อดีตผู้บริหาร “เมตา” เตรียมเปิดโปงต่อสภาคองเกรสว่าบริษัทฯ ให้คำแนะนำแก่พรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่ปี 2015 เกี่ยวกับเทคโนโลยีเอไอ เพื่อช่วยให้จีนแข่งขันกับบริษัทอเมริกันได้ดีกว่า ด้านเมตา ปฏิเสธข้อกล่าวหา ระบุเป็นเรื่องที่ “ห่างไกลจากความเป็นจริง”
ซาราห์ วินน์-วิลเลียมส์ อดีตผู้บริหารของ เมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ ซึ่งผันตัวมาเป็นผู้เปิดโปงข้อมูลภายในของบริษัทที่ตัวเขาเองมองว่า “ไม่ชอบมาพากล” วางแผนที่จะให้การต่อสภาคองเกรสว่า บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่คุกคามผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เนื่องจากสานสัมพันธ์อันดีกับจีน แม้ทางเมตากล่าวว่าเป็นคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จ
วินน์-วิลเลียมส์ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะระดับโลกของเมตา จะแจ้งต่อคณะอนุกรรมการวุฒิสภาด้านอาชญากรรมและการต่อต้านการก่อการร้ายในวันนี้ (9 เม.ย.) ว่า เธอเห็นผู้บริหาร “บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ” โดยเธอกล่าวหาว่าเมตา (ซึ่งเดิมชื่อ Facebook) ช่วยจีนให้ก้าวหน้าในการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)
“เมตาเริ่มให้คำแนะนำแก่พรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่ปี 2015” วินน์-วิลเลียมส์ ซึ่งเพิ่งเผยแพร่ “Careless People” หนังสือบันทึกความทรงจำขายดีชื่อเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอที่ Facebook กล่าวในคำให้การที่เตรียมไว้ซึ่งสำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รับ “การให้คำแนะนำเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ที่สำคัญ รวมถึงเอไอโดยมีเป้าหมายชัดเจนคือช่วยให้จีนสามารถแข่งขันกับบริษัทอเมริกันได้ดีกว่า”
ในคำให้การของเธอ วินน์-วิลเลียมส์กล่าวอ้างว่า เมตาให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำรัฐบาลจีนในการใช้เอไอ จนกระทั่งรัฐบาลจีนสามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ทางการทหารได้
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า คำให้การที่เตรียมไว้ถูกรายงานครั้งแรกโดยสำนักข่าวเอ็นบีซี ในขณะที่ผู้แทนของเมตากล่าวว่าคำให้การนี้ “ห่างไกลจากความเป็นจริงและเต็มไปด้วยคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จ”
แอนดี้ สโตน โฆษกของเมตากล่าวว่าใน “ความจริงคือเราไม่ได้ดำเนินการบริการของเมตาในประเทศจีน ณ ปัจจุบัน”
โฆษกยังได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับบทความของรอยเตอร์ส ที่กล่าวหาว่านักวิจัยชาวจีนที่เชื่อมโยงกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนได้พัฒนาโมเดลเอไอเพื่อการใช้งานทางทหารโดยอิงจากเทคโนโลยีเอไอของเมตาซึ่งเป็นรายงานที่ ซาราห์ วินน์-วิลเลียมส์ อ้างถึง
อ้างอิง: Bloomberg
————————————————————————————————–
ที่มา :กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 8 เมษายน 2568
Link : https://www.bangkokbiznews.com/world/1175164