที่สูงกว่าผู้ที่มีการศึกษาน้อยกว่า
บังกลาเทศกลายเป็นศูนย์กลางการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยส่งออกเสื้อผ้ามูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.45 ล้านล้านบาท) สู่ตลาดโลก
อุตสาหกรรมนี้จ้างงานคนมากกว่า 4 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่งานในโรงงานไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่
ภายใต้การปกครองเป็นเวลา 15 ปี ของนายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา บังกลาเทศได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งการสร้างถนน สะพาน โรงงาน และแม้กระทั่งระบบรถไฟใต้ดินในเมืองหลวงธากา
รายได้ต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้นสามเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และธนาคารโลกประมาณการว่ามีคนมากกว่า 25 ล้านคนพ้นจากความยากจนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลายคนกล่าวว่าการเติบโตบางส่วนนั้นช่วยเหลือเพียงผู้ที่ใกล้ชิดกับพรรคสันนิบาตอาวามี ของนางฮาสินาเท่านั้น
ดร.ลูธฟากล่าวว่า “เรากำลังเห็นการทุจริตมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ที่ใกล้ชิดกับพรรครัฐบาล การทุจริตนี้เกิดขึ้นมานานโดยไม่มีการลงโทษ”
สื่อสังคมออนไลน์ในบังกลาเทศ ได้เน้นการสนทนาเกี่ยวกับข้อกล่าวหาการทุจริตต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนางฮาสินาบางคนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงอดีตผู้บัญชาการทหาร อดีตผู้บัญชาการตำรวจ เจ้าหน้าที่ภาษีอากรอาวุโส และเจ้าหน้าที่รับสมัครงานของรัฐ
นางฮาสินากล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เธอกำลังดำเนินการปราบการทุจริตและยอมรับว่านี่เป็นปัญหาที่มีมานาน ในงานแถลงข่าวเดียวกันในธากา เธอกล่าวว่าเธอได้จัดการกับคนรับใช้ ผู้ช่วยงานที่บ้านคนหนึ่ง หลังจากที่เขาถูกกล่าวหาว่ามีเงินถึง 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.23 พันล้านบาท)
“เขาจะไม่ไปไหนมาไหนโดยไม่ใช้เฮลิคอปเตอร์ เขาได้เงินมากมายขนาดนี้มาได้อย่างไร ฉันได้ดำเนินการทันทีหลังจากทราบเรื่องนี้” เธอกล่าวแต่เธอไม่ได้ระบุชื่อบุคคลนั้น
สื่อมวลชนในบังกลาเทศต่างมองว่า เงินจำนวนมากขนาดนี้อาจสะสมได้จากการล็อบบี้สัญญารัฐบาล การทุจริต หรือการติดสินบน
คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตในบังกลาเทศได้เริ่มการสอบสวนอดีตผู้บัญชาการตำรวจเบนาซีร์ อาเหม็ด ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของนางฮาสินา ในข้อหาสะสมเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐโดยผิดกฎหมาย โดยเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้
ประชาชนทั่วไปในประเทศ ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ต่างให้ความสนใจกับข่าวเหล่านี้
นอกจากข้อกล่าวหาการทุจริตแล้ว นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนหลายคนชี้ว่า พื้นที่สำหรับกิจกรรมประชาธิปไตยได้หดตัวลงในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
“สำหรับการเลือกตั้ง 3 ครั้งติดต่อกัน ไม่มีการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม” มีนาคชิ กังกูลี ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียใต้ของฉิวแมนไรต์วอทช์ (Human Rights Watch) กล่าวกับบีบีซี
“[นางฮาสินา] อาจประเมินระดับความไม่พอใจของประชาชนที่ถูกปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานในการเลือกผู้นำของตนเองต่ำเกินไป” กังกูลีกล่าว
พรรคฝ่ายค้านหลักของบังกลาเทศคือ พรรคชาตินิยมบังกลาเทศ (Bangladesh Nationalist Party) หรือ BNP คว่ำบาตรการเลือกตั้งในปี 2014 และ 2024 โดยอ้างว่าการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้การปกครองของนางชีค ฮาสินา พวกเขาต้องการให้การเลือกตั้งจัดขึ้นภายใต้การดูแลของคณะผู้บริหารที่เป็นกลาง
