ระเบิดกลางเมืองนราธิวาส ที่แท้เป็น “มอเตอร์ไซค์บอมบ์” ถูกปล้นชิงทรัพย์มาจากตากใบ นำมาดัดแปลงใส่กล่องเหล็กซุกบึ้ม ก่อนนำมาจอดก่อเหตุ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็น อส. 2 ราย ตำรวจสั่งเช็ควงจรปิดจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุ คาดวางบึ้มหวังทำลายเศรษฐกิจในพื้นที่
เมื่อเวลา 08.30 น. วันอังคารที่ 7 พ.ค.67 พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส, พ.ต.อ.นิยม สุวรรณคง ผกก.สส.ภ.จว.นราธิวาส, พ.ต.อ.ทศม ม่วงเกษม ผบ.ฉก.ตร.นราธิวาส 93 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์ ที่บริเวณหน้าเขื่อนท่าพระยาสาย ถนนภูผาภักดี ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย
ในที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ริมฟุตบาทแดงขาวเยื้องกับจุดตรวจจุดสกัดเซฟตี้โซนของฝ่ายปกครองประมาณ 20 เมตร เจ้าหน้าที่พบเศษซากชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายได้ใช้ประกอบระเบิดแสวงเครื่องเป็นจักรยานยนต์บอมบ์ ไม่ใช่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง หรือ “รถโชเล่ย์” ตามที่มีข่าวตอนแรก
โดยรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำมาติดตั้งระเบิด มีสภาพขาดเป็น 2 ท่อนเพราะอานุภาพของระเบิด เศษซากกระจัดกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ และรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่จอดอยู่ข้างๆ ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดด้วย 5 คัน
@@ จยย.บอมบ์ ถูกจี้ชิงมาจากตากใบ
จากการตรวจสอบชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ดังกล่าว มีหมายเลขตัวถัง ND 125 M 0127343 ซึ่งพบว่า เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีเขียว ป้ายทะเบียน ขคจ 117 นราธิวาส ผู้ครอบครองเป็นหญิง แจ้งหายที่ สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 เนื่องจากถูกคนร้ายจำนวน 2 คน ใช้อาวุธปืนจี้ชิงไป ที่บริเวณตลาดบ้านโคกกาเปาะ หมู่ 5 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ โดยเจ้าของรถไม่ได้ขัดขืน คนร้ายจึงไม่ได้ทำร้ายแต่อย่างใด
ในที่เกิดเหตุยังพบเศษซากชิ้นส่วนของภาชนะที่ใช้บรรจุระเบิดแสวงเครื่อง เป็นกล่องเหล็กน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม และพบว่า ระเบิดจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ซึ่งชิ้นส่วนวิทยุสื่อสารตกกระจัดกระจายอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีพยานบุคคลพบเห็นมีชายฉกรรจ์ต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจอดในที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงสาย จากนั้นคนร้ายได้แฝงตัวเดินเลี่ยงไปที่บริเวณเขื่อน เมื่อสบโอกาสได้เดินหายไป และต่อมารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้สะเก็ดระเบิดไปโดนชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ที่เดินทางมาพักผ่อนบริเวณดังกล่าว
@@ แฉหล่อถังน้ำมันปลอมซุกระเบิดอำพราง จนท.
พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ที่บริเวณจุดตรวจจุดสกัดทั้ง 4 เส้นทาง ที่มุ่งหน้าเข้าไปยังตัวเมืองนราธิวาส ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ซุกระเบิดไปจอดก่อเหตุ
แหล่งข่าวจากหน่วยความมั่นคงที่ชำนาญเรื่องวัตถุระเบิด เปิดเผยว่า คนร้ายได้มีการดัดแปลงช่วงถังน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยการถอดถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถทิ้ง แล้วทำการขึ้นรูปภาชนะที่ประกอบระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายใน ให้มีขนาดพอดีหรือเล็กกว่าถังน้ำมันเชื้อเพลิงเล็กน้อย ซึ่งคาดว่า สามารถประกอบระเบิดได้ไม่เกิน 5 กิโลกรัม นำไปติดตั้งแทนถังน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่ออำพรางหากเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น แล้วคนร้ายได้ใช้ขวดน้ำพลาสติกใส่น้ำมันเชื้อเพลิง แทนถังน้ำมันที่ใช้หล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ นำมาผูกไว้กับตัวถังรถจักรยานยนต์ เพื่อให้สามารถขับขี่รถมาจอดก่อเหตุได้
@@ บาดเจ็บ 9 ราย อส. 2 ชาวบ้าน 7
ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งสิ้น 9 ราย ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมืองนราธิวาส ประกอบด้วย
1.อส.อัสรี หะยีอาแว อายุ 38 ปี
2.อส.ฮาฟิต สะแอ อายุ 32 ปี
3.น.ส.ซาอีระห์ กาจิ อายุ 22 ปี
4.น.ส.นุรฟาซีลา บือราเฮง อายุ 21 ปี
5.นายซาการียา สุหลง อายุ 16 ปี
6.น.ส.ธัญญารัตน์ เนื่องนำ อายุ 26 ปี
7.นายณัฐนันท์ แก้วสว่าง อายุ 35 ปี
8.น.ส.ฮาลีซ่า บินติอาซิ อายุ 38 ปี ชาวมาเลเซีย
9.น.ส.สีติอัสฮา บินติอิสมาแอล อายุ 30 ปี
โดยผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 9 ราย อาการไม่สาหัส หลังจากแพทย์ทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้นแล้ว ได้อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นการกระทำของสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ต้องการทำลายเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว เนื่องจากในช่วงนี้ทางจังหวัดนราธิวาส ได้จัดงานกาชาดขึ้นที่บริเวณ สวน ร.5 ศูนย์ราชการ มีประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวในงานเป็นจำนวนมาก
สบช่อง “สับเปลี่ยนกำลัง” รปภ.งานกาชาด ลอบบึ้มเมืองนราฯ
แม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับคนร้ายอาศัยช่องว่างช่วงเจ้าหน้าที่สับเปลี่ยนกำลังไป รปภ.งานกาชาด ทำให้สามารถแฝงตัวนำ “จยย.บอมบ์” ก่อเหตุโจมตีใกล้จุดตรวจความมั่นคงได้ สั่งทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น
เวลา 12.30 น. วันอังคารที่ 7 พ.ค.67 พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาค 4 / ผอ.รมน.ภาค 4 พร้อมคณะ ลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด “จักรยานยนต์บอมบ์” ที่บริเวณหน้าเขื่อนท่าพระยาสาย ถนนภูผาภักดี ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้มีเจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับบาดเจ็บ 9 ราย
โดย พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) ได้นำคณะไปดูจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อีโอดี หรือ ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงรูปแบบของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายซุกไว้ในรถจักรยานยนต์
สำหรับที่มาของรถจักรยานยนต์ คนร้ายจี้ชิงทรัพย์มาจากเจ้าของเดิม โดยคนร้ายนำรถมาเก็บไว้ รอเวลาผ่านไปนาน เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพ่งเล็งตรวจสอบ จึงได้นำมาใช้ก่อเหตุระเบิด แต่โชคดีที่ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา มีประชาชนแวะเวียนไปพักผ่อนค่อนข้างบางตา จึงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียง 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนจะเดินทางไปท่องเที่ยวในงานกาชาดที่ทางจังหวัดจัดขึ้นที่ สวน ร.5 ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตรมากกว่า
หลังรับฟังข้อมูล แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับให้กำลังพลฝ่ายต่างๆ ที่กระจายกำลังกันปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบ เพิ่มความเข้มงวดกวดขันให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการจัดงานเทศกาลหรืองานประจำปี เนื่องจากกลุ่มคนร้ายมักฉวยโอกาสหาช่องโหว่เข้ามาก่อเหตุ ให้ถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนในการสกัดกั้นและป้องปราม ต้องสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจที่ถดถอยไปกลับมาฟื้นขึ้นอีกครั้ง
พล.ท.ศานติ กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เป็นจังหวะที่ทางจังหวัดจัดงานกาชาด ทำให้ฝ่ายกองกำลังไปพะวงการรักษาความปลอดภัย และทุ่มกำลังไปมาก แต่จุดอื่นก็ไม่ได้ทิ้ง เพียงแต่กำลังบางส่วนต้องทยอยไป ทำให้มีช่องว่าง ต้องยอมรับว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุสามารถกระทำได้ ถ้าเข้าในเขตเมืองได้ เขตเซฟตี้โซนได้น่าจะเหนื่อย ตรงนี้เราต้องมาวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร ต้องเน้นย้ำในเรื่องของยานพาหนะที่โดนลักไปหรือหายไป ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ต้องละเอียดมากกว่านี้
“สอบถามผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ท่านกำลังไล่กล้องวงจรปิด การที่กลุ่มผู้ก่อเหตุนำรถจักรยานยนต์มาจอดก่อเหตุ นำมาทิศทางไหน เพราะว่าข้างหน้าเป็นด่าน คงไม่มาทางนี้แน่ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบก่อนว่า มีกล้องวงจรปิดหรือเส้นทางตรงไหนบ้าง” แม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งข้อสังเกต
“หากถามว่าเรากังวลไหม ตอบเลยว่ากังวล ในขณะที่เราตรึงกำลังเต็มที่ ช่องว่างแทบจะไม่มี การก่อเหตุมันก็จะยากขึ้น แต่ถ้าเรามีการสับเปลี่ยนหรือหมุนเวียนกำลังกันนิดหน่อย ทำให้เกิดช่องว่างจุดนี้ จึงเป็นช่องทางให้เขาก่อเหตุได้ เราจะต้องพยายามเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วน ไม่ให้มีช่องว่าง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน” พล.ท.ศานติ กล่าวในที่สุด
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา / วันที่เผยแพร่ 7 พ.ค.67
Link : https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/128354-mcbombnara.html , https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/128378-genmcbomb.html