ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีฐานจงใจเก็บเอกสารลับเมื่อพ้นจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีในปี 2017 อย่างไรก็ดีคำตัดสินของอัยการที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ กลับก่อให้เกิดปัญหาใหม่กับไบเดนและพรรคเดโมแครต ขณะที่เขาพยายามรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2
นายโรเบิร์ต เฮอร์ อัยการพิเศษ ซึ่งเป็นอัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางในรัฐแมริแลนด์ ที่ดูแลคดีดังกล่าวระบุว่า เขาเลือกที่จะไม่ดำเนินคดีใด ๆ ต่อไบเดนหลังการสอบสวนนาน 15 เดือน เนื่องจากไบเดนให้ความร่วมมือและยากที่จะถูกพิจารณาโทษ โดยให้เหตุผลว่าไบเดนเป็นชายสูงอายุที่มีเจตนาดีแต่มีความจำไม่ดี
เฮอร์ระบุว่า ไบเดนพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับคณะลูกขุนเช่นเดียวกับในขณะที่มีการให้สัมภาษณ์กับอัยการ เขาเป็นชายสูงอายุที่มีความจำไม่ดี แต่มีความเห็นอกเห็นใจและมีเจตนาที่ดี
เฮอร์ชี้ว่า ไบเดนมีความทรงจำที่จำกัดอย่างมาก เมื่อถูกสัมภาษณ์โดยสมาชิกในทีมอัยการของเขาโดยลืมว่าวาระการเริ่มต้นและสิ้นสุดดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐภายใต้อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของเขาคือเมื่อใด และลืมว่าโบ ลูกชายของเขาเสียชีวิตในปีใด นอกจากนี้ยังจำข้อถกเถียงของตนเองเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐในเรื่องอัฟกานิสถานไม่ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
เฮอร์ยังบอกด้วยว่า ไบเดนได้บอกกับนักเขียนเงาของเขาระหว่างการพูดคุยกันในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 หนึ่งเดือนหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีว่า เขาเพิ่งพบข้อมูลที่ชั้นความลับที่ด้านล่างของบ้านพักที่เขาเช่าไว้ในเวอร์จิเนีย โดยมีการอ้างถึงเอกสารลับเกี่ยวกับสงครามของสหรัฐในอัฟกานิสถาน
รายงานของเฮอร์บอกด้วยว่า ไบเดนได้อ่านข้อความในเอกสารลับให้กับนักเขียนเงาของเขาฟังอย่างน้อยถึงสามครั้งโดยเล่าถึงการประชุมที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาว แต่นักเขียนเงาได้ลบไฟล์เสียงการสนทนาดังกล่าวหลังทราบเกี่ยวกับการสืบสวนของอัยการพิเศษ แต่ได้เก็บเอกสารที่เป็นการถอดเสียงการสนทนาเอาไว้
เฮอร์ระบุว่า การกระทำการกระทำของไบเดนก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ เมื่อคำนึงถึงความเปราะบางของข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ หากมีการสูญหายหรือถูกนำไปพัวพันกับศัตรูของสหรัฐ
เฮอร์สรุปว่า ไบเดนจะไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ต่อให้ปราศจากนโยบายของกระทรวงยุติธรรมที่มีอยู่อย่างยาวนานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐที่ดำรงตำแหน่งอยู่ไม่อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ก็ตาม
แม้ข้อสรุปของอัยการพิเศษจะทำให้ไบเดนรอดพ้นจากการถูกจำคุกเกี่ยวกับการจัดการเอกสารที่มีความละเอียดอ่อนของรัฐบาลโดยไม่สมควร ต่างจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นคู่แข่งขันรีแมตช์ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้
อย่างไรก็ดี คำตัดสินดังกล่าวได้สร้างความอับอายให้กับไบเดนที่มีอายุ 81 ปี ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดที่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ผู้ซึ่งพยายามจะโน้มน้าวให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเชื่อว่า เขาสามารถที่จะดำรงตำแหน่งและรับผิดชอบหน้าที่สำคัญดังกล่าวต่อไปได้อีก 4 ปี
ทนายความของไบเดนออกมาวิพากษ์วิจารณ์เฮอร์ว่าเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป พร้อมทั้งยืนยันว่าการที่ความทรงจำของไบเดนขาดหายไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับผู้ที่พยายามอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และความเห็นดังกล่าวไม่ควรจะอยู่ในรายงานของกระทรวงยุติธรรม
ด้านทรัมป์ออกมาโจมตีทันทีว่า เขาตกเป็นเหยื่อของระบบความยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน และการดำเนินการแบบเลือกปฏิบัติที่ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ทรัมป์กำลังเผชิญกับข้อหาเก็บเอกสารลับอย่างผิดกฎหมายถูกฟ้องโดยอัยการพิเศษในข้อหาว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ จากการนำข้อมูลเกี่ยวกับนิวเคลียร์และการป้องกันที่เป็นความลับสุดยอดออกจากทำเนียบขาวหลังพ้นจากตำแหน่ง โดยมีกำหนดจะเข้ารับการพิจารณาคดีที่ฟลอริดาในเดือนพฤษภาคมนี้
——————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : มติชนออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 9 ก.พ.67
Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_4416593