แม้ภายนอกอาจดูไม่มีค่า แต่ก้อนแร่ใต้ทะเลลึกเหล่านี้อุดมไปด้วยโลหะล้ำค่า
คริส บารานิอุค
ผู้สื่อข่าวเทคโนโลยี บีบีซีนิวส์
————————–
9 มีนาคม 2025
ในสภาพแวดล้อมขณะทำเหมืองแร่ใต้ท้องทะเลลึก มีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งกำลังค้นหาหิน ด้วยกรงเล็บสามง่ามยื่นลงและดึงหินก้อนหนึ่งออกจากก้นทะเล
ในขณะเดียวกัน กล้องบนหุ่นยนต์ก็สแกนหาสิ่งมีชีวิตที่อาจกำลังพักผ่อนอยู่บนหินเหล่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ออกจากแหล่งที่อยู่อาศัย
การทดสอบที่ดำเนินการในท่าเรือแห่งหนึ่งเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ได้สาธิตวิธีการขุดหาก้อนโพลีเมทัลลิก (polymetallic nodules) หรือก้อนสินแร่ขนาดเท่ามันฝรั่งที่มีโลหะกระจัดกระจายอยู่บนพื้นทะเลเป็นจำนวนมากในส่วนท้องทะเลลึกในมหาสมุทร
โลหะดังกล่าวเป็นที่ต้องการสำหรับการใช้ในอุปกรณ์พลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรี่ เป็นต้น แต่การทำเหมืองแร่ใต้ท้องทะเลลึกยังตกเป็นข้อถกเถียงกันในขณะนี้ เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ
“เราคิดว่ายานพาหนะที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอในการค้นหาสิ่งมีชีวิตและหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตนั้นอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ามาก” โอลิเวอร์ กุนาเซคารา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท Impossible Metals อธิบาย และว่า ระบบของบริษัทมีความแม่นยำถึง 95% ในการตรวจจับสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดตั้งแต่ 1 มม. ขึ้นไป
แขนของหุ่นยนต์ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับแขนกลที่ใช้หยิบและวางสิ่งของในคลังสินค้าอัตโนมัติ โดยได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ กรงเล็บแต่ละอันจะหยิบตะกอนที่ค่อนข้างเล็กขึ้นในขณะที่ดึงก้อนสินแร่เป้าหมายออกจากก้นทะเล
ทั้งนี้ บริษัท Impossible Metals หวังกระบวนการนี้จะสามารถลดการรบกวนต่อสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกลงได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่าวไม่สามารถโน้วน้าวทุกคนให้เชื่อได้ว่าการทำเหมืองใต้ทะลน้ำลึกเป็นแนวคิดที่ดี
“การทำเหมืองโดยธรรมชาติแล้วจะทำให้รากฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งในและบนพื้นทะเลลึกหายไป ไม่ว่าจะใช้เทคโนโลยีใดก็ตาม” เจสสิกา แบทเทิล หัวหน้าโครงการรณรงค์การยุติการทำเหมืองใต้น้ำลึกระดับโลกของ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก (World Wide Fund for Nature – WWF) กล่าว
การทำเหมืองใต้น้ำลึกยังเป็นหัวข้อถกเถียงกันอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะก้นทะเลลึกนั้นแทบไม่ถูกรบกวนมากนักและความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นทะเลลึกยังมีไม่มากนัก
