สภานครลอสแองเจลิสลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าด้วยกฎหมาย “เมืองปลอดภัย” เพื่อปกป้องผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งเป็นจุดยืนที่ขัดแย้งต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่
ลอสแองเจลิส เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของสหรัฐฯ กำลังเตรียมรับมือกับความขัดแย้งกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเรื่องผู้อพยพ โดยสภานครลอสแองเจลิสได้ผ่านกฎหมาย “เมืองปลอดภัย” เพื่อห้ามใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง คาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะได้รับการลงนามจากคาเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีนครลอสแองเจลิส
กฏหมายดังกล่าวมีขึ้นเสริมสร้างให้เมืองและโรงเรียนต่าง ๆ เป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับผู้อพยพและเยาวชนกลุ่ม LGBTQ เนื่องจากเมืองนี้พร้อมที่จะต่อต้านนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานและเพศสภาพอย่างแข็งกร้าว
ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในอีก 2 เดือนข้างหน้า ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเนรเทศคนจำนวนมากทันทีที่เขากลับเข้าทำเนียบขาว โดยนายทิม โฮแมน ที่ทรัมป์เลือกให้ทำหน้าที่เป็น “ผู้ควบคุมชายแดน” ได้เรียกร้องให้เมืองต่างๆ ที่เป็นสถานพักพิงของผู้อพยพ “หลีกทาง” จากการปราบปรามผู้อพยพของรัฐบาลกลาง
คำว่า “เมืองที่เป็นสถานหลบภัย” เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ มานานกว่าทศวรรษแล้ว เพื่ออธิบายสถานที่ที่จำกัดความช่วยเหลือให้กับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง เนื่องจากไม่ใช่คำศัพท์ทางกฎหมาย เมืองต่างๆ จึงใช้แนวทางต่างๆ มากมายเพื่อให้กลายเป็น “สถานหลบภัย” เช่น การกำหนดนโยบายในกฎหมาย หรือเพียงแค่เปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในท้องถิ่น
ตามรายงานของ NBC News Los Angeles กฎหมายสถานหลบภัยของสภาเมือง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้คำสั่งฝ่ายบริหารในปี 2019 เป็นกฎหมายของเมือง ห้ามมิให้ใช้ทรัพยากรของเมืองในการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง
นิตยา รามัน สมาชิกสภา กล่าวกับซีบีเอส นิวส์ ก่อนการลงคะแนนเสียงว่า กฎหมายดังกล่าวจะป้องกันไม่ให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลางสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของเมือง หรือใช้ทรัพยากรของเมืองในการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง
กฎหมายดังกล่าวจะห้ามไม่ให้มีการแบ่งปันข้อมูลบางอย่างระหว่างหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของเมือง
เจ้าหน้าที่ในเมืองอื่นๆ หลายแห่ง รวมทั้งบอสตันและนิวยอร์ก ให้คำสัญญาในทำนองเดียวกันว่าจะไม่จัดสรรทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อช่วยเหลือในประเด็นการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง
ตั้งแต่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก เขตการศึกษาหลายสิบแห่งได้ประกาศตนเองเป็น “สถานที่ปลอดภัย” หรือ “สถานที่ปลอดภัย” เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักเรียนว่าจะไม่ถูกเนรเทศ
เขตการศึกษาลอสแองเจลิส ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนที่ติดกับเม็กซิโกประมาณ 225 กม. ยังได้ลงคะแนนเสียงในมติฉุกเฉินชุดหนึ่งที่มุ่งเป้าไปที่การต่อสู้กับประเด็นที่นางแจ็กกี้ โกลด์เบิร์ก ประธานคณะกรรมการการศึกษา ระบุว่าเป็นการต่อต้านผู้อพยพและ LGBTQ ของประธานาธิบดีคนใหม่
นอกจากจะกำหนดนโยบายคุ้มครองนักเรียนและครอบครัวภายในเขตการศึกษาใหม่แล้ว มติดังกล่าวยังเรียกร้องให้มีการฝึกอบรมครูและเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับวิธีการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอีกด้วย การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้ลอสแองเจลิสมีท่าทีขัดแย้งกับรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ ซึ่งได้ให้คำมั่นว่าจะเริ่มดำเนินการเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้นการบริหารงาน
ทอม โฮแมน อดีตผู้อำนวยการรักษาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ซึ่งทรัมป์เลือกให้เป็น “ผู้ควบคุมชายแดน” กล่าวว่าการกำหนดเมืองให้เป็น “เมืองปลอดภัย” จะไม่ขัดขวางรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายนโยบายตรวจคนเข้าเมือง
ที่มา BBC
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 20 พ.ย.67
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2826589