สื่อต่างประเทศเผย ความสำเร็จของฝ่ายต่อต่านรัฐบาลทหารเมียนมามีสาเหตุมาจาก “สายลับแตงโม” หรือทหารเมียนมาที่ทำหน้าที่เป็น “สาย” ให้ฝ่ายต่อต้าน
สำนักข่าวบีบีซีเปิดเผยว่า สถานการณ์สงครามเมียนมาในปัจจุบัน ฝ่ายรัฐบาลทหารสามารถควบคุมพื้นที่ได้เพียง 1 ใน 4 ของประเทศเท่านั้น แม้ยังคงควบคุมเมืองใหญ่ ๆ ไว้ได้ แต่ก็สูญเสียพื้นที่ไปจำนวนมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่ากองทัพเมียนมาที่เคยแข็งแกร่งกำลังแตกร้าวจากภายใน จาก “สายลับ” จำนวนมากที่ทำงานให้กับกลุ่มต่อต้านที่สนับสนุนประชาธิปไตย ภายใต้ฉายาที่ถูกเรียกว่า “แตงโม”
ฉายาดังกล่าวมาจากสีของแตงโม คือเปลือกนอกเป็นสีเขียว เหมือนสีชุดทหาร ส่วนเนื้อในจริง ๆ เป็นสีแดง ซึ่งเป็นสีที่กลุ่มต่อต้านมักใช้เป็นสัญลักษณ์
นายพลจ่อ (นามสมมติ) ซึ่งประจำการอยู่ในเมียนมาตอนกลางกล่าวว่า ความโหดร้ายของกองทัพทำให้เขาเปลี่ยนฝ่าย “ผมเห็นศพพลเรือนที่ถูกทรมาน ผมหลั่งน้ำตา พวกเขาโหดร้ายกับประชาชนของเราได้อย่างไร เรามีหน้าที่ปกป้องพลเรือน แต่ตอนนี้เรากลับฆ่าคน มันไม่ใช่กองทัพอีกต่อไป แต่เป็นกองกำลังที่สร้างความหวาดกลัว”
ในตอนแรก จ่อคิดที่จะออกจากกองทัพ แต่ตัดสินใจร่วมกับภรรยาว่า การเป็นสายลับคือ “วิธีที่ดีที่สุดในการรับใช้การปฏิวัติ”
เมื่อเขาเห็นว่าปลอดภัยที่จะทำเช่นนั้น เขาก็ปล่อยข้อมูลภายในของกองทัพไปให้กับกองกำลังป้องกันประชาชน (PDF) ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มกองกำลังพลเรือน ซึ่งใช้ข่าวกรองเหล่านั้นเพื่อซุ่มโจมตีกองทัพหรือเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี จ่อยังส่งเงินบางส่วนให้พวกเขาด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้ซื้ออาวุธได้
สายลับอย่างเขาช่วยให้กองกำลังต่อต้านบรรลุสิ่งที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
บีบีซีประเมินเมื่อกลางเดือน พ.ย. 2024 ว่า กองทัพสามารถควบคุมดินแดนของเมียนมาได้เพียง 21% เท่านั้น ส่วนกองกำลังชาติพันธุ์และกลุ่มต่อต้านหลายกลุ่มควบคุมพื้นที่ของประเทศได้ 42% ขณะที่พื้นที่ที่เหลือส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะขัดแย้ง
ข่าวกรองหรือข้อมูลที่ทหารแตงโมปล่อยออกมาจากภายในกองทัพกำลังช่วยพลิกสถานการณ์ให้ฝ่ายต่อต้าน ทำให้เมื่อ 2 ปีก่อน กลุ่มต่อต้านได้จัดตั้งหน่วยพิเศษขึ้นเพื่อจัดการเครือข่ายสายลับที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และคัดเลือกสายลับเพิ่มเติม
วิน อ่อง (นามสมมติ) เล่าว่า เขาทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลที่รั่วไหลจากทหารแตงโม ตรวจสอบความถูกต้องหากเป็นไปได้ จากนั้นจึงส่งต่อข้อมูลดังกล่าวให้กับผู้นำกลุ่มต่อต้านในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
วิน อ่อง เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่แปรพักตร์ไปร่วมกลุ่มต่อต้านหลังการรัฐประหาร เขากล่าวว่า ขณะนี้พวกเขาเปิดรับทหารแตงโมใหม่ทุกสัปดาห์ และโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญในการสรรหา
เขากล่าวว่า สายลับของพวกเขามีตั้งแต่ทหารชั้นผู้น้อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูง พวกเขายังอ้างว่า มีแตงโมอยู่ในรัฐบาลทหารด้วย “ตั้งแต่กระทรวงลงมาจนถึงกำนัน”
พวกเขาต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ใช่สายลับสองหน้า
แรงจูงใจในการเป็นสายลับแตกต่างกันไป ในกรณีของนายพลจ่อคือ ความโกรธแค้น แต่สำหรับ “สิบเอกโม” จากกองทัพเรือ การเป็นสายลับก็เพื่อให้ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดกับครอบครัวเล็ก ๆ ของเขาเป็นจริง
ภรรยาของเขาซึ่งตั้งครรภ์ในขณะนั้นได้ผลักดันให้เขาทำเช่นนั้น โดยเชื่อว่ากองทัพกำลังพ่ายแพ้และเขาจะต้องเสียชีวิตในการสู้รบ เขาจึงเริ่มปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธและการเคลื่อนพลให้กับเครือข่ายสายลับ
