ตำรวจรัฐเคนตักกี้ของสหรัฐฯ กำลังเร่งไล่ล่าตัวผู้ต้องสัยที่ก่อเหตุสุ่มยิงรถบนทางหลวง จนมีผู้บาดเจ็บ 7 ราย
ตำรวจรัฐเคนตักกี้ของสหรัฐฯ กำลังเร่งล่าตัวผู้ต้องสัย หลังจากมีคนถูกยิงบาดเจ็บ 7 คน บนทางหลวงใกล้เมืองลอนดอน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ก.ย.) เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อตำรวจได้รับรายงานว่ามีรถยนต์หลายคันถูกยิงใกล้กับทางหลวงระหว่างรัฐหมายเลข 75
แรนดัล เวดเดิล นายกเทศมนตรีเมืองลอนดอน กล่าวว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าว เขากล่าวว่าผู้ได้รับบาดเจ็บเหล่านี้ไม่ได้บาดเจ็บจากการถูกยิงทั้งหมด และไม่มีผู้เสียชีวิต สำนักงานเขตลอเรล เคาน์ตี้ ได้ระบุชื่อ โจเซฟ เอ. คูช วัย 32 ปี เป็นผู้ต้องสงสัย และเตือนประชาชนว่าเขามีอาวุธและเป็นอันตราย
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น อาจมีการยิงปืนจากบริเวณป่าใกล้ทางหลวง หรือจากสะพานลอย นายกเทศมนตรีแรนดัลกล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ แต่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งไล่ล่าตัวอยู่ในเขตพื้นที่ป่าที่มีสภาพภูมิประเทศขรุขระและมีต้นไม้จำนวนมาก
คริสตินา ดีโนโต ซึ่งกำลังขับรถอยู่บนถนนระหว่างรัฐหมายเลข 75 กับเพื่อนในช่วงที่เกิดเหตุยิง กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า “รู้สึกเหมือนมีหินทะลุกระจกหลังรถ” ทำให้หูของเธอเจ็บ เธอกล่าวว่า ในอีกชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เธอจึงทราบว่าเกิดเหตุยิงขึ้น
โฆษกของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเคนตักกี้ในเมืองเล็กซิงตัน กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ได้ให้การรักษาผู้ป่วยอย่างน้อย 2 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอาการของพวกเขา ด้านโฆษกของตำรวจรัฐเคนตักกี้ เรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่ ให้อยู่แต่ในบ้านประชาชนได้รับคำเตือนไม่ให้เข้าใกล้บุคคลต้องสงสัย
สำนักงานควบคุมแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืนและวัตถุระเบิด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้นหาครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ แอนดี้ เบเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี้ ระบุว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้ปิดทางหลวงระหว่างรัฐทั้งสองทิศทาง ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เขากล่าวว่า ประชาชนควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว ใกล้เมืองลอนดอน ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็ก ที่มีประชากรประมาณ 8,000 คน ใกล้กับเขตป่าสงวนแห่งชาติแดเนียล บูน
ที่มา BBC
————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 8 ก.ย. 2567
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2813169