Summary
- ปัญหาสแกมเมอร์กลายเป็นวาระระดับโลกเพราะมีต้นเหตุจากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ อีกทั้งยังส่งผลกระทบมากกว่าด้านการสูญเสียเงิน แต่ยังส่งผลสะเทือนถึงจิตใจอีกด้วย การศึกษาพบว่าเหยื่อที่เสียเงินจำนวนมากมักเผชิญความเครียดและความอับอาย หลายครั้งไม่กล้าที่จะพูดคุยกับคนรอบข้าง
- ผลกระทบทางใจ เช่น ความเครียด ความสิ้นหวัง การโทษตนเอง ส่งผลรุนแรงกว่ามูลค่าการสูญเสียที่เป็นตัวเงิน โดยเฉพาะในสแกมหลอกให้รัก (romance scam) ที่ผู้ถูกหลอกจะรู้สึกถูกหักหลังโดยคนที่ตัวเองรักหมดใจและสูญเสียความสามารถที่จะเชื่อใจคนใกล้ตัว
- ในฐานะคนใกล้ชิด การให้กำลังใจและรับฟังโดยไม่ตัดสินคือสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อรู้ว่าคนใกล้ตัวตกเป็นเหยื่อ รวมถึงการช่วยรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดี และหากเห็นสัญญาณความเครียดในระดับที่รุนแรงก็ควรพาเหยื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิต
ในยุคสมัยที่เราต้องเอาตัวรอดจากสารพัดกลโกงที่ส่งต่อมาทั้งทางโทรศัพท์มือถือ เว็บไซต์ และอีเมล์ สำหรับใครที่ยังอยู่รอดปลอดภัยก็ถือว่าโชคดี แต่จากสถิติที่ผู้เขียนไปพบปะกับเพื่อนครั้งล่าสุด ตัวพวกเขาเองหรือคนใกล้ตัวต่างผ่านประสบการณ์พลาดพลั้งถูกหลอกเอาเงินมาแล้วทั้งนั้น
คนในครอบครัวของผมเองก็ยังไม่พ้นตกเป็นเหยื่อ ทั้งกรอกบัตรเครดิตใส่เข้าไปในเว็บไซต์ปลอมที่ส่งมาทางอีเมล หรือสั่งซื้อของออนไลน์จากเว็บไซต์ที่ไม่มีอยู่จริง
คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าถ้าใครไม่เคยถูกหลอกหรือมีคนใกล้ตัวตกเป็นเหยื่อคงนับเป็นคนส่วนน้อยที่ตกขบวน!
หลายคนเข้าใจผิดว่าปัญหาสแกมเมอร์คือปัญหาระดับชาติ ผมอยากจะให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ว่านี่คือ ‘ปัญหาระดับโลก’ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ The Economist ถึงขั้นพาดหัวข่าวไว้ว่าอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ออนไลน์อาจเป็นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่สูสีกับอุตสาหกรรมยาเสพติด
เครือข่ายดังกล่าวทำงานกระจายกันหลายประเทศทั่วโลก แต่มีศูนย์ใหญ่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประเทศไทย โดยองค์การสหประชาชาติประมาณการไว้ในปี 2023 ว่าสแกมเมอร์กว่า 200,000 ชีวิตจาก 70 ประเทศทั่วโลกเองก็เป็น ‘เหยื่อ’ ที่ถูกหลอกให้มาทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พม่าและกัมพูชา
เวลาเราได้อ่านข่าวคนถูกหลอก สื่อมักจะพาดหัวตัวใหญ่ว่าพวกเขาหรือเธอสูญเงินไปทั้งหมดเท่าไร หลากหลายหน่วยงานรัฐเองก็ติดตามความเสียหายดังกล่าวแล้วประกาศออกมาเป็นตัวเลขสถิติ แต่การถูกหลอกยังมีความเสียหายอีกหนึ่งด้านที่มักจะไม่ได้รับความสนใจมากนัก นั่นคือต้นทุนทางอารมณ์จากการตกเป็นเหยื่อเหล่าสแกมเมอร์ ซึ่งวัดเป็นตัวเงินได้ยากกว่าและสร้างความเสียหายที่รุนแรงไม่แพ้กัน
ต้นทุนทางใจในวันที่ตกเป็นเหยื่อ
ต้นทุนทางอารมณ์ของการตกเป็นเป้าหมายของเหล่าสแกมเมอร์นั้นมีหลายระดับ เริ่มจากความรำคาญใจในชีวิตประจำวันที่ต้องมารับสายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือได้รับอีเมล์และข้อความที่ไม่พึงประสงค์ ไปจนถึงการสูญเสียความมั่นใจ หรือถึงขั้นคิดจบชีวิตตัวเอง ผลสะเทือนทางอารมณ์ที่แตกต่างหลากหลายนี้ขึ้นอยู่กับว่าเหยื่อพลาดพลั้งเข้าสู่กับดักลึกแค่ไหน และอาชญากรใช้เทคนิคอะไรในการล่อลวงเหยื่อ
หนึ่งในอารมณ์ที่พบเจอได้บ่อยในหมู่เหยื่อคือความเครียดและความกระวนกระวายใจ สแกมเมอร์มักใช้เทคนิคกดดัน ไม่ว่าจะหลอกว่ากำลังถูกฟ้องร้อง หรือมีญาติมิตรใกล้ตัวประสบอุบัติเหตุต่างทำให้เหยื่อรู้สึกไม่สบายใจ ส่วนใครที่พลาดพลั้งเสียเงินไปก็มักจะรู้สึกเครียดจากสถานการณ์ทางการเงินและกังวลว่าจะตกเป็นเหยื่อในอนาคตจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน การนอนหลับ รวมถึงมุ่งใช้สมาธิกับเรื่องอะไรบางอย่าง
