เว็บไซต์เจแปน ทูเดย์รายงานเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาจะใช้ระบบคัดกรองนักเดินทางใหม่กับ 71 ประเทศที่เข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยจะกำหนดให้ผู้เดินทางต้องแจ้งข้อมูลส่วนตัวผ่านระบบออนไลน์ก่อนเข้าประเทศ
ระบบใหม่ดังกล่าวนี้ซึ่งบื้องต้นเรียกว่า “JESTA” จะทำงานคล้ายกับระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออนุมัติการเดินทาง (ESTA) ของสหรัฐซึ่งถูกนำมาใช้เป็นมาตรการต่อต้านการก่อการร้าย
แม้จะไม่ต้องใช้วีซ่า แต่นักเดินทางที่จะเข้าญี่ปุ่นจะต้องแจ้งข้อมูลส่วนตัว วัตถุประสงค์ที่เดินทางเข้าประเทศ และสถานที่พำนักในญี่ปุ่นผ่านทางระบบออนไลน์ก่อนเข้าประเทศ เพื่อให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นทำการตรวจสอบ และคัดครองผู้ที่ลักลอบพำนักในประเทศอย่างกฎหมาย
หากตรวจพบว่ามีความเสี่ยงของการเข้ามาพำนักในประเทศอย่างผิดกฎหมาย ผู้เดินทางจะไม่ได้รับการอนุญาตให้เดินทางเข้าญี่ปุ่น และจะได้รับการแนะนำให้ยื่นขอวีซ่าอย่างเป็นทางการแทน
รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะจัดสรรงบประมาณสำหรับระบบ JESTA ในงบประมาณหน้า 2568 พร้อมด้วยแผนการที่จะนำระบบนี้มาใช้ภายในปี 2573
สำหรับ 71 ประเทศที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า และจำเป็นต้องขออนุญาตในการเดินทางเข้าญี่ปุ่นภายใต้ระบบใหม่และแผนการท่องเที่ยวฉบับใหม่ของรัฐบาลนั้น ครอบคลุมถึงหลายประเทศตั้งแต่ สหรัฐ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมถึง “ประเทศไทย”
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยในครึ่งปีแรกมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 17.7 ล้านคนระหว่างเดือน ม.ค.-มิ.ย.ปีนี้ จากอานิสงส์ฟรีวีซ่าและปัจจัยอื่น ๆ เช่น ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงมาก
ทว่าญี่ปุ่นเองก็เจอปัญหาการลักลอบพำนักในประเทศเกินเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งญี่ปุ่นกำหนดระยะเวลาไว้ที่ระหว่าง 14-90 วัน ขึ้นอยู่กับว่าถือหนังสือเดินทางประเทศใด โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้มีจำนวนผู้ที่อยู่ในญี่ปุ่นเกินกำหนดถึงกว่า 28,000 คน จากกลุ่มประเทศที่ได้รับฟรีวีซ่า
———————————————————————————————
ที่มา : Bangkokbiznews / วันที่เผยแพร่ 31 ส.ค.67
Link: https://www.bangkokbiznews.com/world/1142722