เหตุการณ์ยิงปะทะและวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาคดีความมั่นคงถึง 4 ศพ ประเดิมปี 68 ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ และไม่ควรมองเป็นความสำเร็จของฝ่ายความมั่นคง เพราะ…
– ความรุนแรง ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยความรุนแรง
– มีดราม่าตามมาอีกหลายประเด็น และท้ายที่สุดฝ่ายรัฐอาจไม่ใช่ฝ่ายที่ได้เปรียบ
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์เล็กๆ เพราะนอกจากผู้เสียชีวิตจะมีถึง 4 รายแล้ว ตรวจสอบ 3 ใน 4 คน มีหมายจับคดีความมั่นคงรวมกันถึง 13 หมาย และ 3 คนนี้เป็นทีมเดียวกัน มาจากตำบลเดียวกัน คือ ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
ยุทโธปกรณ์ที่ยึดได้ก็มีหลายรายการ ได้แก่
– อาวุธปืนไรเฟิล ติดกล้องเล็ง
– ปืนสงครามเอ็ม 16 เอ 2
– ปืนสงคราม เอเค 102
– ลูกระเบิดขว้างแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์
– กระสุนปืน
– ธงสัญลักษณ์ขบวนการแบ่งแยกดินแดน BRN
– เครื่องแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่
@@ อาร์ม BRN สวนแนวทาง “องค์กรลับ”?
สำหรับสัญลักษณ์รูปธงของ BRN ที่ยึดได้ อยู่ในเป้ของผู้ตาย ตรวจสอบโดยละเอียด น่าจะเป็น “อาร์ม” มีตีนตุ๊กแกที่สามารถติดที่แขนเสื้อ หรือหน้าอกเสื้อ หรือแม้แต่บนเป้ได้
เรื่องนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่า เหตุใดสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบจึงต้องพก “อาร์ม” หรือสัญลักษณ์ BRN ไว้กับตัว
เพราะต้องไม่ลืมว่า กลุ่ม BRN และกลุ่มอื่นๆ ที่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ตลอด 21 ปีมานี้ ไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรืออ้างการกระทำใดๆ ว่าเป็นผลงานของตน เพราะ BRN ดำรงสถานะเป็น “องค์กรลับ” มาโดยตลอด
ส่งผลให้สถานการณ์ไฟใต้กลายเป็นการก่อเหตุรุนแรงแบบ “ไม่รู้ใครทำ” ฝ่ายความมั่นคงไม่รู้ว่าใครคือคนร้ายตัวจริง และไม่รู้ว่ารบอยู่กับใคร ถือเป็นจุดแข็งหนึ่งของขบวนการ มีการคัตเอาต์ตัดตอนแทบทุกขั้นตอน หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจึงไม่สามารถกวาดจับหรือทำลายเครือข่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ทั้งหมด
@@ เชื่อป้องกัน “พูโล” เคลมผลงาน-ชิงมวลชน
“ทีมข่าวอิศรา” สอบถาม นายอุสมาน (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเยาวชนแนวร่วมในพื้นที่ ได้ข้อมูลว่า การพกสัญลักษณ์รูปธง BRN ถือว่าเป็นการยืนยันตัวตนชัด อย่างน้อยทราบฝ่าย ไม่ต้องไปตรวจสอบอะไรมาก เนื่องจากช่วงหลังมีบางกลุ่มพยายามแอบอ้าง ทำให้สมาชิกตัวจริงต้องปรับกลยุทธ์ในการแยกฝ่าย โดยการพกพาสัญลักษณ์
ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นแนวร่วมอีกคนหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า การพกสัญลักษณ์รูปธง BRN มั่นใจว่าเป็นการยืนยันชัดว่าเขาคือ BRN ไม่ใช่กองกำลังของพูโล เพราะทุกวันนี้พูโลพยายามสร้างมวลชน ดึงคนของ BRN ไปก็เยอะ
“ตอนนี้เหมือนเป็นช่วงแย่งชิงมวลชนกันอยู่ พูโลเขาต้องการมวลชนเพื่อต่อรองเข้าร่วมโต๊ะเจรจาที่จะเปิดขึ้นใหม่โดยรัฐบาลไทย ทำให้ BRN ต้องทำสัญลักษณ์เพื่อแยกฝ่ายให้ชัดเจน” ชาวบ้านรายนี้ ระบุ
@@ ปรับยุทธศาสตร์รับเจรจา?
