ไกด์นำเที่ยวท้องถิ่นจะต้องพาทัวร์ตามตารางที่ขออนุมัติไว้ล่วงหน้าอย่างเคร่งครัด ซึ่งทัวร์นี้ได้พาไปเยี่ยมชมร้านขายยาที่สต็อกสินค้าไว้เต็มร้าน
จีน แมคเคนซี
ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงโซล เกาหลีใต้
———————————-
1 มีนาคม 2025
อย่าดูหมิ่นผู้นำ อย่าดูหมิ่นอุดมการณ์ และอย่าไปตัดสินใด ๆ
นี่คือกฎที่ไกด์ทัวร์อ่านให้นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกฟังขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัวขับรถข้ามพรมแดนเข้าไปยังประเทศเกาหลีเหนือ ดินแดนที่ลี้ลับและเผด็จการที่สุดในโลก
จากนั้นก็มีการแนะนำข้อมูลในทางปฏิบัติที่ต้องรู้ เช่น ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีตู้เอทีเอ็มกดเงิน
“ชาวเกาหลีเหนือไม่ใช่หุ่นยนต์ พวกเขามีความคิดเห็น มีเป้าหมาย และอารมณ์ขัน และในการบรรยายของเรา เราสนับสนุนให้ผู้คนฟังและเข้าใจพวกเขา” โรวัน เบียร์ด ผู้บริหารบริษัททัวร์ ยัง ไพโอเนียร์ ทัวร์ส (Young Pioneer Tours) หนึ่งในสองบริษัทตะวันตกที่กลับมาเปิดทัวร์ท่องเที่ยวไปยังเกาหลีเหนืออีกครั้งหลังจากที่หยุดไป 5 ปี กล่าว
โรวัน และมัคคุเทศก์นำเที่ยวคนอื่น ๆ ได้รับอนุญาตให้กลับมาจัดทัวร์ที่เกาหลีเหนืออีกครั้ง
เกาหลีเหนือปิดพรมแดนของตัวเองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการระบาดของโควิด โดยปิดกั้นนักการทูต คนทำงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และนักท่องเที่ยว และทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เกาหลีเหนือก็ยิ่งโดดเดี่ยวตัวเองจากโลกเกือบทั้งโลก และพึ่งพาการสนับสนุนจากรัสเซียและจีนเท่านั้น ทำให้หลายคนมองว่าชาวตะวันตกอาจไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าไปเยือนอีกเลย
แต่หลังจากพยายามโน้มน้าวและเริ่มต้นการพูดคุยที่ล้มเหลวหลายครั้ง โรวันและมัคคุเทศก์คนอื่น ๆ ก็ได้รับอนุญาตให้เริ่มทำทัวร์ในเกาหลีเหนืออีกครั้ง เขารวบรวมกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อยากมาเกาหลีเหนือในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง เพราะไม่อยากพลาดโอกาสนี้ ส่วนใหญ่เป็นบล็อกเกอร์และผู้ที่เสพติดการเดินทาง บางคนต้องการไปเยือนเกาหลีเหนือเป็นประเทศสุดท้ายในรายการของพวกเขา และยังมีคนที่ติดตามเกาหลีเหนือตัวยงบางคนที่ร่วมเดินทางด้วย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว นักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และออสเตรเลีย ขับรถข้ามพรมแดนจากประเทศจีนไปยังพื้นที่ห่างไกลของเมืองราซอนเพื่อท่องเที่ยวเป็นเวลา 4 คืน
นักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และออสเตรเลีย ขับรถข้ามพรมแดนเข้าเกาหลีเหนือเพื่อท่องเที่ยวเป็นเวลา 4 คืน
ไมค์ โอ’เคนเนดี ยูทูบเบอร์ชาวอังกฤษวัย 28 ปี เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวในกลุ่มนี้
แม้จะได้ยินชื่อเสียงของประเทศเกาหลีเหนือมาบ้าง แต่เขาก็ยังตกใจในระดับการควบคุมที่เข้มงวด เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวทุกครั้งในเกาหลีเหนือ นักท่องเที่ยวจะมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นติดตามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งพวกเขาจะปฏิบัติตามตารางการท่องเที่ยวที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าอย่างเคร่งครัด การเดินทางท่องเที่ยวในทัวร์จะรวมถึงการเยี่ยมชมโรงงานเบียร์ โรงเรียน และร้านขายยาที่เพิ่งเปิดใหม่และมีสินค้าคลังเพียบพร้อม
