AFP PHOTO / UKRAINIAN PRESIDENTIAL PRESS SERVICE
ซัดกันนัว! ‘รัสเซีย-ยูเครน’ โทษกันไปมา หลังไฟไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่สุดยุโรป
รัสเซียและยูเครนต่างกล่าวหากันและกันว่าเป็นผู้จุดไฟเผาในพื้นที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ปัจจุบันอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม เดชะบุญยังไม่มีรายงานว่าเกิดการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่
ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) หน่วยงานภายใต้สหประชาชาติ ซึ่งมีผู้ประจำการอยู่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอเห็นควันดำพวยพุ่งออกมาจากพื้นที่ทางตอนเหนือของโรงไฟฟ้า หลังจากเกิดการระเบิดขึ้นหลายครั้ง
ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการไอเออีเอ ออกแถลงการณ์เตือนว่า การโจมตีโดยประมาทเหล่านี้เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ได้ การโจมตีดังกล่าวจะต้องหยุดลงทันที
สำนักข่าว TASS และ RIA ของรัสเซีย รายงานโดยอ้างข้อมูลจากบริษัทพลังงานนิวเคลียร์ Rosatom ว่า จุดหลักที่เกิดไฟไหม้ถูกดับลงไม่นานก่อนเที่ยงคืนวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม
ขณะที่บริษัท Energoatom ของยูเครนออกแถลงการณ์บนอินสตราแกรมว่า หอหล่อเย็นและอุปกรณ์อื่นๆ เสียหาย ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของสำนักข่าวรัสเซียทั้งสองแห่งข้างต้น
กรอสซีกล่าวว่า ไอเออีเอได้ร้องขอที่จะเข้าถึงหอหล่อเย็นทันที เพื่อประเมินความเสียหาย แต่ไม่มีการตอบสนองจากรัสเซียหรือยูเครนต่อแถลงการณ์ของเขาในทันที
ด้านไอเออีเอระบุว่า ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อความปลอดภัยของนิวเคลียร์ที่โรงงานซาปอริซเซีย แต่ทีมงานได้รับแจ้งว่ามีการใช้โดรนโจมตีที่หอหล่อเย็นแห่งหนึ่งของโรงงาน
แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่ชัดเจนว่าอะไรเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ แต่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวหาว่ารัสเซียเป็นฝ่ายจุดไฟ ที่มองเห็นได้จากเมืองนิโคโปลที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน
บริษัท Energoatom ของยูเครนกล่าวโทษความประมาทเลินเล่อ หรือการวางเพลิงของรัสเซียว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ พร้อมกับกล่าวหารัสเซียว่าได้ใช้หอหล่อเย็นของโรงงานเป็นที่จัดเก็บอุปกรณ์ทางทหารและวัตถุระเบิด แต่ไม่มีการแสดงหลักฐานประกอบคำกล่าวหาแต่อย่างใด
มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย และเจ้าหน้าที่รัสเซีย กล่าวหายูเครนว่า พยายามทำลายโรงงานและก่อการร้ายนิวเคลียร์โดยเจตนา
AFP PHOTO / UKRAINIAN PRESIDENTIAL PRESS SERVICE
IAEA ชี้ไม่พบซากโดรน ยังระบุสาเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่สุดยุโรปไม่ได้
ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ระบุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 สิงหาคม ว่า ตัวแทนของไอเออีเอได้เข้าตรวจสอบหอหล่อเย็นที่ได้รับความเสียหายของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียของยูเครนที่อยู่ในความควบคุมของรัสเซียแล้ว แต่ไม่สามารถระบุถึงสาเหตุของไฟไหม้ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทันที
แถลงการณ์บนเว็บไซต์ของไอเออีเอแจ้งว่า เบื้องต้นทีมงานของไอเออีเอไม่พบร่องรอยของซากโดรน และประเมินว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ต้นของของไฟที่ลุกไหม้จะเริ่มต้นที่ฐานของหอหล่อเย็น ทำให้จากการค้นพบและสังเกตการณ์จนถึงขณะนี้ ทีมงานยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่ชัดเจนของไฟไหม้ได้
ไอเออีเอระบุด้วยว่า ความเสียหายหลักกระจุกอยู่ที่ภายในหอคอยที่ระดับจุดกระจายน้ำของหัวฉีดที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร และยืนยันว่าไม่พบสัญญานรบกวนใดๆ ของเศษซาก เถ้าถ่าน หรือเขม่าที่บริเวณฐานของหอคอยหล่อเย็น
“ความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากหอหล่อเย็นไม่ได้ทำงานอยู่ขณะเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้น” ไอเออีเอสรุป
ทั้งรัสเซียและยูเครนยืนยันว่า ไม่พบสัญญานการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสี แต่ยังคงกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าเป็นฝ่ายทำให้เกิดไฟไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยรัสเซียกล่าวหาว่าไฟไหม้จากการโจมตีด้วยโดรน ขณะที่ยูเครนบอกว่ามาจากความประมาทเลินเล่อหรือไม่ก็จากการวางเพลิงโดยรัสเซีย
————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : มติชนออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 12 และ 13 ส.ค.67
Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_4732472 , https://www.matichon.co.th/foreign/news_4733230