เมืองเล็กๆ แหล่งหนึ่งในเดนมาร์ก กำลังได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองแห่งหุ่นยนต์ที่สำคัญของโลก โอเดนเซ (Odense) เป็นเมืองที่มีขนาดเล็ก โดยเล็กกว่ากรุงเทพฯ ประมาณ 5 เท่า มีประชากรเพียง 2 แสนกว่าคน แต่กลับมีบริษัทด้านหุ่นยนต์กว่า 300 แห่ง
โอเดนเซเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของเดนมาร์ก มีความสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์และเศรษฐกิจของประเทศ
ไม่เพียงแต่เป็นบ้านเกิดของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน นักเขียนนิทานชื่อดังระดับโลกที่เขียนนิทานอย่างลูกเป็ดขี้เหร่ เงือกน้อย ชุดใหม่ของพระราชาและเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ ที่ประทับใจเด็กทั่วโลก แต่ในปัจจุบันโอเดนเซยังกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่มีชื่อเสียงระดับโลก
การเปลี่ยนแปลงของเมืองนี้จากศูนย์กลางอุตสาหกรรมต่อเรือสู่เมืองแห่งหุ่นยนต์ ถือเป็นตัวอย่างของการพัฒนาเศรษฐกิจที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประชากรและธุรกิจในพื้นที่
ก่อนที่โอเดนเซจะกลายเป็นเมืองแห่งหุ่นยนต์ เมืองนี้เคยมีอู่ต่อเรือ Lindø Shipyard ซึ่งก่อตั้งโดย Mærsk Group บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ของเดนมาร์ก
อู่ต่อเรือแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของเมืองและเป็นแหล่งจ้างงานหลักของประชากรในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษ 1980 อุตสาหกรรมต่อเรือของยุโรปต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากเอเชีย ทำให้อู่ต่อเรือเริ่มมองหาวิธีการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ
นั่นทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างอู่ต่อเรือและมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเดนมาร์ก (University of Southern Denmark หรือ SDU) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับงานอุตสาหกรรม
คลัสเตอร์หุ่นยนต์แห่งโอเดนเซเกิดขึ้นจากการร่วมมือระหว่าง SDU และบริษัทอู่ต่อเรือ Lindø Shipyard นำไปสู่การก่อตั้ง Mærsk McKinney Møller Institute (MMMI) ศูนย์วิจัยที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
โดยนักศึกษาของสถาบันแห่งนี้ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมจริง และบางคนได้นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาเป็นธุรกิจสตาร์ตอัปที่ประสบความสำเร็จ
หนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโอเดนเซคือ Universal Robots ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยทีมนักวิจัยจาก MMMI พวกเขาได้พัฒนา หุ่นยนต์ร่วมงาน (Collaborative Robots หรือ Cobots) ที่มีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่น และใช้งานง่าย แตกต่างจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในตลาด
ในปี 2558 Universal Robots ถูกซื้อกิจการโดยบริษัท Teradyne จากสหรัฐฯ ด้วยมูลค่ากว่า 285 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้โอเดนเซกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ระดับโลก
ปัจจุบัน โอเดนเซกลายเป็น เมืองแห่งหุ่นยนต์ระดับโลกมีคลัสเตอร์อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โดยมีบริษัทด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติกว่า 300 บริษัท ภายใต้เครือข่าย Odense Robotics บริษัทที่โดดเด่น ได้แก่ Universal Robots ผู้นำในตลาดหุ่นยนต์ร่วมงาน Mobile Industrial Robots (MiR) บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์ขนส่งอัตโนมัติ Blue Ocean Robotics ผู้พัฒนาโซลูชันหุ่นยนต์สำหรับการดูแลสุขภาพและภาคอุตสาหกรรม และ Capra Robotics บริษัทที่มุ่งเน้นพัฒนาหุ่นยนต์เคลื่อนที่กลางแจ้ง
นอกจากนี้ มีการลงทุนมากกว่า 1 พันล้านยูโร ในบริษัทหุ่นยนต์ในโอเดนเซ ซึ่งอุตสาหกรรมนี้สามารถสร้างรายได้มากกว่า 4 พันล้านยูโรต่อปี และยังส่งออกเทคโนโลยีไปทั่วโลก
ปัจจัยที่ทำให้โอเดนเซประสบความสำเร็จที่น่าเรียนรู้ได้แก่
1.การสนับสนุนจากรัฐบาลและภาคเอกชน เมืองโอเดนเซได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นและองค์กรต่างๆ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ เช่น ศูนย์ทดสอบโดรนที่สนามบิน Hans Christian Andersen
2.ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย SDU มีหลักสูตรด้านหุ่นยนต์ที่แข็งแกร่ง และมีความร่วมมือกับบริษัทเอกชนเพื่อผลิตบัณฑิตที่มีทักษะตรงกับความต้องการของตลาด
3.สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ตอัป มีการพัฒนาระบบนิเวศของโอเดนเซที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้นระหว่างบริษัทใหญ่ สตาร์ตอัป และศูนย์วิจัย ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือที่ช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรม
4. มีแรงงานที่มีคุณภาพและระบบการศึกษาที่ดี เมืองนี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคน โดยมีโครงการสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนสนใจ STEM และหุ่นยนต์ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
โอเดนเซได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจากเมืองเล็กๆ ที่โดดเด่นจากอุตสาหกรรมต่อเรือไปสู่เมืองที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ระดับโลกได้ เป็นตัวอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับเมืองต่างๆ ที่กำลังมุ่งหน้าสู่การปรับโครงสร้างสู่เศรษฐกิจอนาคต
เราสามารถนำบทเรียนจากโอเดนเซมาปรับใช้ได้ ทั้งการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์อนาคต การสนับสนุนการลงทุนด้านเทคโนโลยี และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน
เราสามารถนำบทเรียนจากโอเดนเซมาปรับใช้ได้ ทั้งการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์อนาคต การสนับสนุนการลงทุนด้านเทคโนโลยี และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน
เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ ของไทยในอนาคต ก่อนที่ประเทศไทยจะถูกทิ้งไว้กับอดีต หากปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงที่เร่งตัวเร็วขึ้นทุกวัน
———————————————————————————————————————————————-
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 19 มีนาคม 2568
Link : https://www.bangkokbiznews.com/blogs/world/1171634