ยุทธการบ้านคลองช้าง กลืนชีวิต “จ่าทหาร” ไปแล้ว 1 นาย ร้อยโทบาดเจ็บสาหัสอีก 1 นาย และอาสาสมัครทหารพราน บาดเจ็บไม่มากนักอีก 1 นาย แต่ปฏิบัติการยังไม่จบ
การปิดล้อมพื้นที่ลักษณะนี้ ฝ่ายความมั่นคงมี “เครื่องมือพิเศษ” ตรวจจับความเคลื่อนไหว แม้จะซ่อนตัวอยู่ในป่ารกทึบก็ตาม
“เครื่องมือพิเศษ” ที่ว่านี้มีทั้งโดรนตรวจการณ์ โดรนถ่ายภาพ มีทั้งเครื่องตรวจจับความร้อน และข้อมูลจากสายข่าว
ข้อมูล ณ เวลานี้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่เชื่อว่า มีสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบหลบซ่อนอยู่ในป่ายางรบทึบกลางทุ่งโล่งของบ้านคลองช้าง ราว 3-4 คน ไม่ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตบ้างหรือไม่ เพราะร่องรอยที่พบยังมีเฉพาะรองเท้า กับเป้สนาม 3 ใบ แต่ยังไม่มีรอยเลือดหรือรองรอยการสูญเสีย
กลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยที่ซ่อนตัวอยู่ เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นกลุ่มของ “นายอับดุลการิม สะตาปอ” ซึ่งยังไม่ชัดว่าตัวนายอับดุลการิม อยู่ในแนวป่านี้ด้วยหรือไม่
โดยกลุ่มติดอาวุธที่ว่านี้ เกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดและวางเพลิงเผาโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่ง 2 อำเภอ คือ อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี กับ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อวันที้่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมาด้วย
เปิดประวัติโยงปล้นเต็นท์รถวังโต้ – จยย.บอมบ์หนองจิก
สำหรับประวัติของ นายอับดุลการิม สะตาปอ จากแฟ้มข้อมูลของฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2532 ปัจจุบันอายุ 35 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
นายอับดุลการิม เริ่มปรากฏชื่อเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อย่างชัดเจน ต่อเนื่องในช่วงแรกๆ เมื่อปี 2562 จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดแบบ “มอเตอร์ไซค์บอมบ์” บริเวณตลาดนัดบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่และประชาชนรวม 26 ราย
นายอับดุลการิม ถูกซัดทอดจากคำสารภาพของคนร้ายที่ถูกจับกุมว่า ทำหน้าที่เป็นมือระเบิด และมีญาติคือ นายอับดุลกอเดร์ สะตาปอ เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งระเบิดเอาไว้ นำไปจอดก่อเหตุ ก่อนจุดระเบิดขึ้น
หลังจากนั้น นายอับดุลการิม ก็มีชื่อเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงอีกหลายเหตุการณ์ เช่น เหตุการณ์ลอบวางระเบิดและยิงซ้ำเจ้าหน้าที่ อส. ประจำชุดคุ้มครองตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ เสียชีวิต 2 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ชุด รปภ.ครู เมื่อวันที่ 16 กันยายน ปี 2562
กระทั่งปี 2567 เจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายอับดุลการิม และเครือข่ายมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดโรงไฟฟ้าในพื้นที่ อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี และ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 26 เมษายน เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุ ทั้ง 2 เหตุการณ์ เป็นพื้นที่รอยต่อของอำเภอโคกโพธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของนายอับดุลการิม และสมาชิกในกลุ่ม
