- อีลอน มัสก์ เผย รัฐบาลทรัมป์กำลังดำเนินการเพื่อปิด USAID หน่วยงานอิสระของรัฐบาลที่คอยให้เงินช่วยเหลือประเทศต่างๆ ทั่วโลก
- องค์กรนี้ถูกโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจมตีมานานแล้วว่าใช้งบประมาณสิ้นเปลือง และบริหารโดยพวกบ้าฝ่ายซ้ายจัด
- แต่การปิด USAID ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำผ่านสภาคองเกรสและอาจต้องต่อสู้ในชั้นศาล รัฐบาลทรัมป์จึงผุดไอเดีย รวม USAID เข้ากับกระทรวงต่างประเทศ เพื่อให้มันอยู่ในการควบคุม
หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ หรือ ยูเอสเอด (USAID) กำลังตกเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในสหรัฐฯ หลังจากรัฐบาลทรัมป์แสดงเจตนาว่าพวกเขาจะปิดองค์กรนี้ในฐานะองค์กรอิสระ แล้วเปลี่ยนให้อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงต่างประเทศแทน ตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์
ยูเอสเอด เป็นองค์กรที่กระจายความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ไปทั่วโลก และใช้เงินเพียงส่วนเล็กๆ ของงบประมาณโดยรวมของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่โดนัลด์ ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานนี้อย่างหนักว่าบริหารโดย “พวกบ้าฝ่ายซ้ายสุดโต่ง” ขณะที่อีลอน มัสก์ ซึ่งคุมกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) เรียก USAID ว่า องค์กรอาชญากรรม
เมื่อวันจันทร์ (3 ก.พ. 2568) นายมัสก์ประกาศว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการเพื่อปิด USAID เพียงสัปดาห์เดียวหลังพนักงานสัญญาจ้างขององค์กรนี้ถูกพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่บางคนถึงขั้นถูกเลิกจ้าง ตามหลังการประกาศระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศที่โดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้
สำนักงานของ USAID ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถูกปิดในวันจันทร์ จนพนักงานไม่สามารถเข้าไปได้ และต้องทำงานทางไกลแทน ท่ามกลางรายงานข่าวว่า ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยกับรองของเขาใน USAID ถูกพักงานไม่มีกำหนด หลังปฏิเสธคำขอของนายมัสก์ ไม่ให้ทีมงานของ DOGE เข้าถึงระบบป้องกันของ USAID เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
USAID ทำอะไร ทำไมโดนัลด์ ทรัมป์ กับอีลอน มัสก์ ถึงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและอยากปิดองค์กรนี้
อีลอน มัสก์
USAID คืออะไร?
USAID คือหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดูแลด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการพัฒนาแก่ต่างประเทศ คอยให้ความช่วยเหลือประเทศที่กำลังตกอยู่ในความขัดแย้ง และช่วยประเทศที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อื่นๆ ด้วยการบรรเทาความยากจน, การระบาดของโรค และวิกฤติอื่น
หน่วยงานนี้ก่อตั้งขึ้นโดยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ในปี 2504 ในฐานะองค์กรอิสระโดยมีเป้าหมาย 2 อย่างคือ ตอบโต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น และดำเนินโครงการช่วยเหลือต่างชาติที่หลากหลาย บนพื้นฐานความคิดที่ว่า ความมั่นคงของอเมริกันเกี่ยวพันกับเสถียรภาพและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ
ตอนนี้ USAID มีพนักงานมากกว่า 10,000 คน โดยกว่า 2 ใน 3 ส่วนทำงานในต่างประเทศ และมีสำนักงานอยู่ในมากกว่า 60 ประเทศ
งบประมาณส่วนใหญ่ของ USAID ใช้ไปกับโครงการด้านสุขภาพ เช่นการจัดหาวัคซีนโปลิโอแก่ประเทศที่โรคยังหมุนเวียนอยู่ และช่วยหยุดการระบาดของไวรัสต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การระบาดทั่วโลก นอกจากนั้น USAID ยังดูแลระบบตรวจจับความอดอยาก ซึ่งใช้การวิเคราะห์ข้อมูลมากมายเพื่อทำนายว่า จะเกิดการขาดแคลนอาหารขึ้นที่ใดในโลกด้วย
นายเจเรมี คอนนินดิก อดีตเจ้าหน้าที่ของ USAID ในยุครัฐบาลโอบามาและไบเดน ระบุว่า งานขององค์กรนี้เป็นงานเร่งด่วน และการตัดมันออกไปจะเป็นการขัดขวางโครงการริเริ่มด้านสาธารณสุขสำคัญในโรงพยาบาลที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในประเทศอื่นๆ ซึ่งกำลังช่วยเหลือคนมากกว่า 20 ล้านคน
USAID ได้งบประมาณมากแค่ไหน?
