นับตั้งสงครามที่รัสเซียส่งทหารรุกรานยูเครนปะทุขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 รัสเซียหันมาพึ่งพาสายลับใต้ดิน ซึ่งเป็นเหล่าผู้กระทำผิดกฎหมายหรือพลเรือนทั่วไป
และการแลกเปลี่ยนตัวประกันครั้งใหญ่ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก เมื่อ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ทำให้นักข่าวอเมริกันและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนรัสเซียได้รับอิสรภาพ แลกกับนักฆ่าและสายลับ เป็นเครื่องสะท้อนว่า “ผู้กระทำผิดกฎหมาย” เหล่านี้ทำงานกันอย่างไร
โดยการแลกเปลี่ยนนักโทษที่เกิดขึ้นมีทั้งนักค้างานศิลปะไปจนถึงผู้สื่อข่าวอิสระ คนเหล่านี้รอดพ้นจากการถูกจองจำด้วยการทำงานที่ดูไม่มีพิษภัย เพื่อแลกกับการแฝงตัวเข้ามาเพื่อให้สามารถเข้าถึงบุคคลและเป้าหมายของรัฐบาลมอสโก
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียต้อนรับการกลับมาของอาร์เท็ม และ แอนนา ดุลท์เซฟ ชาวอาร์เจนตินาที่ทำธุรกิจสตาร์ทอัพและแกลอรีงานศิลป์ในสโลเวเนีย และผู้สื่อข่าวอิสระเปาโล กอนซาเลซ หรือที่รู้จักในชื่อ พาเวล รุบท์ซอฟ
ถ้าดูโดยฉากหน้า กอนซาเลซ ทำงานเป็นผู้สื่อข่าวให้กับสื่อต่าง ๆ รวมทั้ง Deutsche Welle และวีโอเอ โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยุโรปตะวันออก แต่ในความเป็นจริง อ้างอิงจากหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ MI6 บอกว่า กอนซาเลซ กำลังเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มฝั่งตรงข้ามรัสเซีย และพยายามที่จะบ่อนทำลายยูเครนในสงครามนี้
ทางการโปแลนด์จับกุมกอนซาเลซ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 จนกระทั่งเมื่อ 1 สิงหาคม เขาถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำความปลอดภัยสูง จากข้อหาเป็นสายลับให้กับรัสเซีย ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เขาปฏิเสธมาโดยตลอด
แม้บรรดาสื่อเชิงสืบสวนสอบสวนต่างประณามการจับกุมคุมขังกอนซาเลซของทางการโปแลนด์ แต่ภาพในวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับการต้อนรับจากปูตินหลังจากการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ เป็นเครื่องยืนยันถึงบทบาทหลักว่าเขาคือผู้สอดแนม ไม่ใช่นักข่าวอย่างที่หลายคนเข้าใจ
กอนซาเลซให้คำตอบที่ดูคลุมเครือกับวีโอเอที่ติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์ โดยอ้างถึงบทความของวีโอเอเกี่ยวกับการปล่อยตัวของเขา และได้กล่าวผ่านภรรยาชาวสเปนของเขาว่า “หากไม่มีการคาดเดาใด ๆ อีกแล้ว ผมก็ไม่ทราบว่าคุณจะต้องการพูดคุยเรื่องอะไรกันอีก”
รากลึกเกี่ยวกับรัสเซีย
กอนซาเลซ มีอาชีพเป็นผู้สื่อข่าวหลังจากเรียนสาขา Slavic Studies ที่ University of Barcelona เขาพูดภาษารัสเซียและสเปนได้อย่างคล่องแคล่ว
แหล่งข่าวที่มีความเชี่ยวชาญด้านข่าวกรองรัสเซีย ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม บอกกับวีโอเอว่า กอนซาเลซ เติบโตในแคว้นบาสก์ ซึ่งสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชกันอยู่แล้ว และการสนับสนุนปูตินไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ซึ่งหมายความว่าแทบไม่มีใครสงสัยว่าเขาทำงานให้หน่วยข่าวกรองรัสเซียเลย
โอเล็กซานดร์ วี. ดานิลยุค ผู้เชี่ยวชาญด้านหน่วยงานพิเศษของอดีตสหภาพโซเวียต จากสถาบันคลังสมองด้านกลาโหม Royal United Services Institute ที่กรุงลอนดอน กล่าวกับวีโอเอว่า “บางคนยังคงไม่ยอมรับว่าผู้กระทำผิดเหล่านี้มีความสำคัญ แต่มันคือ 90% ของกิจกรรม [ด้านข่าวกรองรัสเซีย]”
ดานิลยุค กล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่คนกลุ่มนี้มีความสำคัญ คือ ชาวรัสเซียนับล้านคน และชาวต่างชาติผู้สนับสนุนรัฐบาลทำเนียบเครมลิน สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างเสรีโดยไม่ถูกตั้งข้อสงสัย และเป้าหมายของการใช้สายลับใต้ดินเหล่านี้ คือ สร้างอิทธิพลต่อโลกตะวันตกด้วยการแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มประท้วงหัวรุนแรงหรือองค์กรต่อต้าน