เหตุการณ์ล่าสุดที่มีข่าวว่า นายอับดุลการิม เข้าไปเกี่ยวข้อง คือเหตุลอบวางระเบิดหน้าร้านขายของชำ และหลังศาลาที่พักผู้โดยสาร บริเวณแยกนาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 3 และ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง แต่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ทั้งสองลูก
จากการตรวจสอบย้อนหลัง เจ้าหน้าที่ยังพบว่า นายอับดุลการิม สะตาปอ เป็นหนึ่งในกลุ่มคนร้ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นรถปิคอัพ จากเต็นท์รถวังโต้ คาร์เซ็นเตอร์ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2560 รวมทั้งหมด 6 คัน เพื่อนำไปทำคาร์บอมบ์ด้วย
ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นทองครั้งมโหฬาร ที่ห้างทองสุธาดา ที่ตลาดนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ได้ทองไปถึง 2,156.50 บาท
โดยทั้ง 2 เหตุการณ์นั้น กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นทั้งกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา และกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ปัตตานี ซึ่งเป็นอำเภอรอยต่อของจังหวัดสงขลา คือ อำเภอหนองจิก กับ อำเภอโคกโพธิ์ จึงมีชื่อ นายอับดุลการิม เกี่ยวข้อง
จนทำให้ในอดีตปรากฏภาพของ นายอับดุลการิม สะตาปอ ในป้ายประกาศจับตามด่านตรวจต่าง ๆ ในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา และจังหวัดปัตตานี โดยเฉพาะอำเภอรอยต่อกับจังหวัดสงขลา
จากบือแนจือแร – ฮูแตยือลอ ถึงคลองช้าง… ปิดล้อมป่ากลางทุ่งโล่ง!
ปฏิบัติการปิดล้อมพื้นที่ “แนวป่า” กลางทุ่งโล่ง หรือป่าละเมาะขนาดใหญ่ โดยใช้เวลาติดต่อกันหลาย ๆ วัน และมักมีความสูญเสียเกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายนั้น ฝ่ายความมั่นคงเคยเปิดยุทธการมาแล้วหลายครั้ง
“ทีมข่าวอิศรา” รวบรวมยุทธการสำคัญมาได้ 3 ครั้ง มีกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยถูกวิสามัญฆาตกรรม หรือเสียชีวิตจากการปะทะมากถึง 13 ราย ส่วนฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็มีสูญเสีย ทั้งเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
โดย 3 ยุทธการที่ต้องบันทึกเอาไว้ ได้แก่
ส.ค.63 => ยุทธการบ้านบือแนจือแร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
-เจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
-ปิดล้อมพื้นที่ 3 วันต่อเนื่อง (14–17 ส.ค.63)
-ยิงปะทะตอบโต้กันตลอด 3 วัน
ผล => เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 7 คน (มีหมายจับ 5 คน สูงสุด 12 หมาย, ไม่มีหมายจับ 2 คน)
-ยึดอาวุธปืนของกลางได้ 10 กระบอก ครึ่งหนึ่งเป็นอาวุธสงคราม
ขณะเกิดเหตุ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เป็นรองแม่ทัพ
ก.ย.64 => ยุทธการฮูแตยือลอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
-เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
-หลบหนีอยู่ในพื้นที่ป่าเสม็ด
-ปิดล้อมนาน 18 วัน (28 ก.ย.-15 ต.ค.64)
ผล => เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 6 ราย (ทุกคนมีหมายจับ สูงสุด 6 หมาย)
-ยึดอาวุธสงครามได้ 6 กระบอก ระเบิดขว้าง 2 ลูก
พื้นที่นี้อยู่ติดกับ “บ้านยือลอ” ที่กลุ่มก่อความไม่สงบเคยบุกโจมตีฐานทหาร แต่เจอโต้ดับ 17 ศพ
ขณะเกิดเหตุ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4
ก.ค.67 => ยุทธการบ้านคลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
-เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
-หลบหนี/ซ่อนตัวในป่ายาง กลางพื้นที่โล่ง
-ปิดล้อมแล้ว 3 วัน
-ยังไม่จบภารกิจ
ผล => เจ้าหน้าที่เสียชีวิตแล้ว 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย (สาหัส 1)
ยังไม่พบศพกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัย และไม่มีใครออกมามอบตัว พบเพียงรองเท้า และกระเป๋าเป้ 3 ใบ
พบความเคลื่อนไหวมีกลุ่มติดอาวุธซ่อนตัวอยู่ 3-4 คน
ขณะเกิดเหตุ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค เป็นแม่ทัพภาคที่ 4
รู้จัก “ฐานกึ่งถาวร” ทำไมเลือกพื้นที่ป่ากลางทุ่ง
ย้อนกลับไปที่ “ยุทธการบ้านบือแนจือแร” ที่ตำบลกอลำ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2563 นั้น สภาพพื้นที่เป็นแนวป่ากลางทุ่งนาชัดเจน และเมื่อเข้าเคลียร์พื้นที่ พบหลุมฝังซ่อนอาวุธยุทโธปกรณ์ และเสื้อผ้า อุปกรณ์ดำรงชีพในป่า มากถึง 9 หลุม
สะท้อนว่าที่นั่นคือ “ฐานปฏิบัติการกึ่งถาวร” มีสภาพเป็นทั้ง “ฐานพักชั่วคราว” เป็นจุดซ่อนตัวก่อนและหลังก่อเหตุ โดยเชื่อมโยงกับหมู่บ้าน และ “แหล่งพักพิง” หรือ Support Site จุดอื่นๆ ด้วย
ฐานปฏิบัติการลักษณะนี้มีหลายแห่ง กระจายไปตามเขตงานของกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการ ไม่ทับซ้อนหรือข้ามเขตกัน
ฐานปฏิบัติการการกึ่งถาวรใช้เป็นที่วางแผน เตรียมตัวก่อเหตุ และกบดานหลังก่อเหตุแล้ว รวมทั้งใช้เป็นจุดแวะพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า พรางตัว ก่อนหลบหนีต่อ กรณีก่อเหตุรุนแรงตามแผนเรียบร้อยแล้ว
การใช้พื้นที่แนวป่าละเมาะกลางทุ่งนากว้าง ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง เป็นฐานปฏิบัติการและแหล่งซ่อนตัว โดยไม่ได้ไปหลบตามป่าลึกหรือบนภูเขา สะท้อนให้เห็นอีกหนึ่งยุทธวิธีของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง กล่าวคือ
-การเลือกพื้นที่ลักษณะนี้ในการตั้งฐาน เพราะคาดว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ให้ความสนใจ
-ขณะเดียวกันหากมีเจ้าหน้าที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธที่ซ่อนอยู่ หรือที่เข้าเวรยามอยู่ จะมองเห็นเจ้าหน้าที่ก่อน เนื่องจากพื้นที่โล่ง
-จุดตั้งฐานไม่ไกลจากหมู่บ้าน จึงสอดรับกับยุทธศาสตร์ “เกาะติดมวลชน” ของกลุ่มก่อความไม่สงบด้วย โดยหมู่บ้านที่อยู่โดยรอบแนวป่าที่ใช้เป็นจุดตั้งฐาน มักจะเป็น “หมู่บ้านสีแดง” ที่คนในหมู่บ้านเป็นมวลชนของขบวนการแบ่งแยกดินแดน
-เหตุนี้กลุ่มก่อความไม่สงบจึงอาศัยหมู่บ้านในการส่งเสบียง บางหมู่บ้านอาจมีลูกเมียของนักรบ หรือมีแนวร่วมอาศัยอยู่ ก็จะคอยส่งข้าวส่งน้ำ และส่งข่าว ตลอดจนอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
-ฐานปฏิบัติการกึ่งถาวรจะเชื่อมโยงกับ “ฐานพักบนภูเขา” ซึ่งมีลักษณะเป็นฐานถาวร และมีการแบ่งโซนพื้นที่เป็นเครือข่ายเดียวกันกับ Support Site ตามเชิงเขา เพราะมีการแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการกันอย่างชัดเจนดังกล่าว รวมถึงเส้นทางหลบหนี ตลอดจน “ฐานพัก” ที่เตรียมไว้รองรับในเส้นทางของตัวเองด้วย
——————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา / วันที่เผยแพร่ 29 , 30 กรกฎาคม 2567
Link : https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/130481-satapo.html , https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/130483-operationtaninara.html