แต่เรื่องนี้กำลังมีกระแสวิจารณ์ว่า กำลังเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เห็นหรือไม่ เพราะ
1.BRN เป็นกองกำลงหลักในการก่อเหตุรุนแรงก็จริง แต่ปกปิดตัวตนมา 21 ปี ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์
2.เคยมีการเปิดโต๊ะพูดคุยเจรจา ก็ส่งคนเข้าร่วมโต๊ะพูดคุย แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง
3.หลังเหตุการณ์สังหารครู ตชด.สองพ่อลูก เมื่อ 14 ม.ค.68 มีเพจ BRN มายอมรับว่าเป็นการกระทำของพวกตน เพราะครูกลุ่มนี้ถือเป็น “พลรบของสยาม”
การออกมาแสดงท่าทีแบบนี้ เกิดขึ้นในข่วงที่การพูดคุยสันติสุขกำลังหยุดชะงัก ถือเป็นครั้งแรกที่ออกมายอมรับว่าตนเองเป็นผู้กระทำ
4.หลังจากนั้นไม่นานก็พบสัญลักษณ์บอกฝ่ายในตัวของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ถูกวิสามัญฯ
คำถามคือ นี่คือการปรับยุทธศาสตร์อะไรหรือไม่ เนื่องจากการเปิดโต๊ะพูดคุยรอบใหม่ เชื่อว่าน่าจะมีความคืบหน้าในเร็ววันนี้ และอาจนำไปสู่ข้อตกลงบางอย่าง เพราะทางการมาเลเซียแสดงท่าทีสนับสนุน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลไทย ก็สังรื้อยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ใหม่ทั้งหมด โดยมี “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” มีบทบาทนำทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้า
@@ เพิ่มน้ำหนักก่อนเข้าสู่โต๊ะพูดคุย?
เป็นไปได้หรือไม่ที่ BRN ปรับยุทธศาสตร์ เพื่อยกสถานะมาเทียบเท่ากับรัฐบาลไทย โดยสร้างภาพให้กลุ่มของตนมีองค์ประกอบใกล้เคียง “ความเป็นรัฐ”
เพราะองค์ประกอบของรัฐ มี 4 อย่าง คือ
1.ดินแดน – BRN อ้างดินแดนปัตตานี หรือ ปาตานี ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาท (อ้างฝ่ายเดียว)
2.ประชาชน – BRN อ้างมวลชนปาตานี
3.กองกำลัง – วันนี้เปิดตัวแล้ว มีอาร์มบอกฝ่าย
4.อำนาจอธิปไตย – กำลังเรียกร้อง
@@ นักวิชาการปลอบยังไม่ขนาดนั้น แต่อย่าพลาด
เราสอบถามไปยังผู้รู้ อย่าง อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อดัง ได้รับคำตอบว่า “ยังไม่ถึงจุดที่น่ากังวลขนาดนั้น แต่ฝ่ายความมั่นคงไทยต้องไม่เหยียบเปลือกกล้วยล้มเอง”
อาจารย์สุรชาติ บอกว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามสร้างภาพว่าตัวเองเป็นกลุ่มหลัก เพราะได้ประโยชน์ตอบแทนจากการเจรจาด้วย เช่น สมช. หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ ต้องจัดงบเจรจาอุดหนุน และกลุ่มที่ร่วมโต๊ะเจรจาก็มีผลประโยชน์ในเรื่องงบประมาณ
@@ ต้องจับตา อย่ามองข้าม
ด้านแหล่งข่าวซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงสุดของหน่วยงานความมั่นคงหน่วยหนึ่ง บอกว่า อาร์มที่พบ เป็นทั้งสัญลักษณ์แสดงตัวตน และสัญลักษณ์บอกฝ่าย เป็นส่วนสำคัญของเครื่องแบบในการทำสงครามกองโจร เรื่องนี้จึงต้องจับตา มองข้ามไม่ได้
ส่วนข้ออ้างเรื่องกลัวพูโลแย่งผลงาน เห็นว่าเป็นเหตุผลที่อ่อนมาก เพราะช่วงหลังพูโลก็เคลื่อนไหวน้อย เชื่อว่า BRN ต้องการเปิดตัวให้คนในพื้นที่รู้ว่ามีการจัดตั้งกองกำลังจริงจัง เพื่อเพิ่มความน่าหวาดกลัว และหวังผลเรื่องการเจรจา
@@ “กัสตูรี่” โต้ข่าวแอบอ้าง BRN ลั่นพร้อมเจรจา
สอดคล้องกับ นายกัสตูรี มาห์โกตา ประธานขบวนการพูโล ที่ให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศมาว่า ความจริงพูโลไม่เคยเเอบอ้างอะไร หรือว่า BRN ปัจจุบันนี้มีความคิดที่เหนือกว่าสมัยก่อน จึงสำคัญตัวเองอย่างที่เป็นข่าว
