ปรากฏการณ์เซลฟี่รูปตัวเองมาสร้างเป็นรูปการ์ตูนเริ่มต้นขึ้นเมื่อ OpenAI เจ้าของ ChatGPT เปิดเผยโมเดลใหม่ที่ปฏิวัติวงการซึ่งสามารถแปลงภาพได้ด้วยเทคโนโลยีนี้
ผู้ใช้สามารถวาดภาพตัวเองในรูปแบบแอนิเมชั่นที่พวกเขาชื่นชอบ หรือแม้แต่สร้างรูปภาพที่เหมือนจริงของคนดังในสถานการณ์ต่าง ๆ
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงอัปโหลดเซลฟี่เพื่อสร้างผลงานชิ้นเอกที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ghibli เพียงแค่กด enter
กระแสการสร้างสรรค์ภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เลียนแบบสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ถูกเรียกว่า “Ghibli effect” ได้จุดประกายการถกเถียงที่สำคัญเกี่ยวกับการบรรจบกันระหว่างปัญญาประดิษฐ์และกฎหมายลิขสิทธิ์
“สตูดิโอจิบลิ” ก่อตั้งโดย Hayao Miyazaki ผู้สร้างสรรค์การ์ตูนชื่อดังและเป็นที่รู้จักกันดีจากภาพยนตร์การ์ตูนเช่น “Spirited Away” และ “My Neighbor Totoro”
การ์ตูนของ Ghibli มีลายเส้นที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ สีสันที่อบอุ่นและละเอียดอ่อน และฉากหลังที่พิถีพิถันและสมจริง
หัวใจสำคัญของประเด็นนี้คือคำถามเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ สไตล์ศิลปะของสตูดิโอจิบลิ ซึ่งได้รับการขัดเกลามานานหลายทศวรรษโดยศิลปินจำนวนมากภายใต้วิสัยทัศน์ของ Miyazaki เป็นที่จดจำได้อย่างชัดเจน
การสร้างสรรค์งานศิลปะ AI ที่เลียนแบบสไตล์นี้อย่างใกล้ชิดทำให้ เส้นแบ่งของสิ่งที่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นไม่ชัดเจน
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วกฎหมายลิขสิทธิ์จะคุ้มครองงานสร้างสรรค์เฉพาะเจาะจงแต่การเลียน แบบสไตล์โดยรวมของศิลปินหรือสตูดิโออย่างเป็นระบบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแบบจำลอง AI อาจได้รับการฝึกฝนจากเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความท้าทายใหม่สำหรับกรอบกฎหมายที่มีอยู่
นอกจากนี้ สิทธิทางศีลธรรมของศิลปินและการลดทอนคุณค่าของความคิดสร้างสรรค์ ของมนุษย์ก็เป็นข้อพิจารณาที่สำคัญ
Miyazaki เองได้แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงต่อศิลปะ ที่สร้างโดย AI โดยกล่าวว่ามันเป็น “การดูถูกชีวิต” (insult to life itself)
ความง่ายดายที่ AI สามารถจำลองสไตล์ศิลปะที่ซับซ้อนได้ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้สร้างสรรค์เกิดความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอาชีพของตนและความสำคัญของการแสดงออกทางศิลปะ
กฎหมายลิขสิทธิ์ปัจจุบันมักกำหนดให้ต้องมีผู้สร้างที่เป็นมนุษย์เพื่อรับการคุ้มครอง เมื่อเร็วๆ นี้ ศาลสหรัฐในกรุงวอชิงตัน ดีซี ก็ได้ตัดสินว่า AI ไม่สามารถเป็นเจ้าของงานซึ่งมีลิขสิทธิ์ได้
แม้ว่าบางคนอาจแย้งว่าผู้ใช้ที่ป้อนคำสั่งให้ AI สร้างสรรค์ผลงานนั้นถือเป็นผู้สร้าง แต่ขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์และการควบคุมผลลัพธ์สุดท้ายของพวกเขายังคงเป็นหัวข้อของการถกเถียงทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
มีคดีหลายคดีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างลิขสิทธิ์กับ AI เช่น คดี Authors Guild v. OpenAI ที่สมาคมนักเขียนฟ้อง OpenAI ว่า ละเมิดลิขสิทธิ์โดยใช้ผลงานของนักเขียนในการฝึกฝน ChatGPT
หรือคดี The New York Times v. OpenAI ที่ฟ้องเดียวกันร้องในทำนองเดียวกัน คดี Getty Images v. Stability AI ที่ฟ้องว่า AI ใช้รูปภาพจากเว็บ Getty Images เป็นต้น
“Ghibli effect” เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงความจำเป็นที่กฎหมายลิขสิทธิ์จะต้องปรับตัว ให้เข้ากับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI เพื่อปกป้องสิทธิและแหล่งเลี้ยงชีพของ ผู้สร้างสรรค์ในยุคดิจิทัล.
————————————————————————————————–
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 19 เมษายน 2568
Link : https://www.bangkokbiznews.com/tech/innovation/1176525