เบน เวสตัน หนึ่งในไกด์ทัวร์จากซัฟฟอล์ก เปรียบเทียบการเยือนเกาหลีเหนือกับการไป “ทัศนศึกษา” เขากล่าวว่า “คุณไม่สามารถออกจากโรงแรมได้โดยไม่มีมัคคุเทศก์”
“บางครั้งผมยังต้องแจ้งให้พวกเขารู้เมื่ออยากไปห้องน้ำ” ไมค์กล่าว “ผมไม่เคยต้องทำแบบนี้ที่ไหนในโลก”
แม้จะมีการควบคุมการเดินทาง แต่ไมค์ก็ยังสามารถเห็นภาพชีวิตจริงบางส่วนได้ “ทุกคนกำลังทำงาน ไม่มีใครดูเหมือนจะแค่ใช้เวลาไปวัน ๆ นั่นค่อนข้างทำให้รู้สึกเศร้าเมื่อเห็นแบบนั้น”
ในการเยี่ยมชมโรงเรียน เด็ก ๆ อายุ 8 ปีกลุ่มหนึ่งได้แสดงการเต้นประกอบภาพเคลื่อนไหวของขีปนาวุธนำวิถีที่โจมตีเป้าหมาย วิดีโอของการแสดงนี้ เผยให้เห็นเด็กชายและเด็กหญิงที่ผูกเนกไทสีแดงกำลังร้องเพลง พร้อมกับมีภาพระเบิดที่ปรากฏบนจอด้านหลังพวกเขา
ไมค์ชมการแสดงเต้นของเด็ก ๆ วัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นการเต้นประกอบภาพเคลื่อนไหวการยิงขีปนาวุธนำวิถี
ณ ตอนนี้นักท่องเที่ยวถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่ห่างจากเมืองหลวงกรุงเปียงยาง เกร็ก แวคซี จากคอร์โยทัวร์ส บริษัททัวร์อีกรายได้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเกาหลีเหนือ กล่าวยอมรับว่าแผนเส้นทางการท่องเที่ยวตอนนี้ขาด “อนุสาวรีย์แห่งสำคัญ” ของเปียงยาง เขามองว่าทางการเกาหลีเหนืออาจเลือกเมืองราซอนเป็นพื้นที่นำร่อง เพราะพื้นที่แถบนี้ค่อนข้างเป็นพื้นที่ปิดและง่ายต่อการควบคุม
เมืองราซอน ถูกจัดตั้งให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อทดลองแนวโนบายทางการเงินแบบใหม่ของเกาหลีเหนือ เมืองแห่งนี้คืออาณาจักรทุนนิยมขนาดเล็กที่อยู่ในรัฐที่เป็นสังคมนิยมของเกาหลีเหนือ โดยมีนักธุรกิจจีนเข้ามาดำเนินการร่วมกับชาวเกาเหลีเหนือในรูปแบบกิจการร่วมค้าและสามารถเดินทางเข้าออกได้ค่อนข้างเสรี
โจ สมิธ นักท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์ในการท่องเที่ยวเกาหลีเหนือและอดีตนักเขียนของแพลตฟอร์มเกาหลีที่ชื่อว่า เอ็นเคนิวส์ มาเยือนเกาหลีเหนือในทัวร์ครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นครั้งที่สามที่เขามาเยือนประเทศนี้ เขาบอกว่า “ผมรู้สึกว่ายิ่งมาเที่ยวที่นี่มากเท่าใด คุณก็ยิ่งไม่รู้มากเท่านั้น ทุกครั้งที่ไป คุณจะได้เห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งมันก็ยิ่งทิ้งคำถามไว้กับคุณมากขึ้น” เขากล่าว
สิ่งที่โจทึ่งเป็นพิเศษคือ การไปเที่ยวตลาดขายสินค้าหรูที่ไม่อยู่ในหมายการเดินทาง ที่นั่นมีคนขายกางเกงยีนส์ น้ำหอม กระเป๋าถือหลุยส์วิตตองปลอม เครื่องซักผ้าของญี่ปุ่นหรือไม่ก็อาจนำเข้ามาจากจีน
ที่นั่นนักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพ พวกเขาสงสัยว่านี่เป็นความพยายามในการเก็บซ่อนภาพการบริโภคจากการรับรู้ของคนส่วนอื่น ๆ ในประเทศหรือไม่
“ที่นี่เป็นที่เดียวที่คนไม่คาดหวังว่าเราจะไป” โจบอก “มันดูวุ่นวายและดูเป็นจริง เป็นที่ที่ชาวเกาหลีเหนือไปจริง ๆ ผมชอบที่นี่”
โจเยือนเกาหลีเหนือเป็นครั้งที่สามแล้ว