ตามข้อมูลจากวอชิงตัน โพสต์ ในปีงบประมาณ 2566 USAID บริหารจัดการงบประมาณรวมมากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่ถึง 1% จากงบประมาณประจำปีของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ โดยพวกเขากระจายเงินดังกล่าวไปให้มากกว่า 130 ประเทศ โดย 10 ประเทศที่ได้รับเงินช่วยเหลือมากที่สุดในปี 2566 คือ
ยูเครน, เอธิโอเปีย, จอร์แดน, คองโก, โซมาเลีย, เยเมน, อัฟกานิสถาน, ซูดานใต้ และซีเรีย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา USAID ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม, การพัฒนา และเศรษฐกิจแก่ยูเครนและประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครนเป็นจำนวนมาก รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาด้วย
โดนัลด์ ทรัมป์
USAID โดนกล่าวหาเรื่องอะไร?
ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงในวันจันทร์ อีลอน มัสก์ รัวข้อความผ่าน X กล่าวหา USAID เรื่องการคอร์รัปชัน
“รู้หรือไม่ว่า USAID กำลังใช้เงินภาษีของคุณ เป็นทุนให้กับการวิจัยอาวุธชีวภาพ รวมทั้งโควิด-19 ซึ่งสังหารคนหลายล้าน?” หนึ่งในโพสต์ของนายมัสก์ระบุ อ้างข้อมูลจากบทความของ นิวยอร์กโพสต์ ในปี 2566 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับต้นกำเนิดการระบาดของโควิด-19
นายมัสก์กล่าวหาต่อโดยไม่แนบหลักฐานใดๆ ว่า USAID เป็นปฏิบัติการจิตวิทยาของกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายสุดโต่ง เป็นองค์กรที่สิ้นเปลืองงบประมาณอย่างบ้าคลั่ง และอ้างว่า USAID จ่ายเงินจ้างองค์กรสื่อต่างๆ ให้เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของตัวเอง
ในการประชุมผ่าน X ครั้งแรกของ DOGE เมื่อช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา นายมัสก์ระบุว่าเขาได้หารือเรื่อง USAID กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หลายครั้ง และนายทรัมป์ก็เห็นด้วยว่าเราควรปิดองค์กรนี้ ขณะที่นายทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า USAID บริหารจัดการโดยพวกบ้าฝ่ายซ้ายสุดโต่ง และเราจะไล่พวกเขาออกไป
ด้านคอนนินดิกเรียกการแสดงความเห็นของนายทรัมป์กับนายมัสก์ว่า เป็นแคมเปญกระจายข้อมูลเท็จอย่างอุกอาจ และว่า USAID ทำงานร่วมกับองค์กรเอ็นจีโอกับหุ้นส่วนเอกชนมากมาย เพื่อแก้ปัญหาด้านสุขภาพที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
โดนัลด์ ทรัมป์ ปิด USAID ได้หรือไม่?
การปิด USAID น่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างมาก เนื่องจากโพลสำรวจความคิดเห็นบอกมานานแล้วว่า ชาวอเมริกันต้องการลดการให้เงินช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ
แต่การจะปิดองค์กรนี้ไม่สามารถทำได้ด้วยการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เนื่องจากในปี 2541 สภาคองเกรสผ่านกฎหมายยืนยันสถานะของ USAID ในฐานะหน่วยงานบริหารที่มีสิทธิ์ในตัวเองแล้ว ความพยายามใดๆ ในการปิดองค์กรนี้จะต้องทำผ่านสภาคองเกรส และอาจต้องเผชิญการต่อสู้ในชั้นศาลด้วย
ด้วยเหตุนี้ หนึ่งในตัวเลือกที่รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาคือ การทำให้ USAID กลายเป็นสาขาของกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้องค์กรนี้ไม่ใช่หน่วยงานรัฐที่มีสิทธิ์ในตัวเองอีกต่อไป ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงการทำงานของ USAID โดยที่ผ่านมา พวกเขาสามารถให้ความช่วยเหลือประเทศที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ ได้ แต่หากไปรวมกับกระทรวงต่างประเทศ พวกเขาจะทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว
นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ว่า เขาเป็นรักษาการผู้อำนวยการของ USAID แล้ว และยืนยันว่ารัฐบาลทรัมป์ไม่ได้มีแผนจะยุติโครงการทั้งหมดที่ USAID ทำ
“มีหลายสิ่งที่พวกเขาทำดี และมีหลายอย่างที่พวกเขาทำแล้วเราตั้งคำถามอย่างรุนแรง มันเป็นเรื่องของวิธีการที่พวกเขาบริหารในฐานะองค์กร และพวกเขาควรรับคำสั่งจากกระทรวงต่างประเทศ ให้เป็นไปตามนโยบาย ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
นายรูบิโอบอกด้วยว่า “ทัศนคติของพวกเขา (USAID) คือ ‘เราไม่ต้องตอบคำถามพวกคุณเพราะเราเป็นหน่วยงานอิสระ เราไม่ต้องตอบคำถามใคร’ นั่นไม่เป็นความจริง และจะไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป”
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : thairath / วันที่เผยแพร่ 4 กุมภาพันธ์ 2568
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2839847?gallery_id=1