“ถ้าคุณไม่แน่ใจว่ามีอะไรอยู่ใต้พื้นทะเลที่นั่น ก็อย่าไปยุ่งกับมัน” จอห์น ชิลด์ส แห่งมหาวิทยาลัยแลนคาสเตอร์กล่าวและว่า “นั่นคือจุดยืนโดยทั่วไปในวงการวิทยาศาสตร์ [จนถึงปัจจุบัน]”
รอยแผลที่เกิดจากการทดลองทำเหมืองในอดีตซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ก่อกวนอย่างมากนั้นมีความรุนแรงมาก
ในปี 1979 อุปกรณ์ทำเหมืองใต้ทะเลลึกได้ทิ้งรอยขนาดใหญ่ในส่วนหนึ่งของพื้นทะเลมหาสมุทรแปซิฟิก และรอยเหล่านี้ยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้ นักวิจัยกล่าว มีรายงานว่าสัตว์น้ำทะเลยังไม่กลับคืนสู่พื้นที่ดังกล่าวอย่างสมบูรณ์แม้จะผ่านมากว่า 40 ปีแล้ว
การต่อต้านการทำเหมืองใต้น้ำลึกนั้นรุนแรงมากถึงขนาดที่จะทำลายบริษัททั้งหมดได้เลยทีเดียว
บริษัทสำรวจและขุดในทะเลลึกของแคนาดา Nautilus Minerals พยายามจะเริ่มงานขุดใต้ทะเลลึกในช่วงปลายทศวรรษที่ 2010 หลังจากเผชิญกันการประท้วงและปัญหาทางการเงิน ต่อมาบริษัทเผชิญกับภาวะล้มละลายทางธุรกิจเมื่อปี 2019
แร่ธาตุที่พบในใต้ทะเลลึก เช่น แมงกานีส นิกเกิล โคบอลต์ ทองคำ และเงิน ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว
ปัจจุบัน โลหะดังกล่าวมาจากเหมืองบนบก ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ
เครื่องจักรจากบริษัท Impossible Metals สามารถดึงก้อนสินแร่จากก้นทะเลได้
ในปัจจุบัน ยังไม่มีการทำเหมืองแร่ใต้ท้องทะเลลึกในเชิงพาณิชย์ แต่มันอาจมีการเปลี่ยนแปลงในปีนี้ หากมีการประกาศระเบียบข้อบังคับระหว่างประเทศชุดแรกที่ควบคุมกิจกรรมการทำเหมืองใต้ทะเลลึก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ข้อบังคับดังกล่าวอาจถูกประกาศในเดือน ก.ค.
บริษัทของกุนาเซการา กำลังสร้างหุ่นยนต์รุ่นที่ใหญ่กว่าในตู้ขนส่งสินค้าขนาด 20 ฟุต ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะดำเนินการในระดับเชิงพาณิชย์ได้ โดยจะมีแขนกล 12 แขนพร้อมกรงเล็บสำหรับจับก้อนสินแร่
เขาเสริมว่า อาจจะต้องใช้หุ่นยนต์ดังกล่าว “หลายร้อยตัว” ในการเก็บเกี่ยวก้อนสินแร่ที่ก้นทะเลในแต่ละครั้ง และนำเศษก้อนสินแร่นั้นไปยังเรือที่อยู่ลอยคออยู่บนผิวน้ำ จากนั้นก้อนสินแร่ที่เก็บมาได้จะถูกขนส่งไปยังสถานที่แปรรูปบนบกต่อไป
กุนาเซการาอ้างว่า เรือของบริษัท Impossible Metals จะไม่ต้องจอดอยู่ในจุดที่แน่นอนเป็นเวลานาน ซึ่งหมายความว่าเครื่องยนต์ของเรือจะไม่สร้างเสียงดังมากนัก ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสัตว์ใต้ทะเล ซึ่งแตกต่างจากวิธีการอื่น ๆ ที่อุปกรณ์ใต้น้ำขนาดใหญ่ถูกผูกติดไว้กับเรือสนับสนุน
เขายังโต้แย้งว่า การทำเหมืองใต้ทะเลน้ำลึกจะลดความจำเป็นในการทำเหมืองบนบกด้วย
“ใครก็ตามที่ไม่ต้องการทำเหมืองใต้ทะเลน้ำลึกก็เท่ากับว่าเรากำลังบอกว่าจำเป็นต้องทำเหมืองบนบกมากขึ้น”