แต่จากคำบอกเล่าของผู้นำเที่ยวที่มีประสบการณ์มาก่อน การเดินทางท่องเที่ยวของทัวร์รอบนี้ถูกจำกัดมากกว่าทริปหลายครั้งก่อนหน้า เพราะนักท่องเที่ยวมีโอกาสน้อยลงในการเดินเที่ยวตามถนน แวะไปตามร้านตัดผมหรือซูเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งการพูดคุยกับคนท้องถิ่น
เกร็ก จากคอร์โยทัวร์ส บอกว่า โควิดมักถูกนำมาเป็นเหตุผล “ดูอย่างผิวเผินแล้ว พวกเขายังคงกังวล กระเป๋าเดินทางของพวกเราถูกฆ่าเชื้อที่ด่านพรมแดน พวกเราถูกตรวจวัดอุณหภูมิ และผู้คนราว ๆ 50% ยังคงสวมหน้ากาก” แต่อย่างไรก็ดี เกร็กไม่สามารถสรุปได้ว่าความกลัวนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงข้ออ้างที่จะควบคุมผู้คน
แม้จะเป็นการยากที่จะรู้ว่าการระบาดของโรคโควิดที่เกาหลีเหนือรุนแรงมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อกันว่าการสถานการณ์นั้นรุนแรงอย่างมาก
มัคคุเทศก์ท้องถิ่นกล่าวย้ำคำพูดของรัฐบาลว่าไวรัสเข้าเกาหลีเหนือจากลูกบอลลูนที่ถูกส่งมาจากเกาหลีใต้ และเชื้อโรคเหล่านั้นถูกกำจัดทันทีภายในเวลา 90 วัน ทว่าโรวัน ผู้นำทัวร์ชาวตะวันตก ซึ่งเคยมาเยือนเกาหลีเหนือมากกว่า 100 ครั้ง รู้สึกได้ว่าเมืองราซอนได้รับผลกระทบอย่างมากจากกฎข้อบังคับที่รัฐใช้ในช่วงโควิด ธุรกิจของชาวจีนจำนวนมากถูกปิด และคนงานในธุรกิจเหล่านั้นก็กลับออกไป
กระทั่งโจ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่เคยมาเที่ยวเกาหลีเหนือแล้ว ก็กล่าวถึงสภาพของตึกอาคารที่ทรุดโทรม เขาบอกว่า “สถานที่ต่าง ๆ อยู่ในสภาพมืดสลัว และไม่มีระบบทำความร้อนที่อื่นเลยนอกจากที่พักในโรงแรมของเรา” เขากล่าว และเล่าถึงการไปเที่ยวแกลเลอรีจัดแสดงศิลปะที่รกร้าง มืด และหนาวเย็น “มันเหมือนกับที่นั่นเปิดไว้ให้เราไปเยือนเท่านั้น”
นักท่องเที่ยวบางคนเห็นว่าเมืองราซอนที่พวกเขาไปเยือนนั้นมีสภาพทรุดโทรม ถนนหนทางย่ำแย่ และอาคารต่าง ๆ ก็ดูโทรม
โจกล่าวว่า รูปภาพที่รัฐบาลเกาหลีเหนือเผยแพร่ออกมาอาจจะทำให้ดูเหมือนว่าเกาหลีเหนือเป็นบ้านเมืองที่สะอาดสะอ้านและดูสดใส แต่โดยส่วนตัวเขาแล้ว เขาประจักษ์ได้ว่า “ถนนหนทางต่าง ๆ แย่มาก ทางเท้าก็โยกเยกและตึกต่าง ๆ ก็ดูสร้างมาแบบประหลาด ๆ” ห้องพักในโรงแรมที่เขาเข้าพักตกแต่งแบบล้าสมัยและสกปรก เขาบอกว่ามันดูเหมือน “ห้องนั่งเล่นของคุณยาย” และกระจกทั้งบานก็แตกร้าว
“พวกเขามีเวลาถึง 5 ปีในการซ่อมแซมมัน ชาวเกาหลีเหนืออ่อนไหวมากเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะให้นักท่องเที่ยวเห็น หากนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะโชว์ ผมไม่อยากจะคิดว่าข้างนอกมันจะเป็นยังไง” เขากล่าว
พื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาหลีเหนือถูกปกปิดอย่างมิดชิด เชื่อว่าของประชากรชาวเกาหลีเหนือกว่า 40% ยังขาดสารอาหารและต้องการความช่วยเหลือ
โจบอกว่าห้องพักของเขาดูเหมือนห้องนั่งเล่นของคุณยายของเขามากกว่า
หนึ่งในไม่กี่โอกาสที่นักท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนท้องถิ่นคือผ่านทางมัคคุเทศก์ของพวกเขา ซึ่งบางครั้งพูดภาษาอังกฤษได้ ในการเดินทางเมื่อเร็ว ๆ นี้ กลุ่มไกด์ท้องถิ่นดูมีความรอบรู้อย่างน่าแปลกใจ แม้ว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนักและปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร เกร็กแสดงความเห็นว่า นี่อาจเป็นเพราะว่าพวกเขาได้พูดคุยกับนักธุรกิจชาวจีนซึ่งมา ๆ ไป ๆ