นางฮาสินาได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้มาโดยตลอด
กลุ่มสิทธิมนุษยชนยังกล่าวว่ามีคนหายไปมากกว่า 80 คนในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โดยหลายคนเป็นผู้วิจารณ์รัฐบาลและครอบครัวของผู้สูญหายก็ไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวที่หายไป
รัฐบาลถูกกล่าวหาว่าปราบปรามการวิจารณ์และสื่อมวลชน ท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวางว่า นางชีค ฮาสินาได้กลายเป็นผู้นำที่เผด็จการมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เหล่ารัฐมนตรีก็ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้
ดร.ลูธฟา กล่าวว่า “ความโกรธแค้นต่อรัฐบาลและพรรครัฐบาลได้สะสมมาเป็นเวลานาน ผู้คนกำลังแสดงความโกรธแค้นของพวกเขาตอนนี้ พวกเขาหันไปประท้วงเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่”
เหล่ารัฐมนตรีของนางฮาสินากล่าวว่า รัฐบาลได้แสดงความอดทนอย่างมากแม้จะมีการยั่วยุจากผู้ประท้วง พวกเขายังกล่าวว่าการประท้วงได้ถูกแทรกซึมโดยฝ่ายค้านทางการเมืองและพรรคอิสลามิสต์ (Islamist) ซึ่งพวกเขากล่าวว่าเป็นผู้เริ่มการใช้ความรุนแรง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกฎหมาย อานิสูล ฮัก กล่าวว่ารัฐบาลเปิดกว้างที่จะพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ “รัฐบาลได้พยายามเข้าถึงผู้ประท้วงนักศึกษา เมื่อมีเหตุผลที่เหมาะสม เราพร้อมที่จะรับฟัง” ฮักกล่าวกับบีบีซีเมื่อต้นสัปดาห์นี้
การประท้วงของนักศึกษาอาจเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่นางฮาสินาเผชิญตั้งแต่เดือน ม.ค. 2009 และการแก้ไขปัญหาความไม่สงบและความโกรธแค้นที่เพิ่มขึ้นของประชาชนในบังกลาเทศจะขึ้นอยู่กับวิธีการที่นายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา จัดการกับสถานการณ์นี้
ศาลสูงสุด มีคำสั่งลดโควตาตำแหน่งงานเหลือ 5% หลังเหตุประท้วงรุนแรง
หลังจากเกิดการประท้วงอย่างรุนแรงทั่วประเทศ เมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) ศาลสูงสุดของบังกลาเทศ มีคำวินิจฉัยให้ลดโควตาสำหรับตำแหน่งงานภาครัฐสำหรับญาติของทหารผ่านศึกลงเหลือ 5% จากเดิมที่กำหนดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของตำแหน่งงานภาครัฐทั้งหมด
รายละเอียดของคำพิพากษาศาล ระบุให้ 93% ของตำแหน่งในภาครัฐควรมาจากการสรรหาคัดเลือกด้วยระบบคุณธรรม 5% เป็นโควตาสำหรับญาติของทหารผ่านศึกจากสงครามประกาศอิสรภาพของประเทศจากปากีสถาน
ส่วนอีก 2% สงวนไว้ให้กับชนกลุ่มน้อยกลุ่มชาติพันธุ์ หรือคนพิการ
อานิสูล ฮัก รัฐมนตรีกระทรวงกฎหมาย กล่าวภายหลังศาลสูงสุดมีคำวินิจฉัยว่าน้อมรับคำตัดสินของศาล แต่ไม่แน่ชัดว่ากลุ่มผู้ประท้วงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เนื่องจากมีหนึ่งในผู้นำนักศึกษาเรียกร้องให้การประท้วงยังดำเนินต่อไป
ด้านโฆษกของหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมประท้วง กล่าวกับเอเอฟพีว่า การชุมนุมจะยังคงดำเนินต่อไป
“เรายินดีกับคำตัดสินของศาลสูงสุด” โฆษกเครือข่ายนักศึกษาต่อต้านการแบ่งแยก (Students Against Discrimination) ระบุกับเอเอฟพี “แต่เราจะไม่ยกเลิกการประท้วงจนกว่ารัฐบาลจะมีคำสั่งที่สะท้อนข้อเรียกร้องของเรา”
มีรายงานผู้นำการชุมนุมบางรายถูกจับกุม ขณะที่ผู้ชุมนุมคนอื่น ๆ ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมแก่ผู้ที่เสียชีวิตจากการปะทะ
ในวันอาทิตย์ ท้องถนนในกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ มีบรรยากาศไร้ผู้คน เนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว แต่ยังคงมีการปะทะกันในบางพื้นที่ แม้ว่าศาลสูงสุดจะมีคำตัดสินก็ตาม
————————————————————————————————————-
ที่มา : บีซีซีไทย / วันที่เผยแพร่ 16 ก.ค.67
Link : https://www.bbc.com/thai/articles/cydv93n5ry8o