“แดวา” หนึ่งในผู้นำกลุ่มต่อต้านที่สนับสนุนประชาธิปไตย กล่าวว่า ข่าวกรองประเภทนี้มีความสำคัญมาก เป้าหมายสูงสุดของหน่วยต่อต้านของเขาคือการควบคุมย่างกุ้ง เมืองที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาและบ้านเก่าของเขา
แต่นั่นยังห่างไกลจากเป้าหมายนั้นมาก เพราะกองทัพยังคงรักษาพื้นที่สำคัญส่วนใหญ่ไว้ได้
เนื่องจากไม่สามารถเจาะเข้าไปในเมืองได้ แดวาจึงสั่งการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมายโดยกลุ่มใต้ดินในย่างกุ้ง โดยใช้ข่าวกรองของทหารแตงโม
ในเดือน ส.ค. เราได้เห็นเขาทำการโจมตีครั้งหนึ่ง โดยรายละเอียดไม่แน่ชัด แต่มีข้อมูลว่าเป็นการลอบสังหารพันเอกนายหนึ่ง
แดวากล่าวว่า การโจมตีครั้งใหญ่หลายครั้งโดยกลุ่มของเขาเป็นผลมาจากการแจ้งเบาะแสของทหารแตงโม “เราเริ่มต้นจากศูนย์ และตอนนี้ก็ดูความสำเร็จของเรา”
แต่การเป็นสายลับก็มีราคาที่ต้องจ่าย ทหารแตงโมต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกโจมตีจากทั้งฝ่ายกองทัพและฝ่ายต่อต้าน
สิบเอกโมเล่าว่า เขาถูกส่งตัวจากย่างกุ้งไปยังรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่กองทัพกำลังต่อสู้กับกลุ่มชาติพันธุ์ เขาต้องอยู่กับความหวาดกลัวว่าข่าวกรองของเขาอาจทำให้ตัวเขาเองถูกโจมตี
ในเดือน มี.ค. 2024 เรือที่เขาปรำการอยู่ถูกยิงด้วยขีปนาวุธ ตามด้วยการยิงแบบเปิด “ไม่มีที่ให้หนี เราเหมือนหนูในกรง” เพื่อนทหารของเขา 7 คนเสียชีวิตในการโจมตีของฝ่ายต่อต้าน
วิน อ่อง ยอมรับว่า “ความสามารถในการปกป้องสายลับของเรามีจำกัดมาก เราไม่สามารถประกาศต่อสาธารณะได้ว่าพวกเขาคือทหารแตงโม และเราไม่สามารถหยุดกองกำลังของเราจากการโจมตีขบวนทหารใดขบวนหนึ่งได้”
เขากล่าวว่า เมื่ออธิบายเรื่องนี้ให้ทหารแตงโมฟัง พวกเขาไม่ได้ลังเลเลย บางคนถึงกับตอบกลับว่า “เมื่อถึงเวลานั้น อย่าลังเล ยิงมาได้เลย”
แต่มีสายลับบางคนที่ไม่สามารถทนต่ออันตรายได้อีกต่อไป เมื่อสิบเอกโมถูกส่งตัวไปยังแนวหน้าอันตรายอีกแนวหนึ่ง เขาขอให้หน่วยแตงโมลักลอบพาเขาออกไปยังพื้นที่ที่กองกำลังต่อต้านควบคุม
เขาออกเดินทางในช่วงกลางคืน จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเขาไม่มาปฏิบัติหน้าที่ ทหารก็มาที่บ้าน พวกเขาซักถามภรรยาของเขา แต่เธอยังคงปากแข็ง
หลังจากหลบหนีมาหลายวัน โมก็มาถึงฐานทัพแห่งหนึ่งของแดวา แดวาขอบคุณเขาผ่านวิดีโอคอล ก่อนจะถามว่าตอนนี้เขาอยากมีบทบาทอะไร โมตอบว่า เนื่องจากเขายังมีครอบครัวเล็ก ๆ เขาจึงอยากมีบทบาทที่ไม่ใช่การสู้รบ และจะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการฝึกทหารแทน
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เขาก็ข้ามไปยังประเทศไทย ส่วนภรรยาและลูก ๆ ของเขาหนีออกจากบ้านเช่นกัน และหวังว่าจะได้ไปอยู่กับเขาและสร้างชีวิตใหม่ที่ประเทศไทยในที่สุด
ในขณะเดียวกัน กองทัพเองก็พยายามดำเนินการกวาดล้างกลุ่มแตงโมด้วย นายพลจ่อกล่าวว่า “เมื่อผมได้ยินเรื่องการกวาดล้าง ผมก็หยุดไปพักหนึ่ง”
เขาบอกว่าเขามักจะทำตัวเป็นผู้สนับสนุนกองทัพอย่างเหนียวแน่นเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป้นเป้าสงสัย แต่เขากลัวและไม่รู้ว่าจะซ่อนตัวได้นานแค่ไหน ถึงอย่างนั้น เขาจะยังคงทำหน้าที่เป็นสายลับต่อไป โดยหวังว่าจะได้เห็นวันที่การปฏิวัติสิ้นสุดลง
หากวันนั้นมาถึง วิน อ่องให้คำมั่นว่า แตงโมอย่างจ่อและโมจะไม่ถูกลืม “เราจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างมีเกียรติ และให้พวกเขาได้เลือกสิ่งที่พวกเขาต้องการทำในชีวิตต่อไป”
เรียบเรียงจาก BBC
————————————————————————————————————————————–
ที่มา : PPTV Online / วันที่เผยแพร่ 20 ธ.ค.67
Link : https://shorturl.at/x3BaL