ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นเสาหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนใน “ระบบป้องกันอัคคีภัย” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยลดความเสียหายที่มหาศาล และเป็นหลักประกันความมั่นคง และความน่าเชื่อถือของดาต้าเซ็นเตอร์ในการให้บริการได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่สำคัญ โดยเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้บริการคลาวด์ เว็บไซต์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ทำงานได้อย่างราบรื่น เป็นที่รวมศูนย์ของอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและมูลค่าสูง เช่น เซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์เครือข่าย ซึ่งหากเกิด เหตุเพลิงไหม้ ขึ้นจะมีผลกระทบอย่างมากทั้งต่อผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ จากทั้งฮาร์ดแวร์ และข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่มีความเสียหายและผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ทุกคนควรทำความเข้าใจถึงความสำคัญของความปลอดภัยจากอัคคีภัยในดาต้าเซ็นเตอร์ และมาตรการด้านความปลอดภัยที่ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ควรพิจารณา
เพลิงไหม้ที่เกิดจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
อุปกรณ์ในดาต้าเซ็นเตอร์ต้องใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย สิ่งที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือ เพลิงไหม้ที่เกิดจาก แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ที่ใช้ในระบบไฟฟ้าสำรอง (UPS) หรือระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อสำรองไฟในกรณีที่กระแสไฟฟ้าหลักขัดข้อง
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จัดเป็นวัตถุไวไฟมาก ซึ่งเมื่อมีอุณหภูมิสูงเกินกว่าปกติไม่ว่าจะเกิดจากความเสียหายทางกายภาพ การใช้งาน การประจุหรือคายประจุไฟฟ้าที่สูงเกินกว่าปกติ หรือข้อบกพร่องจากการผลิตหรือคุณภาพวัสดุ จนเกิดกระแสลัดวงจรภายใน ทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้รับความเสียหายจนเกิดเพลิงไหม้และมีการปล่อยพลังงานความร้อนในปริมาณมหาศาล เรียกว่า Thermal Runaway ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียส เกิดการลุกลามไปยังเซลล์ข้างเคียง (Propagation) นำไปสู่การระเบิด และความร้อนรุนแรงที่ควบคุมได้ยาก ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว การดับเพลิงทำได้ยาก สามารถทำได้เพียงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด และดับไปเองเมื่อเชื้อเพลิงหมด
ไฟไหม้จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจัดเป็นเชื้อเพลิงประเภท Electro Chemical ซึ่งตอบสนองไม่ดีต่อการดับเพลิงด้วยน้ำแบบมาตรฐาน และอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงเนื่องจากลิเธียมเมื่อถูกน้ำจะทำให้เกิดก๊าซที่ติดไฟและระเบิดได้ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการดับเพลิงและเทคนิคพิเศษเพื่อป้องกันการลุกลามไปยังเซลล์ข้างเคียง แม้แต่วิธีนี้ก็ยังอาจมีปัญหาในการจัดการกับความร้อนที่รุนแรง และปฏิกิริยาลูกโซ่ภายในเซลล์แบตเตอรี่
ค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอัคคีภัยในดาต้าเซ็นเตอร์
เมื่อเกิดเพลิงใหม้ใน ดาต้าเซ็นเตอร์ ค่าความเสียหายอาจสูงมหาศาลจากทั้งทางตรงและทางอ้อม ค่าใช้จ่ายทางตรงทันทีจากความเสียหายของอุปกรณ์ต่างๆ อาจสูงถึงหลายล้านดอลลาร์ แต่ความเสียหายทางอ้อมมักจะสร้างผลกระทบที่รุนแรงกว่า จาก Downtime ของบริการคลาวด์ที่ส่งผลให้ธุรกิจของลูกค้าต้องหยุดชะงัก นำไปสู่การสูญเสียรายได้และชื่อเสียงของลูกค้า และของผู้ประกอบการฯ เอง อีกทั้งอาจมีค่าเสียโอกาสจากการสูญเสียลูกค้าทั้งปัจจุบันและอนาคต รวมถึงภาระทางการเงินที่อาจเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายจากความรับผิดชอบทางกฎหมายและเบี้ยประกันที่จะพุ่งสูงขึ้น
แม้ว่าตัวเลขที่แน่นอนจะแตกต่างกันไปในแต่ละเหตุการณ์ แต่จากการประมาณการของอุตสาหกรรมชี้ว่าการหยุดทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 9,000 ดอลลาร์ต่อนาที สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงทางธุรกิจที่ไม่อาจมองข้ามได้
การป้องกัน : หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ความปลอดภัยจากอัคคีภัย
