เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วมพิเศษจังหวัดยะลา นำกำลังปิดล้อมยิงปะทะกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เข้าไปกบดานเตรียมก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 27 ม.ค.68 จนทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงซึ่งมีอาวุธครบมือ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 4 รายนั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นเหตุวิสามัญฯผู้ก่อเหตุรุนแรง เหตุการณ์แรกของปี 2568
โดยการวิสามัญฆาตกรรม เป็นถ้อยคำของนักกฎหมาย แม้จะไม่ได้ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา หรือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอย่างชัดเจน แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า หมายถึง การเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่อ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่
ข้อมูลเชิงสถิติย้อนหลังของเหตุการณ์วิสามัญฯ ผู้ก่อเหตุรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา คือในช่วงปี 2566 – 2567 พบว่ามีเหตุการณ์วิสามัญฯ ผู้ก่อเหตุรุนแรงรวมทั้งหมด 9 เหตุการณ์ ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตรวม 16 ราย
สำหรับปี 68 เปิดปีใหม่มายังไม่ถึง 1 เดือน ก็มีการวิสามัญฯเหตุแรกไปแล้ว และมีผู้เสียชีวิตในคราวเดียวถึง 4 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตต่อการปะทะ 1 ครั้งมากที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา
@@ สัญญาณไฟใต้โชน?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีข้อสังเกตในมุมความมั่นคง ดังนี้
1.ผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 3 จาก 4 รายที่เสียชีวิต น่าจะเป็น “ทีมปฏิบัติการเดียวกัน” โดยเป็น “ทีมยะลา” มีภูมิลำเนาอยู่ตำบลเดียวกัน คือ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ส่วนอีก 1 คน น่าจะเป็นคนประสานงานระดับพื้นที่ใน อ.กรงปินัง
2.การเข้าไปซ่อนตัวที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.กรงปินัง น่าจะเพื่อเตรียมการก่อเหตุรุนแรงรอบใหม่ โดยปักหมุดพื้นที่ จ.ยะลา เพราะทีมนี้เป็น “ทีมยะลา” ก่อเหตุเฉพาะในพื้นที่ จ.ยะลาเท่านั้น (ดูตามประวัติหมายจับส่วนใหญ่)
3.เหตุวิสามัญฆาตกรรม แม้จะเกิดจากการยิงปะทะ แต่ก็เป็นเหตุรุนแรงรูปแบบหนึ่ง เมื่อนำไปผนวกกับเหตุรุนแรงที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐโดนกระทำก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเหตุลอบวางระเบิดและยิงซ้ำ “ครู ตชด.สองพ่อลูก” ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส สะท้อนว่าแนวโน้มสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ยังคงตึงเครียด รุนแรง ยังมองไม่เห็นความหวังของความสงบหรือสันติสุข
โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงเข้าใส่กันระหว่าง “คนถืออาวุธทั้งสองฝ่าย” คือ ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ และฝ่ายเจ้าหน้าที่
4.ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา มีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะเหตุมอเตอร์ไซค์บอมบ์ กลางเมืองปัตตานี ซึ่งสร้างความเสียหายค่อนข้างหนัก จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้โรงพัก ในย่านชุมชน ตลาดสด และย่านท่องเที่ยวเมืองเก่าปัตตานี มีผู้บาดเจ็บถึง 10 ราย