โจวานา โจวาโนวา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟต์ในเนเธอร์แลนด์กำลังศึกษาเกี่ยวกับระบบแขนหุ่นยนต์แบบใหม่ที่สามารถรวบรวมก้อนโลหะจากพื้นทะเลได้ เธอเน้นย้ำว่า ผู้ที่ทำงานในสาขานี้ควรพยายามพัฒนาเทคโนโลยีที่ “สอดประสาน” กับสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม ก้อนสินแร่ใต้ทะเลลึกบางชนิดอาจถูกนำออกมาด้วยวิธีที่เป็นการรุกรานมากขึ้น ด้านบริษัท Seabed Solutions ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาตินอร์เวย์กำลังพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้เลื่อยเพื่อสกัดเปลือกหรือชั้นที่มีแร่ธาตุ โดยบริษัทระบุว่า นี่เป็นความพยายามที่ต้องการลดปริมาณตะกอนที่ถูกรบกวนจากกระบวนการนี้
“คุณต้องปกป้องพื้นที่การตัดและคุณต้องแน่ใจว่าพื้นที่นั้นอยู่ภายใต้แรงกดดัน” บาร์ด เบรกเก้ จอร์เกนเซน กรรมการผู้จัดการกล่าว “คุณมีอินเทอร์เฟซที่มีลักษณะเป็นหัวดูด [บน] เครื่องมือที่ใช้ตัดของคุณด้วย”
แม้จะมีอุปสรรคต่างๆ แต่ เจอราร์ด บาร์รอน ยังคงมีมุมมองด้านดีเกี่ยวกับการทำเหมืองใต้น้ำทะเลลึก
บริษัท The Metals ซึ่งก่อตั้งโดย เจอราร์ด บาร์รอน อดีตนักลงทุนจากบริษัท Nautilus Minerals กำลังดำเนินการโดยใช้เทคนิคที่แตกต่างออกไป
บาร์รอน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร The Metals มีมุมมองเชิงบวกในแง่โอกาสทางธุรกิจของบริษัท แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการประท้วงและการต่อสู้ทางคดีต่อบริษัทของก็ตาม หนึ่งในนั้น คือ การดำเนินคดีแบบกลุ่มจากบรรดานักลงทุนเกี่ยวกับรายงานรายได้จากบริษัทที่ลงทุนร่วมกันในปี 2023 ทั้งนี้ บาร์รอนกล่าวว่า “ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด”
เขาระบุว่า ข้อเรียกร้องให้มีการระงับการทำเหมืองใต้น้ำลึกนั้น เป็น “ความพยายามที่แสดงให้เห็นว่า ตนเองเป็นคนดี” และกล่าวเสริมว่า รัฐบาลใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในสหรัฐฯ อาจช่วยบริษัทของเขาได้
“เรามีผู้ที่สนับสนุนที่ดีหลายคน ที่คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญมากในรัฐบาลชุดใหม่” บาร์รอนกล่าว
บริษัท The Metals ตั้งใจที่จะยื่นใบอนุญาตการเหมืองใต้ทะเลน้ำลึกในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกต่อ องค์กรพื้นดินท้องทะเลระหว่างประเทศ (International Seabed Authority-ISA) ในช่วงปลายปีนี้ โดย ISA ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะกำกับดูแลกิจกรรมดังกล่าวอย่างไร
Mining firms say they are mitigating damage to the seabed ecosystem บริษัทเหมืองแร่เผยว่าพวกเขากำลังบรรเทาความเสียหายต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล
บริษัท Allseas ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งกำลังทำงานร่วมกับบริษัทของ บาร์รอน ได้พัฒนาเครื่องจักรในการทำเหมืองแร่เพื่อตักก้อนโพลีเมทัลลิกหลายชนิดขึ้นมาจากก้นทะเลและส่งไปยังเรือสนับสนุนที่อยู่บนผิวน้ำ
การทดสอบของบริษัท The Metals เอง บ่งชี้ว่ากลุ่มตะกอนที่เกิดจากกระบวนการนี้จะกระจายตัวออกไปเป็นระยะทางหลายร้อยเมตรจากพื้นที่ทำเหมือง แทนที่จะเป็นหลายกิโลเมตร และตะกอนที่ทับถมกันนั้นจะค่อย ๆ สลายตัวไปตามเวลา
บาร์รอนกล่าวว่า การอ้างว่าตะกอนจะกระจายตัวออกไปเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรจากพื้นที่ทำเหมืองนั้นเป็นเรื่อง “ไร้สาระสิ้นดี”
เจอโรน ฮาเกลสไตน์ โฆษกของ Allseas กล่าวว่า บริษัทของเขาได้ปรับแรงของเจ็ทน้ำที่ใช้เพื่อขจัดก้อนแร่ออก เพื่อพยายามลดการรบกวนของตะกอนให้น้อยที่สุด
ตะกอนบางส่วนที่ลอยขึ้นมาบนพื้นผิวพร้อมกับก้อนแร่จะถูกทิ้งกลับลงไปในมหาสมุทร ฮาเกลสไตน์ กล่าวว่าเพื่อนร่วมงานของเขากำลังพิจารณาว่าจะนำตะกอนกลับคืนที่ความลึก 3 หรือ 4 กิโลเมตรแทนที่จะทิ้งลงบนพื้นบกหรือไม่ แม้ว่าเขาจะเสริมว่าการทำเช่นนี้อาจต้องใช้พลังงานมากเกินไปเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม
บาร์รอนยอมรับว่าเครื่องจักรของบริษัทของเขาอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนหรือรอบๆ ก้อนสินแร่ “หากคุณเป็นฟองน้ำที่ติดอยู่บนก้อนสินแร่ก้อนหนึ่ง และเรามาเก็บคุณไปด้วย นี่ก็คือกระทบที่เกิดขึ้น” เขากล่าว แต่เขาก็ชี้ให้เห็นว่าก้อนสินแร่จำนวนมากจะไม่ถูกเก็บขึ้นมาเช่นกัน
ก้อนสินแร่ใต้ท้องทะเลเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต อย่าง ปลิงทะเล
แอนน์ แวนรูเซล จากมหาวิทยาลัย เกนต์ ได้ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึก เธอบอกว่า ก้อนโพลีเมทัลลิกที่เป็นที่ต้องการนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์บางชนิด ดังนั้น แม้ว่าเครื่องจักรทำเหมืองจะไม่ก่อให้เกิดการรบกวนของตะกอน มลภาวะ และเสียงรบกวนเลยก็ตาม การนำก้อนสินแร่นั้นออกมาก็ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
ดร. ชิลด์ส ยังกล่าวถึงความสำคัญของทะเลน้ำลึกต่อวัฒนธรรมพื้นเมืองจำนวนมากอีกด้วย การทำเหมืองอาจกระทบกับเรื่องดังกล่าวได้
อีกประเด็นหนึ่งคือ ตลาดโลหะที่บริษัททำเหมืองในทะเลน้ำลึกต้องการนั้นขึ้นชื่อว่ามีความผันผวนสูง ซึ่งหมายความว่ากรณีทางธุรกิจสำหรับการทำเหมืองในทะเลน้ำลึกอาจไม่มั่นคงเท่าที่คาดหวัง เลอา ไรต์ไมเออร์ จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน กล่าว
“เมื่อคุณเจาะลึกลงไปอีก และคำนวณว่ามีแร่ธาตุใดบ้างที่ยังขาดแคลน ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่” เธอกล่าว
———————————————————————————————————————–
ที่มา : BBC / วันที่เผยแพร่ 9 มีนาคม 2568
Link : https://www.bbc.com/thai/articles/ckgzyk70x24o