องค์กรต้องหมั่นช่วยคนรุ่นใหม่ของตนในการบริหารคน เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจขาดผู้นำในอนาคตที่ Rapid, Unpredictable, Paradoxical, and Tangled (RUPT)
Mark Pena เขียนคอลัมน์ในนิตยสาร Forbes หัวข้อว่า Why Climbing The Corporate Ladder Isn’t Attractive To Younger Workers เหตุใดคนรุ่นใหม่จึงไม่อยากเติบโตในองค์กร
ใจความหลักคือ Generation Z ไม่สนใจที่จะรับบทบาทผู้นำในที่ทำงานอีกต่อไป ซึ่งนั่นอาจทำให้เราไม่มีผู้นำเพียงพอในอนาคต
อะไรทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากเลื่อนตำแหน่ง? “เหตุผลหลักคือการเป็นผู้นำองค์กรในยุคนี้เป็นงานที่ยากสาหัส” สเตฟานี นีล ผู้อำนวยการศูนย์การวิเคราะห์และการวิจัยพฤติกรรมของ DDI (CABER) กล่าว “ผู้นำต้องเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มขึ้น การนำทางเศรษฐกิจอันไม่แน่นอน การแบ่งขั้วทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น การจัดการทีมแบบไฮบริดและระยะไกล และการทำงานมากขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง แถมยังมักขาดการสนับสนุนจากเบื้องบน”
ประกอบกับมุมมองของพวกเขาว่าชีวิตส่วนตัวและงานอดิเรกของตนมีความหมายมากกว่าชีวิตการทำงาน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่การรับบทบาทผู้นำจะฟังดูไม่น่าสนใจ “หลายคนโตมากับความเชื่อว่างานบริหารเป็นเส้นทางอาชีพที่เครียดและขาดจุดมุ่งหมาย ซึ่งไม่คุ้มค่ากับความรับผิดชอบหรือการขึ้นเงินเดือนแค่ไม่กี่ขั้น ดังนั้นแทนการเลือกบทบาทผู้นำองค์กร พวกเขาจึงมุ่งเน้นไปที่งานของพวกเขาแทนที่จะหาเรื่องคนอื่นมาใส่ตัว” ในหัวของ Gen Z ROI ของการเป็นผู้นำนั้นไม่คุ้มค่า Being a leader just isn’t worth it
แล้วจะแก้ปัญหานี้อย่างไร? เรามาดูเหตุผลสักสองสามข้อว่าทำไม Gen Z ถึงรู้สึกอย่างนี้
1. Stress ความเครียดที่มากับการเป็นผู้บริหาร การหมดไฟเกิดขึ้นสูงมากในหมู่ผู้นำที่อายุน้อย ผู้นำมากกว่า 70% ซึ่งอายุต่ำกว่า 35 ปีรายงานอาการของการหมดไฟ (Burnout) หนุ่มสาวในยุคนี้ต้องเผชิญกับระดับความวิตกกังวลและความท้าทายด้านสุขภาพจิตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้ว ทั้งโลกร้อน ทั้งฝุ่น ทั้งเงินเฟ้อ แล้วทำไมพวกเขาจึงจะอยากเพิ่มความเครียดของตัวเองเข้าไปอีก?
2. The increased workload งานที่ตามมานั้นมากเกินไป Gen Z ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานมากกว่าค่าตอบแทนที่สูงขึ้นเป็นแรงจูงใจ “คนGen Z คาดหวังว่าองค์กรจะเคารพขอบเขตของพวกเขาเมื่อปฏิบัติตามภาระงานที่จัดการได้ ไม่ต้องเข้าประชุมที่ไม่จำเป็น และพวกเขาไม่ชอบการสื่อสารนอกเวลางาน” นีลกล่าว หากพวกเขาไม่เห็นมาตรการปกป้องผู้จัดการจากองค์กร หลายๆ คนเลือกจะปฏิเสธบทบาทผู้นำเพื่อให้มีเวลามากขึ้นสำหรับชีวิตส่วนตัวของพวกเขา
3. Lack of people skills การขาดทักษะด้านการจัดการคน เหตุผลนี้ไม่เกี่ยวกับพรสวรรค์หรือความสามารถ ข้อเท็จจริงก็คือ Gen Z มีโอกาสและประสบการณ์น้อยกว่าในการฝึกฝนทักษะเหล่านี้ พวกเขายังไม่ค่อยได้ประสบความท้าทายในการบริหารด้านต่างๆ เช่น การจัดการความขัดแย้ง ซึ่งมีเพียง 12% ของผู้จัดการรุ่นใหม่ที่ได้รับการประเมินว่ามีความสามารถด้านนี้สูง คนรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำจึงมักเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการเปลี่ยนบทบาทการทำงานเชิงเดี่ยวไปสู่ผู้นำทีม และยิ่งยากขึ้นไปอีกหากพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำที่ถูกต้อง
ทางออกของสมการนี้คือ Technology องค์กรที่จะดูแลจุดเหล่านี้ได้ต้องลงทุนและมีความกล้าในการเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเป็นตัวช่วยของผู้นำ (Augmented Leadership) เครื่องมือเหล่านี้สามารถทำให้ผู้นำทีมสามารถสอดส่องดูแลความเครียด (Wellbeing) ทั้งของตัวเองและลูกทีมได้ดีขึ้น โฟกัสเฉพาะจุด 20% ที่ส่งผลต่อการทำงานของทีม 80% และ AI จะช่วยให้คำแนะนำเสมือนมี Mentor ส่วนตัวในการรับมือกับสถานการณ์ด้านคนต่างๆ
องค์กรของคุณพร้อมรับมือกับโจทย์ Gen Z Leadership หรือยังครับ?
————————————————————————————————————————-
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 28 ม.ค. 68
Link : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1163858