เมื่อตกเป็นเหยื่อและสูญเสียเงินจำนวนมาก พวกเขาก็มักจะรู้สึกอับอายและสูญเสียความมั่นใจ โดยมักกล่าวโทษตัวเองว่าหลงเชื่อกลโกงเช่นนั้นไปได้อย่างไร ความรู้สึกแบบนี้เองที่กลายเป็นกำแพงไม่ให้เหยื่อยอมเปิดใจคุยกับคนรอบข้างเพื่อขอกำลังใจ บางคนอาจถึงขั้นหลีกเลี่ยงการพบปะคนอื่นๆ ที่สำคัญคือความรู้สึกสูญเสียความเชื่อมั่นและไม่กล้าตัดสินใจอาจติดตัวเหยื่อต่อไปในระยะยาวอีกด้วย
ความเครียด ความกระวนกระวาย การโทษตัวเอง ประกอบกับปัญหาทางการเงินที่รุมเร้า มักจะทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังไร้ทางออกจนเหยื่อบางส่วนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า หรืออาจคิดสั้นถึงขั้นจบชีวิตตัวเอง
ไม่น่าแปลกใจนักที่ผลลัพธ์จากการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าเหยื่อได้รับผลสะเทือนทางอารมณ์รุนแรงกว่าความสูญเสียที่เป็นตัวเงินด้วยซ้ำ การศึกษาชิ้นหนึ่งในสหราชอาณาจักรประมาณไว้ว่ามูลค่าความเสียหายทางจิตใจของเหยื่อราว 100,000 ถึง 150,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งว่ามหาศาล โดยกลุ่มที่เจ็บปวดที่สุดคือเหยื่อสแกมหลอกให้รัก (romance scams) ที่รู้สึกไม่ต่างจากถูกหักหลังเพราะความสัมพันธ์นั้นเกิดจากการทุ่มเททั้งเวลาและอารมณ์ แต่ความเชื่อใจนั้นดับสลายไปในพริบตาและสูญสลายไปพร้อมกับเงินที่เก็บหอมรอมริบเอาไว้
ทำอย่างไรเมื่อคนใกล้ตัวตกเป็นเหยื่อ
เมื่อคุณรู้สึกว่าคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมและรูปแบบการใช้เงินที่ผิดแผกไป เริ่มมาขอหยิบยืมเงินอย่างเร่งด่วน เมื่อซักถามก็ได้เหตุผลที่ไม่ชัดเจน แม้คุณจะพยายามตักเตือนให้ระมัดระวังก็ไม่ยอมเชื่อ จนวันหนึ่งเขาเดินกลับมาพร้อมกับสารภาพว่าถูกหลอกเอาเงินไปจนหมดเกลี้ยง สิ่งแรกที่คุณทำคือการรับฟัง เพราะคงไม่มีใครรู้สึกแย่ที่ถูกหลอกมากไปกว่าเหยื่ออีกแล้ว
เราต้องระมัดระวังไม่ให้กล่าวโทษเหยื่อ อย่าลืมว่าเหล่าสแกมเมอร์คือเครือข่ายอาชญากรมืออาชีพที่มีทรัพยากรมหาศาล พวกเขาสามารถสร้างเว็บไซต์ปลอม ทำเสียงปลอม สร้างวีดีโอคอลปลอมมาเพื่อให้ปลายทางหลงเชื่อ ดังนั้นคนผิดในสมการนี้มีอยู่ฝ่ายเดียว คือแก๊งสแกมเมอร์ เราจึงต้องปลอบประโลมเหยื่อที่พลั้งพลาดไปโดยไม่ซ้ำเติมอย่างเด็ดขาด
เมื่ออารมณ์เริ่มเข้าที่เข้าทาง ขั้นตอนต่อไปคือช่วยเหลือเรื่องการรวบรวมหลักฐาน รายการเดินบัญชีธนาคาร และข้อมูลทั้งหมดที่มีเพื่อแจ้งความดำเนินคดี แม้ว่าอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขากลับมามีความหวังบางอย่าง
คนใกล้ตัวและครอบครัวมีความสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นฟูความมั่นใจของเหยื่อกลับมา เราจึงต้องพยายามสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เหยื่อเล่าความเจ็บปวดของตัวเองโดยไม่ถูกตัดสินหรือกล่าวโทษ แต่ในกรณีที่ครอบครัวรับมือไม่ไหวหรือเห็นสัญญาณไม่ดี ก็อย่าลังเลที่จะพาเหยื่อไปพบจิตแพทย์เพื่อรับความช่วยเหลือ
ปัญหาเหยื่อสแกมเมอร์จะคงอยู่กับเราอีกนาน ทุกครั้งที่ได้อ่านข่าวก็โปรดท่องไว้เสมอพวกเขาคือเหยื่อที่เราควรเห็นอกเห็นใจ ไม่ใช่ไปกล่าวโทษ เพราะวันหนึ่ง เมื่อคนใกล้ชิดของเราตกเป็นเหยื่อของเหล่าอาชญากร เราจะได้สามารถรับมือได้โดยไม่ผลักไสให้เขาจนตรอกอย่างโดดเดี่ยว เพราะคงไม่มีอะไรดีไปกว่าคนใกล้ชิดที่เข้าอกเข้าใจในวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของพวกเขาแล้วครับ
———————————————————————————————————————–
ที่มา : ไทยรัฐ / วันที่เผยแพร่ 10 มีนาคม 2568
Link : https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/105239