ชายชาวฮ่องกงรายหนึ่งรับสารภาพในข้อหาปลุกระดม จากการสวมเสื้อยืดที่มีข้อความประท้วง ถือเป็นบุคคลแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของฮ่องกง
ชายชาวฮ่องกงรายหนึ่งรับสารภาพในข้อหาปลุกระดมกบฏจากการสวมเสื้อยืดที่มีข้อความประท้วง นับเป็นบุคคลแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของฮ่องกง ที่ผ่านเป็นกฎหมายเมื่อเดือนมีนาคม
นายชู ไค-พอง อายุ 27 ปี รับสารภาพในข้อหา “กระทำการหรือกระทำการโดยมีเจตนาปลุกระดม” ภายใต้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ โทษสูงสุดสำหรับความผิดดังกล่าวได้รับการขยายจาก 2 ปี เป็น 7 ปี และอาจเพิ่มเป็น 10 ปี หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ “การสมคบคิดกับกองกำลังต่างชาติ”
ชูถูกจับกุมเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่สถานีรถไฟใต้ดิน โดยสวมเสื้อยืดที่มีข้อความว่า “ปลดปล่อยฮ่องกง ปฏิวัติยุคสมัยของเรา” และสวมหน้ากากสีเหลืองที่มีข้อความว่า “FDNOL” ซึ่งเป็นคำย่อของข้อความเต็มว่า “ห้าข้อเรียกร้อง ไม่ลดหย่อน”
คำขวัญทั้งสองนี้มักถูกผู้ประท้วงกล่าวถึงบ่อยครั้ง ในการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในปี 2562 และวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นของเหตุการณ์ความไม่สงบที่กินเวลานานหลายเดือน ศาลฮ่องกงกล่าวว่า นายชูบอกกับตำรวจว่า เขาสวมเสื้อยืดดังกล่าวเพื่อเตือนผู้คนถึงการประท้วงในครั้งนั้น
วิกเตอร์ โซ ผู้พิพากษาสูงสุด ซึ่งได้รับการคัดเลือกโดนายยจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ให้พิจารณาคดีด้านความมั่นคง ได้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปเป็นวันพฤหัสบดี (19 ก.ย.) เพื่อพิจารณาคำพิพากษา
อังกฤษส่งคืนฮ่องกงให้กับจีนในปี 2540 โดยทางการจีนให้การรับประกันเสรีภาพ รวมถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองภายใต้ระบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
รัฐบาลจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติใน 2563 เพื่อลงโทษผู้ที่เรียกร้องให้มีการแยกตัว การล้มล้าง การก่อการร้าย หรือการสมคบคิดกับกองกำลังต่างชาติ ด้วยโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิต หลังจากการประท้วงที่ดำเนินมาหลายเดือน และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฮ่องกงได้ผ่านกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ฉบับที่ 2 ซึ่งเป็นกฎหมายภายในประเทศที่เรียกอีกอย่างว่า “มาตรา 23” ตามบทบัญญัติหลักในรัฐธรรมนูญฉบับย่อของฮ่องกง ซึ่งก็คือ กฎหมายพื้นฐาน
นักวิจารณ์ รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ และกล่าวว่าบทบัญญัติที่กำหนดไว้คลุมเครือเกี่ยวกับ “การกบฏ” อาจใช้เพื่อปราบปรามการคัดค้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ฮ่องกงและจีนกล่าวว่าจำเป็นต้องอุด “ช่องโหว่” ในระบบความมั่นคงแห่งชาติ.
ที่มา Reuters
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 16 ก.ย.67
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2814722