กรณีศึกษาจากสิงคโปร์ ซึ่งบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่ เพื่อยกระดับกวาดล้างมิจฉาชีพในรูปแบบคอลเซ็นเตอร์ โดยเป็นการควบคุมการลงทะเบียน และการตรวจสอบซิมการ์ด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ว่าย้อนกลับไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สภาแห่งชาติของสิงคโปร์ผ่านกฎหมายที่มุ่งเป้าไปที่การปราบปรามการจำหน่ายและใช้งานซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ “ที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์” โดยเฉพาะ “คนกลาง” ซึ่งทำหน้าที่จัดหาซิมการ์ดให้กับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพซึ่งสวมรอยจดทะเบียนซิมการ์ด ด้วยการใช้หลักฐานยืนยันตัวตนที่มาจากการจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ แล้วนำไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกทอดหนึ่ง
ขณะเดียวกัน บุคคลซึ่งจดทะเบียนซิมการ์ดด้วยหลักฐานของตัวเอง แต่นำไปมอบให้มิจฉาชีพใช้งาน และร้านค้าปลีกที่จำหน่ายซิมการ์ดครั้งละจำนวนมาก โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลของผู้ซื้อ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายนี้ด้วย
นอกจากนั้น บุคคลใดที่ใช้ซิมการ์ดเพื่อก่ออาชญากรรม หรือครอบครองซิมการ์ดตั้งแต่ 11 ซิมขึ้นไป ถือเป็น “บุคคลต้องสงสัย” และพนักงานสอบสวนมีอำนาจตรวจสอบตามกฎหมาย ที่จะสอบสวนเจตนาการก่ออาชญากรรม และผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องมีมาตรการป้องกันการจดทะเบียนซิมปลอม และการตรวจสอบข้อมูลยืนยันตัวตนของผู้ที่จดทะเบียนทุกคน ว่าเป็นของจริงหรือไม่
ทั้งนี้ บุคคลใดฝ่าฝืนอาจต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลานานสูงสุด 3 ปี ปรับเป็นเงินสูงสุด 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 271,919.29 บาท) หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ดี กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ยืนยัน บุคคลซึ่งซื้อซิมการ์ด และลงทะเบียนให้กับสมาชิกอีกคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งใช้ซิมการ์ดนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการสื่อสารในชีวิตประจำวัน และการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ถูกต้องกับสถาบันการเงิน ไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย
อนึ่ง ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสิงคโปร์ ระบุว่า มีรายงานการหลอกลวงทางออนไลน์มากกว่า 46,000 กรณี เมื่อปีที่แล้ว และผู้เสียหายสูญเสียทรัพย์สินรวมกันประมาณ 651.8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 17,725.36 ล้านบาท)
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
————————————————————————————————————————————————————————–
ที่มา : เดลินิวส์อนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 10 มิ.ย.67
Link : https://www.dailynews.co.th/news/3521392/