เทคโนโลยีความปลอดภัยด้านอัคคีภัยขั้นสูงถูกออกแบบมา เพื่อปกป้องดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยการตรวจจับสัญญาณก่อนการเกิดเพลิงไหม้จากแบตเตอรี่ ตั้งแต่เริ่มต้นของความผิดปกติในแบตเตอรี่ และการชี้จุดที่เกิดปัญหาอย่างแม่นยำ และทำการป้องกันไม่ให้เกิด Thermal Runaway ในเซลล์ที่ผิดปกติของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และไม่ให้ลุกลามไปยังเซลล์ข้างเคียง หรือไปยังเชื้อเพลิงภายนอกอื่นๆ โซลูชันความปลอดภัยด้านอัคคีภัยขั้นสูงในปัจจุบันถูกบูรณาการเข้ากับระบบจัดการอาคาร โดยมีคุณสมบัติเด่น ๆ ดังนี้
การตรวจจับสัญญาณการเกิดเพลิงไหม้ตั้งแต่เริ่มต้น : อุปกรณ์ตรวจจับควันแบบสุ่มอากาศ* (Aspirating Smoke Detectors หรือ ASD) ชนิด Dual Wavelength ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุด ที่สามารถตรวจจับสัญญาณความผิดปกติของแบตเตอรี่ก่อนการเกิดเพลิงไหม้ได้ตั้งแต่กระบวนการเกิด off gas ภายในของแบตเตอรี่ (off-gassing process) ซึ่งยังไม่มีควันที่สามารถมองเห็นหรือตรวจจับด้วยเครื่องมือชนิดอื่นได้ ซึ่งจากการทดสอบอุปกรณ์สามารถตรวจจับสัญญาณก่อนการเกิดเพลิงไหม้ หรือ Thermal Runaway ได้นานกว่า 30 นาที ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการเข้าระงับเหตุ และป้องกันไม่ให้เกิด Thermal Runaway ได้
*อุปกรณ์ตรวจจับควันจากเพลิงไหม้ชนิดนี้อาศัยการดูดอากาศในพื้นที่ที่ต้องการตรวจสอบผ่านท่อดูดอากาศเข้าไปยังเซนเซอร์ตรวจจับควันด้วยการกระเจิงของแสงความละเอียดสูงตลอดเวลา
– ระบบป้องกันอัคคีภัยที่ทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อตรวจพบความผิดปกติในแบตเตอรี่ ก่อนการเกิดเพลิงไหม้ : โดยใช้หลักการเชิงป้องกันก่อนการเกิดเพลิงไหม้ ด้วยการใช้ก๊าซเฉื่อย Pure Nitrogen (IG-100) ซึ่งให้ระยะเวลาในการป้องกันไฟลุกลาม (Holding Time) นานที่สุด และมีระดับความสูงในการป้องกัน (Protection High) ทุกระดับความสูงของห้องป้องกัน โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อการทำงานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยระบบฯ จะทำงานโดยอัตโนมัติทันที หลังจากได้รับสัญญาณความผิดปกติจากอุปกรณ์ตรวจจับควันแบบสุ่มอากาศแบบ Dual Wavelength สูงถึงค่าที่กำหนดไว้ ซึ่งวิธีนี้จะจำกัดความเสียหายเพียงแค่แบตเตอรี่เซลล์ที่ผิดปกติและเซลล์ข้างเคียงเท่านั้น นอกจากนี้ Pure Nitrogen ยังไม่เป็นพิษและไม่มีสารตกค้างหลังการใช้งาน ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์หลังการระงับเหตุเสร็จสิ้น
– การตรวจสอบแบบบูรณาการ : การบูรณาการระบบป้องกันอัคคีภัยเข้ากับระบบการจัดการอาคารช่วยให้สามารถตรวจสอบและแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการฯ สามารถดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อลด Downtime และคงความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ
– ระบบเหล่านี้เมื่อทำงานร่วมกันไม่เพียงแต่จะสามารถตรวจจับสัญญาณการเกิดเพลิงไหม้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ยังสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของไฟที่อาจเกิดขึ้น ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ
การเสริมศักยภาพดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อรับมือกับอนาคต
ด้วย ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจดิจิทัล ความปลอดภัยจาก อัคคีภัย จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งยวด ค่าความเสียหายทั้งทางตรงทั้งด้านการเงิน ชื่อเสียง และความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการฯ จากเหตุเพลิงไหม้ในดาต้าเซ็นเตอร์นั้นสูงเกินกว่าจะละเลย การลงทุนในระบบ ป้องกันอัคคีภัย วันนี้ จะช่วยปกป้องทรัพย์สินล้ำค่า เป็นหลักประกันความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของดาต้าเซ็นเตอร์ในการให้บริการได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “การขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนของดาต้าเซ็นเตอร์ในยุค AI” ได้ ที่นี่ และ “นวัตกรรม Electrification สู่ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน” ที่นี่ รวมถึง Download whitepaper : Fire Protection in Data Centers และ Download whitepaper : Data Center – Leading with Sustainability
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : Bangkokbiznews / วันที่เผยแพร่ 31 ต.ค.67
Link : https://www.bangkokbiznews.com/corporate-moves/tech/innovation/1151494