การเผยแพร่ตามสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีการขึ้นป้ายโฆษณาบริเวณสี่แยกห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม.เป็นภาษาจีนเกี่ยวกับการรับจ้างทำ พาสปอร์ตและสัญชาติ ซึ่งน่าจะเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมายนั้น นายไพฑูรย์ งามมุข ผอ.เขตห้วยขวาง เปิดเผยกับ จส. 100 ว่า สำนักงานเขตได้ปลดป้ายออกเรียบร้อย เป็นป้ายที่ลักลอบติด ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20ก.ค. ซึ่งตามกฎหมาย ผู้ติดตั้งต้องแจ้งให้เขตทราบก่อนภายใน 7 วัน จากนั้นต้องรอผลการอนุญาตภายใน 60วัน จากตรวจสอบเบื้องต้นตามกฎหมาย พรบ.ควบคุมอาคาร ฉบับที่55 เป็นป้ายติดข้างอาคาร พรุ่งนี้เขตจะต้องตรวจสอบเพิ่ม เรียกให้ทางเจ้าของป้ายชี้แจงมา ถ้าไม่พบปรากฎขอนุญาต เขตจะปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท ซึ่งข้อความหรือภาพต้องไม่ขัดกับศีลธรรม ให้ผู้เชี่ยวชาญ ภาษาจีนแปล ว่า เข้าข่ายความไม่สงบหรือศีลธรรมอันดีงามหรือไม่ ถ้าประเมินแล้วว่าเข้าข่าย นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องความสงบและเรียบร้อย ก็จะถูกปรับไม่เกิน 5,000 บาท ปกติสำนักงานเขต จะประเมินภาษีรายได้ป้าย 50บ./500 ตร.ซม. รายนี้เป็นรายแรก
กรมการปกครองได้ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทางและรับจ้างดำเนินการแปลงสัญชาติ (สัญชาติที่สอง) ได้ใน 30 วันแต่ไม่มีการแปลงสัญชาติของไทย โดยการขึ้นป้ายโฆษณาลักษณะดังกล่าว อาจจะเป็นความผิดตามกฎหมาย ในการรับจ้างปลอมแปลงเอกสาร หรืออาจเป็นการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้ที่ประสงค์จะดำเนินการฯ จึงได้สอบถามไปยัง เจ้าของ/ผู้รับจ้าง ติดป้ายดังกล่าว ซึ่งแจ้งว่าได้รับการว่าจ้างให้ติดป้ายโฆษณาดังกล่าวจากชาวจีน โดยได้ติดตั้งเสร็จเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 แต่ภายหลังได้ทราบข่าวทางสื่อโซเชียลถึงความไม่เหมาะสม จึงได้ดำเนินการรื้อถอนเสร็จแล้วเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2567
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน. ห้วยขวาง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงตรวจสอบ พร้อมประสานความร่วมมือกับเขตห้วยขวาง ในการหารือและแนวทางการสอบข้อเท็จจริง โดยในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) เวลา 09.30 น. จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง และมีสิ่งที่ต้องตรวจสอบ 3 ประเด็น 1.เรื่องของป้ายโฆษณาดังกล่าว ในฐานะเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง มีการขอติดตั้งโดยได้รับการขออนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่ 2. เรื่องของการเสียภาษีป้ายโฆษณา ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ และ 3.เรื่องข้อความที่ปรากฎในป้ายโฆษณา มีความผิด หรือกระทบต่อภาพลักษณ์ความมั่นคงของประเทศหรือไม่ ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นนี้ ทางนิติกรของสำนักงานเขตห้วยขวาง จะมาช่วยพิจารณาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และหากพบความผิดก็จะต้องส่งเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษให้กับ สน. ห้วยขวาง ดำเนินคดีต่อไป
เบื้องต้นทาง สน.ห้วยขวาง ทราบข้อมูลของทั้งเจ้าของอาคาร เจ้าของป้าย และผู้ว่าจ้างให้มาโฆษณาป้ายดังกล่าวแล้ว โดยเป็นชาวไทยที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน ส่วนประเด็นเรื่องการซื้อขายสัญชาติที่เกิดขึ้นนั้น ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนประสานกับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติ ว่าข้อความในป้ายโฆษณาที่ปรากฎขึ้นนั้นหมายถึงอะไร และมีความผิดในไทย หรือต่างประเทศไหม ซึ่งส่วนนี้จะมีการประสานกับ ตม. อีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อยุติเพื่อนำข้อมูลมาประกอบ
ส่วนข้อมูลผู้ว่าจ้าง ขณะนี้ทราบแล้วว่า ตัวเจ้าของอาคารเป็นใคร เจ้าของป้ายเป็นใคร หรือผู้ที่ว่าจ้างให้มาโฆษณาป้ายดังกล่าวเป็นใครเบื้องต้นทราบว่าเป็นคนไทย แต่อาจมีความเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน
สำหรับข้อมูลบนป้ายดังกล่าวระบุว่า ซื้อเลย! พาสปอร์ตสำหรับต่างชาติ พาสปอร์ตเปลี่ยนสัญชาติแบบถูกกฎหมาย 100% แปลงสัญชาติให้ใน 30 วัน ปลอดภัย เป็นความลับ ทำก่อนค่อยจ่าย โดยบริษัท IMMIGRATION GROUP เก่าแก่ 13 ปี ที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล ประเทศอินโดนีเซีย ราคา 30,000 บาท ประเทศวานูอาตู ราคา 70,000 บาท ประเทศกัมพูชา ราคา 100,000 บาท ประเทศตุรกี ราคา 150,000 บาท”
นายกฯลงพื้นที่ สน.ห้วยขวางเร่งสอบ ป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำพาสปอร์ต-ซื้อสัญชาติ
กรณีมีป้ายโฆษณาภาษาจีน ระบุเกี่ยวกับการทำพาสปอร์ตและซื้อสัญชาติที่ 2 แปลเป็นไทยได้ว่า ด่วน! ซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ รับทำพาสปอร์ตและสัญชาติถูกกฎหมาย 100% มีสัญชาติให้เลือกคือ พาสปอร์ตอินโดนีเซีย ในราคา 30,000 หยวน วานูอาตู 70,000 หยวน กัมพูชา 100,000 หยวน และตุรกี 150,000 หยวน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมามาตรวจเยี่ยม สน.ห้วยขวาง เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าป้ายดังกล่าวนั้น บุคคลใดเป็นคนทำมาติด และใครเป็นผู้จ้างวาน อีกทั้งการติดตั้งป้ายดังกล่าวนั้นได้รับการอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ซึ่งระหว่างการตรวจสถานีตำรวจอยู่นั้นได้พบกับทาง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ซึ่งได้รับคำสั่งการจาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงกรณีดังกล่าว จึงได้รายงานข้อเท็จจริงให้กับทางนายกรัฐมนตรีทราบ
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ได้มีการเน้นย้ำในเรื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ สน.ห้วยขวางและมีการประกอบกิจการ จึงได้เน้นย้ำให้ตรวจสอบในเรื่องของความถูกต้องในเรื่องของผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นห้วยขวางว่า ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่ หากดำเนินการถูกต้องก็สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ
————————————————————————————————————-
ที่มา : จ.ส.100 / วันที่เผยแพร่ 22 ก.ค.67
Link : https://www.js100.com/en/site/news/view/142120 , https://www.js100.com/en/site/news/view/142126