“พูโลไม่เคยพยายาม หรือขอเจรจากับรัฐไทย แต่พูโลมีความพร้อมที่จะเจรจากับรัฐไทย เรายอมรับความจริงในพื้นที่มีการสู้รบ ทุกๆ องค์กรมีความพร้อมในแต่ละองค์กรของตัวเอง”
@@ ปล่อยภาพดราม่า – ไอโอหนักชายแดนใต้
ดราม่าหลังเหตุวิสามัญฯยังไม่จบ ยังคงมีการทำสงครามไอโอกันทั้งสองฝ่าย ด้วยการปล่อยภาพที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ พร้อมปั่นกระแสวิจารณ์
ภาพแรก ภาพผู้ต้องหาคดีความมั่นคงเสียชีวิตหลังจากถูกวิสามัญฯ นอนตายอยู่ข้างๆ กัน
ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป และมีการสร้างกระแสว่า เป็นการใช้ AI ตัดต่อ เพื่อปลุกใจว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น จับมือกันต่อสู้จนตัวตาย เพื่อปลุกแนวร่วมให้ฮึกเหิม
แต่ก็มีการชี้แจงจากบางฝ่ายว่า ภาพนี้เป็นภาพที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปล่อยออกมาเองหลังเกิดเหตุวิสามัญฯได้ไม่นาน น่าจะเป็นภาพจริง ไม่ใช่ภาพแต่งโดย AI
ภาพที่ 2 เป็นภาพของฝ่ายเจ้าหน้าที่ และการโพสต์ภาพบางภาพของฝ่ายเจ้าหน้าที่เองที่แสดงให้เห็นว่า กำลังเจ้าหน้าที่มีเยอะมาก และเข้าไปปิดล้อม เหมือนจงใจไปวิสามัญฯ ไม่ได้ไปล้อมจับแล้วเกิดการปะทะโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนั้นยังมีการอ้างโพสต์ข้อความในลักษณะเย้ยหยัน สะใจที่มีความสูญเสีย เพียงแต่ไม่ได้เขียนสื่อตรงๆ และไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือไม่
เช่น โพสต์ประกอบภาพการเข้าที่เกิดเหตุหลังวิสามัญฯ “4 กระสอบ คาต้น ดินดี อากาศดี ลูกดกแน่นอนผลงานชาวสวนทีมยะลา และทีมปลูกทุเรียน Zulu, Paru, แดน” ซึ่งหลายคนในพื้นที่มีการแปลความหมายว่า คำว่า 4 กระสอบอาจจะหมายถึง 4 คนที่เสียชีวิตจากการปิดล้อม
อีกภาพหนึ่งที่โพสต์แชร์กันมาก เป็นภาพการ์ตูน สกรีนอยู่บนเสื้อยืดของกำลังพล เป็นภาพโครงกระดูกนั่งอยู่ ข้างๆ มีเป้และรอยเลือด ภายในเป้ มีศีรษะคนสวมหมวกกะปิเยาะห์
ภาพนี้ถูกนำไปสร้างกระแส เพราะคนสวมหมวกกะปิเยาะห์ หมายถึงคนมุสลิม และจากภาพการ์ตูน คือคนมุสลิมต้องเสียชีวิต มีภาพคนที่ใส่เสื้อยืดสกรีนภาพนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร
@@ “อังคณา” เตือน แรงมาแรงกลับ ขัดแย้งไม่จบ
อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ตอนนี้เป็นลักษณะของการตอบโต้กันด้วยความรุนแรง ทั้งทีรัฐเองควรที่จะมีมาตรการควบคุมไม่ให้สถานการณ์บานปลาย
“ถ้าหากแรงมาก็แรงกลับแบบนี้มันอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่าเดิม อาจจะมีการตอบโต้กลับมาอีก มันก็จะไม่สิ้นสุด อยากให้รัฐบาลดูจากอดีตว่านโยบายที่แรงมาแล้วแรงกลับ มันไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาเลย แต่มันจะทำให้เกิดการใช้ความรุนแรงมากขึ้น”
“ที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้มีการด้อยค่าผู้สูญเสีย การทำไอโอก็ต้องพิสูจน์ว่าเป็นไอโอของรัฐหรือเปล่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือเปล่า คือเข้าใจว่าอาจจะมีความรู้สึกโกรธแค้น ความไม่พอใจที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่การไปโพสต์ในโซเซียลฯในลักษณะที่ใช้คำพูดที่ยั่วยุ ตรงนี้อาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำทั้งสองฝ่าย แต่ควรหันหน้าเข้าพูดคุยหาทางออกร่วมกันจะดีกว่า”
————————————————————————————————————————
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา / วันที่เผยแพร่ 31 ม.ค. 68
Link : https://www.isranews.org/article/south-news/scoop/135269-iobrn-2.html