ตำรวจเกาหลีใต้จับกุมผู้ประท้วง 45 คน ซึ่งบุกเข้าไปในศาลกรุงโซล เพื่อประท้วงการตัดสินใจจับกุมประธานาธิบดียุน ซอก ยอล อย่างเป็นทางการ หลังความล้มเหลวในการประกาศกฎอัยการศึก
ตำรวจเกาหลีใต้จับกุมผู้ประท้วง 45 คน ซึ่งบุกเข้าไปในศาลกรุงโซล เพื่อประท้วงการตัดสินใจจับกุมประธานาธิบดียุน ซอก ยอล อย่างเป็นทางการ หลังความล้มเหลวในการประกาศกฎอัยการศึก
เมื่อเวลา 03.00 น. ในเช้าวันนี้ (19 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ศาลแขวงโซลตะวันตกได้อนุมัติการขยายระยะเวลาการควบคุมตัวประธานาธิบดียุน โดยอ้างถึงความเสี่ยงของการทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาการก่อกบฏและการใช้อำนาจในทางมิชอบ เมื่อเขาประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม
เพื่อเป็นการตอบโต้ กลุ่มผู้สนับสนุนนายยุนส่วนหนึ่ง จากกลุ่มผู้สนับสนุนนายยุนประมาณ 44,000 คน ได้บุกไปที่อาคารที่ทำการของศาล แต่ตำรวจปราบจลาจลไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้เนื่องจากมีจำนวนน้อยกว่า โดยคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ในเวลาต่อมา แสดงให้เห็นภาพผู้ประท้วงใช้ถังดับเพลิงฉีดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนเป็นแนวป้องกันทางเข้าอาคาร ก่อนที่บรรดาผู้ประท้วงจะบุกเข้าไปภายในและทำลายอุปกรณ์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กล่าวว่า สามารถจับกุมผู้ประท้วงไปแล้ว 46 ราย โดยตำรวจกรุงโซลกล่าวในแถลงการณ์ว่า จะติดตามผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย หรือยุยงและช่วยเหลือให้มีการกระทำผิดกฎหมายมาลงโทษทั้งหมด เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยประมาณ 40 คน
ตั้งแต่วันเสาร์ ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ประท้วงไปแล้ว 86 คน และจัดตั้งทีมสอบสวนพิเศษขึ้นเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวและกำหนดมาตรการเพิ่มเติมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่กล่าวว่าจะจัดการ “อย่างเข้มงวด” กับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ด้านนายชเว ซัง-มอก รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความรุนแรงที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ในสังคมประชาธิปไตย” พร้อมเสริมว่าทางการจะเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในบริเวณที่มีการชุมนุม
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 9 นายจากเหตุวุ่นวายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บได้ใน ขณะที่เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินใกล้ศาลแขวงตะวันตกกรุงโซลกล่าวว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยประมาณ 40 คน
ที่มา Yonhap
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign
———————————————————————————————————————
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 20 ม.ค.68
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2836929