ทหาร 4 นายจากกองพลจู่โจมที่ 3 ของกองทัพยูเครน เริ่มเดินสายตั้งแต่ต้นสัปดาห์ก่อน เพื่อพบปะเพื่อนร่วมชาติที่พากันอพยพออกจากประเทศไปนับจากสงครามรุกรานยูเครนของรัสเซียเปิดฉากขึ้น เริ่มจากกรุงวอร์ซอ ของโปแลนด์ เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน ซึ่งมีชาวยูเครนหนีภัยสงครามเข้าไปเป็นจำนวนมาก
ก่อนจะต่อไปยัง เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สาธารณรัฐเช็ก และ ลิธัวเนีย เป็นหมุดหมายต่อไป ในการรณรงค์ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบที่ยูเครนกำลังเผชิญ เพื่อตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลอย่างผิดๆ จากการโฆษณาชวนเชื่อของศัตรูตัวฉกาจอย่างรัสเซีย
วิตาลี วัย 21 ผู้ใช้ชื่อรหัสว่า “แกตส์” เป็นหนึ่งในนายทหารผู้ได้รับมอบภารกิจนี้ เผยว่า พวกเขาจะตระเวนไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมชาติเลือดสีฟ้า-เหลือง ที่กระจายตัวอยู่ในยุโรป ซึ่งเป็นกระบอกเสียงสำคัญของประเทศ ให้ได้รับรู้ข้อมูลจากต้นทางถึงความเป็นไปที่แท้จริงในยูเครน รวมถึงในแนวหน้าของสมรภูมิรบ ไม่ใช่อ่านจากข่าวปลอมที่รัสเซียเสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้นบนอินเตอร์เน็ต พร้อมส่งเสียงสะท้อนว่า หากยูเครนล่มสลาย โปแลนด์ก็จะเป็นรายต่อไป และประเทศอื่น ๆ ในแถบบอลติกก็เช่นกัน ที่จะล้มเป็นโดมิโน เพราะรัสเซียจะไม่หยุด
วิกเตอร์ วัย 32 ผู้ใช้ชื่อรหัส “แองเจิล” นายทหารผู้ร่วมภารกิจนี้อีกราย กล่าวย้ำว่าการเดินทางไปเยี่ยมเยือนเพื่อนร่วมชาติยูเครนในยุโรป ไม่ได้ไปเพื่อเกณฑ์กำลังพล เพราะทุกอย่างต้องมาจากหัวใจ ทุกคนต่างมีทางเลือกของตนเอง ทว่าพวกเขาอยากไปบอกไปให้เพื่อนร่วมชาติได้เห็นภาพที่แท้จริงของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสงคราม ซึ่งผู้รักดินแดนมาตุภูมิ ย่อมจะทำอย่างที่พวกเขากำลังทำอยู่อย่างแน่นอน
กระนั้นก็ยังคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการรณรงค์ทำสงครามต่อต้านข่าวปลอมจากฝ่ายรัสเซียของยูเครน ย่อมจะหวังผลเชิงลึกในการจะโน้มน้าวชายฉกรรจ์เลือดสีฟ้า-เหลือง ให้กลับประเทศเพื่อร่วมกันปกป้องแผ่นดินอธิปไตยของยูเครน
เพราะสงครามยูเครน-รัสเซียที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี ได้ทำให้ยูเครนสูญเสียไพร่พลไปเป็นจำนวนมาก จนต้องลุยเกณฑ์กำลังพลใหม่เข้ามาเสริมทัพเพื่อสู้ศึกต่อไป โดยทางการยูเครนได้ประกาศระดมกำลังทหารเพิ่มอีก 200,000 นายไปก่อนหน้านี้แล้วและมีการแก้กฎหมายปรับลดอายุเกณฑ์ทหารลงเพื่อเอื้อต่อการเกณฑ์กำลังพลเพิ่มด้วย
เชื่อว่าแคมเปญนี้อาจส่งผลสัมฤทธิ์ในเป้าหมายแฝงของยูเครนได้ไม่มากก็น้อย อย่าง อิกอร์ มัตวีเอนโก หนุ่มยูเครน วัย 22 ที่หนีมาโปแลนด์ตั้งแต่รัสเซียบุก บอกว่าเขารู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่ร่วมสู้ในแผ่นดินเกิดและที่มาร่วมกิจกรรมนี้เพื่อฟังสิ่งที่ทหารยูเครนพูดเผื่อจะได้เหตุผลกลับไปทบทวนตัวเองในการกลับไปรับใช้ชาติ
————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : มติชนออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 3 ส.ค.67
Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_4714327