วันนี้ (1 สิงหาคม) ศุภกร คงสมจิตต์ คณะทำงานของนายกรัฐมนตรี ด้านการลงทุนระหว่างประเทศ ย้ำถึงความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ว่าเป็นระบบเว็บไซต์กับแอปพลิเคชัน ทั้ง Web App และ Mobile App ที่แยกออกจากกัน ต่อให้มีการแฮ็กหน้าเว็บไซต์ได้ก็ไม่ได้แปลว่าจะเข้าถึงข้อมูลหลังบ้านซึ่งเป็นหัวใจของระบบบริการต่าง ๆ ได้เหมือนการสั่งอาหารบนแอปพลิเคชันหรือการใช้บริการพร้อมเพย์ที่ไม่สามารถดำเนินการบนเว็บไซต์ได้ ดังนั้นแก่นของแอปพลิเคชันทางรัฐจึงอยู่ที่ Mobile App ไม่มี Web App ทำให้ไม่สามารถเจาะถึงข้อมูลสำคัญได้
ส่วนความเสี่ยงจากการใช้งานนั้น ศุภกรแนะนำว่าต้องมีการจัดการระบบที่ดี เช่น พัฒนาระบบอย่างรัดกุม ไม่แนะนำให้ประชาชนและผู้ดูแลระบบตั้งรหัสผ่านง่าย ๆ ทั้งนี้ ความเสี่ยงหลายๆ ตัวบนการพัฒนาระบบเป็นความเสี่ยงที่บริหารจัดการได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าห้ามทำ แต่หากยิ่งเสี่ยงยิ่งต้องมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม โดยมีจุดประสงค์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการของรัฐต่างๆ ที่สะดวกสบายมากขึ้นในอนาคตด้วย ดังนั้นแอปพลิเคชันทางรัฐหัวใจจึงอยู่ที่บริการด้านในที่มีการออกแบบระบบความปลอดภัยเพื่อจัดการความเสี่ยงแล้ว ส่วนเว็บไซต์มีเพียงเพื่อให้สื่อสารกับประชาชนได้เพิ่มเติม
ศุภกรกล่าวว่า โครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไทยวันนี้เป็นผลลัพธ์ของการขับเคลื่อนตลอด 10 ปีที่ผ่านมา วันนี้ประเทศไทยปรับตัวช้าและเคยชินมานานเหมือน ‘กบต้ม’ แต่หากไม่เริ่มวันนี้ การเปลี่ยนแปลงก็จะถูกผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ รัฐบาลได้ลงมือทำแล้วตั้งแต่เข้ารับหน้าที่ โดยได้ให้ความสำคัญจากการต่อยอดจุดแข็งของโครงสร้างเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเกี่ยวกับคนไทยจำนวนมากในระยะสั้น ได้แก่ การท่องเที่ยว การแพทย์ การขนส่ง การเกษตร และอาหาร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลมุ่งผลักดันอย่างเต็มที่และต่อยอดให้เร็ว ทำให้จะสามารถนำเงินเข้าประเทศได้มากแม้เป็นส่วนประกอบที่เล็กของระบบเศรษฐกิจในเชิงมูลค่าแต่เกี่ยวข้องกับคนไทยเป็นจำนวนมาก การเติบโตต่อต้องหาตลาดที่ประเทศไทยจะเสริมต่อยอดได้ เช่นการพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับการท่องเที่ยวและโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งจะกลายเป็นแม่เหล็กทางเศรษฐกิจ ดึงดูดการลงทุน การค้า การเคลื่อนที่ของสินค้า คน ความรู้ และเงินทุนเข้ามาในประเทศ สร้างโอกาสเป็นจุดผ่านการขนส่งทุกอย่างของภูมิภาค
ในระยะยาวที่ต้องเริ่มทำวันนี้เพื่อให้เห็นผลในอีก 3-5 ปีข้างหน้า คือ การดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัล, AI, Data Center, พลังงานสะอาด, Financial Hub รวมถึงการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมไทยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem เหล่านี้ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง และสามารถพัฒนาศักยภาพของประเทศและเศรษฐกิจให้เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้ (Knowledge Based Economy) ได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล ซึ่งจะสอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงของบริการทางรัฐที่ประชาชน ธุรกิจ ราชการ และกฎหมาย เชื่อมต่อกันผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งจะวางรากฐานให้ e-Government เป็นจุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจดิจิทัลที่แท้จริง
ศุภกรย้ำด้วยว่าทั้งหมดนี้จะเห็นว่ารัฐบาลกำลังปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ผ่านการทำงานร่วมกับภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ที่จะเป็นผู้เล่นสำคัญ โดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุนและอำนวยความสะดวก
——————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : The Standard / วันที่เผยแพร่ 1 สิงหาคม 2567
Link : https://thestandard.co/thang-rath-application-safety/