พวกเขารู้เกี่ยวกับเรื่องกำแพงภาษีของทรัมป์และสงครามในยูเครน รู้กระทั่งการที่ทหารเกาหลีเหนือไปร่วมรบในสงครามด้วย แต่เมื่อโจนำภาพเกี่ยวกับซีเรียให้ดู มัคคุเทศก์ของเขาไม่รู้ว่าประธานาธิบดีอัสซาดถูกโค่นล้มไปแล้ว “ผมค่อย ๆ อธิบายให้เขาฟังว่า บางครั้งประชาชนก็ไม่ชอบผู้นำของพวกเขา พวกเขาจึงลุกฮือและขับไล่ผู้นำคนนั้นออกไป ซึ่งในตอนแรกพวกเขา [มัคคุเทศก์เกาหลีเหนือ] ฟังแล้วไม่เชื่อผม”
บทสนทนาเช่นนี้จำเป็นต้องพูดคุยกันอย่างระมัดระวัง กฎหมายที่เคร่งครัดปิดกั้นไม่ให้ชาวเกาหลีเหนือพูดอะไรได้อย่างเสรี การถามหรือการเปิดเผยมากเกินไป อาจทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ตกอยู่ในอันตราย
ไมค์บอกว่า การสนทนากับไกด์เกาหลีเหนือท้องถิ่นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองนานาชาติต้องพูดอย่างระมัดระวัง
ไมค์ยอมรับว่าเรื่องเหล่านี้ทำให้เขากังวลใจ ช่วงที่ไปเที่ยวที่บ้านแห่งมิตรภาพของเกาหลีเหนือ-รัสเซีย เขาถูกเชิญให้เขียนลงในสมุดเยี่ยมชมของสถานที่แห่งนั้น “ผมว่างเปล่าเลยตอนนั้นและก็เขียนไปทำนองว่า ‘ผมหวังให้โลกนี้มีสันติ’ หลังจากนั้นไกด์ของผมบอกว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่จะเขียนแบบนั้น มันทำให้ผมหวาดระแวงเลยทีเดียว”
“โดยทั่วไปแล้ว ไกด์นำเที่ยวจะทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมที่จะทำให้เรารู้สึกปลอดภัย แต่มีบางช่วงขณะที่ผมคิดว่ามันแปลก ๆ”
สำหรับเกร็กแล้ว เขาบอกว่าปฏิสัมพันธ์เช่นนี้นำมาซึ่งจุดประสงค์ที่ลึกกว่านั้นสำหรับการท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือ “ชาวเกาหลีเหนือได้มีโอกาสในการพบกับชาวต่างชาติ มันทำให้พวกเขามีความคิดใหม่ ๆ ซึ่งสำหรับประเทศที่ปิดเช่นนี้ มันสำคัญมาก”
แต่การท่องเที่ยวไปยังเกาหลีเหนือนั้นเป็นเรื่องที่มีข้อถกเถียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าไปก่อนกลุ่มของคนทำงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและนักการทูตตะวันตกส่วนใหญ่ ซึ่งรวมทั้งของสหราชอาณาจักรด้วย นักวิจารณ์อย่าง โจแอนนา โฮซาเนียก จากกลุ่มสิทธิมนุษยชน Citizens Alliance for North Korean Human Rights โต้แย้งว่าการเดินทางท่องเที่ยวเหล่านี้ หลัก ๆ แล้วเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือมากกว่า
“มันไม่เหมือนกับการท่องเที่ยวในประเทศยากจนอื่น ๆ ที่คนท้องถิ่นจะได้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ประชากรจำนวนมากของเกาหลีเหนือไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า มันมีการท่องเที่ยวแบบนี้อยู่ เงินของนักท่องเที่ยวมันจะไปตกที่รัฐและจบที่กองทัพในที่สุด” เธอกล่าว
บทสนทนาหนึ่งยังติดอยู่ในหัวยูทูบเบอร์อย่างไมค์ ระหว่างที่เขาไปเที่ยวที่โรงเรียน เขาประหลาดใจเมื่อพบว่าเด็กผู้หญิงกล่าวกับเขาว่า เธอหวังว่าจะได้ไปเยือนสหราชอาณาจักรในวันใดวันหนึ่ง
“ผมไม่มีกระจิตกระใจที่จะบอกเธอว่าโอกาสของเธอมีน้อยมาก ๆ”
—————————————————————————————
ที่มา : bbc / วันที่เผยแพร่ 1 มีนาคม 2568
Link : https://www.bbc.com/thai/articles/c204x99w54qo