การโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ในอินโดนีเซียซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบข้อมูลระดับชาตินั้น ได้กระตุ้นให้อินโดนีเซียเพิ่มความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ และประเมินนโยบายเทคโนโลยีดิจิทัล
นายฮาดี จาห์จานโต รัฐมนตรีประสานงานฝ่ายการเมือง กฎหมาย และความมั่นคงของอินโดนีเซียกล่าวในวันนี้ (12 ก.ค.) ว่า รัฐบาลจะปรับปรุงความปลอดภัยทางดิจิทัล และปรับปรุงขีดความสามารถของระบบศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ
นายจาห์จานโตกล่าวว่า “เรากำลังสร้างศูนย์ข้อมูลที่มีความสามารถในการสำรองข้อมูลหลายชั้นและการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น โดยเราต้องการระบบที่ไม่สามารถถูกแฮ็กได้ ซึ่งจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงความสามารถของรัฐบาลในการให้บริการสาธารณะ”
นายอิสมาอิล ผู้อำนวยการทั่วไปด้านการประยุกต์ใช้สารสนเทศของกระทรวงฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ว่า ขณะนี้กระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศของอินโดนีเซียกำลังเตรียมดำเนินการ “โยกย้ายระบบ” เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางดิจิทัลในการกำกับดูแลตามขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยจะดำเนินการตั้งแต่เดือนส.ค.-ก.ย. 2567
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่มุ่งเป้าไปที่ศูนย์ข้อมูลแห่งชาติของอินโดนีเซีย และสร้างวิกฤติข้อมูลครั้งใหญ่นั้น ได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. และกินเวลานานเกือบหนึ่งสัปดาห์ โดยแฮ็กเกอร์เริ่มเรียกร้องค่าไถ่จำนวน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศและสำนักงานไซเบอร์และการเข้ารหัสแห่งชาติของอินโดนีเซียเปิดเผยข้อมูลว่า มีสถาบันอย่างน้อย 282 แห่งได้รับผลกระทบจากการโจมตี รวมถึงบริการตรวจคนเข้าเมือง ส่งผลให้เกิดการต่อคิวยาวที่สนามบิน เนื่องจากปัญหาคอขวดของระบบที่จุดตรวจคนเข้าเมือง
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ / วันที่เผยแพร่ 12 ก.ค. 67
Link : https://www.infoquest.co.th/2024/413318