ก่อนเกิดเหตุวิสามัญฆาตกรรมในวันที่ 27 ม.ค. เพียง 4 วัน คือ วันที่ 23 ม.ค. เพิ่งเกิดเหตุลอบวางระเบิด “ศาลาปฏิบัติธรรม” ในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้กำลังพลของทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บอีกหลายนาย บางรายอาการสาหัส
@@ จับตาเงื่อนไขแทรกซ้อน ดำเนินคดีนักกิจกรรม
5.เหตุการณ์แทรกซ้อนที่อาจกลายเป็นเงื่อนไขปลุกระดม หรือเงื่อนไขความขัดแย้งอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ก็เช่น
– กรณีอัยการสั่งฟ้องนักกิจกรรม 9 คน ซึ่งเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ สืบเนื่องจากการจัดชุมนุมแต่งชุดมลายู เมื่อปี 65 โดยทางฝ่ายนักกิจกรรมอ้างว่า ถูกกลั่นแกล้งจากเรื่องการแต่งชุดตามอัตลักษณ์วัฒนธรรมและศาสนา แต่ฝ่าย กอ.รมน.ยืนยันว่า ดำเนินคดีจากพฤติการณ์ยุยงปลุกปั่น ปราศรัยบิดเบือนประวัติศาสตร์ และชูธงสัญลักษณ์ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
ล่าสุดฝ่ายนักกิจกรรมพยายามยื่นคำร้องต่ออัยการและศาลว่า อาจมีการแปลภาษาไม่ถูกต้องจากผู้แปลที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ส่งหนังสือถึงอัยการ และแสดงความกังวลในเรื่องนี้เช่นกัน พร้อมทั้งให้น้ำหนักว่า ข้อหายุยงปลุกปั่น อาจมาจากปัญหาการแปลภาษาที่ไม่ตรงกัน
@@ 4 ปัจจัยกระทบ “ดับไฟใต้” ชะงักงัน
เป็นที่น่าสังเกตว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ในภาวะชะงักงัน จาก 4 สาเหตุสำคัญ คือ
หนึ่ง รัฐบาล โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทบทวนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ใหม่ เพราะมองว่าผ่านมา 21 ปี สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร โดยกำหนดกรอบเวลาให้เสนอมายังรัฐบาลภายในสิ้นเดือนนี้
เมื่อต้องมีการทบทวนยุทธศาสตร์ งานทุกอย่างที่ไม่ใช่รูทีนจึงต้องหยุดไว้ก่อน เพื่อรอยุทธศาสตร์ใหม่
สอง เมื่อยังไม่มียุทธศาสตร์ชัดเจน จึงยังไม่มีการตั้ง “คณะพูดคุยเพื่อสันติสุข” ชุดใหม่ ส่งผลให้กระบวนการพูดคุยหยุดชะงัก ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบจึงเร่งก่อเหตุรุนแรงเพื่อกดดัน ทั้งกลุ่มเก่า กลุ่มใหม่ เพื่อไม่ให้ตกขบวน และเพิ่มอำนาจต่อรอง
สาม ท่าทีของมาเลเซียยังไม่ชัดเจน ผู้นำมาเลย์ยังหารือกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นระยะ ในหมวกที่ปรึกษาผู้นำอาเซียน โดยท่าทีล่าสุดจากอดีตนายกฯทักษิณ คือ “ให้บีอาร์เอ็นไปคุยกันให้จบว่าจะเอาอย่างไร” แล้วค่อยส่งตัวแทนมาคุยกันต่อ
สี่ จากท่าทีของอดีตนายกฯทักษิณ สะท้อนว่า ภายในบีอาร์เอ็นก็มีหลายปีก หลายกลุ่ม หลายความเห็น จึงต้องไปตกลงกันให้ได้ก่อน ทุกอย่างจึงจะเดินหน้า ขณะที่กลุ่มที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนอื่นๆ เช่น พูโล ก็ขยับตัวพร้อมร่วมวงพูดคุย และต้องการชิงการนำ
จากสภาพการณ์ทั้งหมดนี้จึงคาดการณ์ได้ว่า ปัญหาชายแดนใต้จะยังคงร้อนระอุต่อไป จนกว่าทั้ง 3 เรื่องจะมีความชัดเจน!
————————————————————————————
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา / วันที่เผยแพร่ 29 ม.ค. 68
Link : https://www.isranews.org/article/south-news/talk-with-director/135217-Insurgentssouth.html