เมื่อปี 2016 กอนซาเลซ มีส่วนร่วมกับมูลนิธิบอริส เนมท์ซอฟ เพื่อเสรีภาพ และทำให้เขาใกล้ชิดกับสมาชิกคนสำคัญขององค์กรดังกล่าว และซานนา เนมท์โซวา บุตรสาวของเนมท์ซอฟและผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธินี้ กล่าวว่าเธอคือเป้าหมายของกอนซาเลซ เพราะพบว่าเขาเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อกับเนมท์โซวาและมูลนิธิอย่างละเอียด
ปฏิบัติการสายลับ
มาร์ก มาร์จิเนดัส ผู้สื่อข่าวที่เชี่ยวชาญด้านอดีตสหภาพโซเวียตและตะวันออกกลาง ของหนังสือพิมพ์สเปน El Periodico กล่าวว่า แม้จะมีการขับนักการทูตรัสเซียออกไปหลังการรุกรานยูเครน แต่หน่วยข่าวกรองรัสเซียนั่นมีขนาดเหมือนกับกองทัพเล็ก ๆ เลยก็ว่าได้
มาร์จิเนดัส กล่าวว่า “มีผู้คนนับหมื่นถึงหลักแสนคนทำงานในหลายสาขาของหน่วยสืบราชการลับรัสเซีย ซึ่งรวมถึงคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ประจำ” และว่าเจ้าหน้าที่ในสถานทูตรัสเซียและองค์กรสื่อรัฐบาลทำเนียบเครมลิน อาจถูกบังคับให้ทำงานประเภทนี้ด้วยเช่นกัน
นักข่าวรายนี้เห็นด้วยว่า “ผู้กระทำผิดกฎหมาย” กลายเป็นสายลับกระแสหลักของปฏิบัติการจารกรรมรัสเซียไปเสียแล้ว “รัสเซียทุ่มทุนไปมากกับสายลับใต้ดินที่ไม่ได้รับการคุ้มครองด้านการทูต พวกเขาติดตามตัวได้ยาก ประเทศในละตินอเมริกา ที่ไม่มีการควบคุมเข้มงวดในการขอสัญชาติให้ชาวต่างชาติ มีประโยชน์มากกับปฏิบัติการนี้”
ผู้สื่อข่าว El Periodico เสริมว่า การรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบของรัสเซียทำให้ผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับถูกขับออกจากสถานทูตทั่วโลก ดังนั้น การต้อนรับขับสู้เหล่าสายลับในการแลกเปลี่ยนตัวประกันเมื่อเดือนสิงหาคม ถือเป็นการ “ส่งข้อความให้กับอนาคตสายลับว่ารัสเซียจะไม่ทอดทิ้งจารชนเหล่านี้”
อย่างไรก็ตาม นักข่าวที่รู้จักกอนซาเลซรายหนึ่ง ประหลาดใจกับตัวตนที่แท้จริงของเขา ฮาเวียร์ โคลาส ที่ทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ El Mundo รู้จักกอนซาเลซมาตั้งแต่ปี 2014 เมื่อครั้งที่พบกันที่ยูเครน โดยบอกว่า “เขาไม่ใช่คนที่ทำตัวเหมือนเป็นนักข่าว เขาเป็นนักข่าวจริง ๆ เขารายงานและเดินทางไปที่ต่าง ๆ และรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่” และว่ากอนซาเลซแสดงบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยูเครนและอดีตสหภาพโซเวียต
โคลาส ที่ถูกรัสเซียขับออกจากประเทศในปีนี้ กล่าวว่า กอนซาเลซมีข้อโต้แย้ง “สนับสนุนรัสเซีย” มากมาย เขาทำงานใกล้ชิดกับสื่อระดับภูมิภาคที่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน และเขาไม่เคยขาดแคลนเงินทุนในการเดินทางไปยูเครนและซีเรียเลย
กอนซาเลซทำงานให้กับสื่อสเปน Publico, La Sexta และ Gara และทำงานเป็นผู้สื่อข่าวอิสระให้กับวีโอเอช่วงปี 2020-2021 รวมทั้งทำงานเป็นผู้สื่อข่าวให้ Deutsche Welle ซึ่งหลังจากวีโอเอทราบเรื่องการจับกุมกอนซาเลซที่โปแลนด์ ก็ได้ถอดเนื้อหาที่เขารายงานโดยทั้งหมดทันที ส่วน Deutsche Welle ไม่ได้ตอบกลับการขอความเห็นของวีโอเอในช่วงเวลาที่รายงานข่าวนี้
หน่วยข่าวกรอง 3 แห่งไม่สงสัยเกี่ยวกับความฟู่ฟ่าของกอนซาเลซแม้แต่น้อย หรือแม้แต่เพื่อนฝูงของเขาก็ไม่ทราบมาก่อน
ด้านทนายของกอนซาเลซ เชื่อมโยงคดีของอีวาน เกิร์ชโควิช ผู้สื่อข่าว Wall Street Journal ที่ถูกจับในรัสเซียฐานเป็นสายลับ และได้รับการปล่อยตัว พร้อมได้รับการต้อนรับจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่า “ผู้สื่อข่าวต่างติดอยู่ในสงครามเย็นรูปแบบใหม่ ที่ความจริงแทบไม่มีความหมาย”
- ที่มา: วีโอเอ
———————————————————————————————
ที่มา : VoAThai / วันที่เผยแพร่ 2 ก.ย.67
Link: https://www.voathai.com/a/renaissance-of-illegals-since-start-of-war-in-ukraine-russia-relies-more-on-bargain-basement-spies/7767499.html