แฮร์ริส นำเสนอความต่อเนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน “เป็นส่วนใหญ่” แม้เธอพยายามสร้างความแตกต่างมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับตะวันออกกลาง แต่ในทางตรงกันข้าม หากทรัมป์ได้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกครั้ง นั่นอาจหมายถึง การฉีกออกจานโยบายต่างประเทศของสหรัฐในปัจจุบัน อีกทั้งประเด็นเกี่ยวกับยูเครน ก็ทำให้แคนดิเดตทั้งสองคนมีมุมมองที่แตกต่างเช่นกัน
ทรัมป์เยาะเย้ยแพ็กเกจความช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่รัฐบาลวอชิงตันชุดปัจจุบันมอบให้กับยูเครน โดยกล่าวว่า รัสเซียที่เริ่มปฏิบัติการทางทหาร เมื่อเดือน ก.พ. 2565 จะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน ส่วนแฮร์ริสให้สัญญาว่าจะสนับสนุนยูเครนต่อไป และหยิบยกเรื่องที่พรรครีพับลิกันเคยแสดงความชื่นชมต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มาพูดในการดีเบต เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาด้วย
แม้แฮร์ริสและทรัมป์ ต่างแสดงจุดยืนสนับสนุนอิสราเอลอย่างหนักแน่นเหมือนกัน แต่พวกเขามีความเห็นไม่ตรงกันว่า จะกดดันอิสราเอลมากแค่ไหน ในขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ลุกลามในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ แฮร์ริส กล่าวอย่างชัดเจนว่าจะส่งอาวุธให้อิสราเอลต่อไป แม้ฝ่ายซ้ายในพรรคเดโมแครต เรียกร้องให้ระงับการส่งออกอาวุธก็ตาม กระนั้น เธอก็เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ “กำหนดชะตากรรมของตนเอง” พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะ “ไม่นิ่งเฉย” ต่อความทุกข์ยากในฉนวนกาซา
ขณะเดียวกัน ทรัมป์เคยมีผลงานการสนับสนุนอิสราเอล ในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จากการดำเนินการสำคัญหลายอย่าง ในนามของอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็น การย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอล ไปยังเมืองเยรูซาเลม และสร้างแรงจูงใจชาติอาหรับ ยอมรับอิสราเอล
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน กับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล เนื่องจากเขาเคยวิพากษ์วิจารณ์ว่า เนทันยาฮู และผู้นำโลกคนอื่น ยอมรับว่าไบเดนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อปี 2563 ซึ่งทรัมป์ปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้ง แม้จะมีหลักฐานมากมายก็ตาม
ทรัมป์กล่าวโจมตีจีนอย่างไม่ลดละ และให้คำมั่นว่าจะจัดเก็บภาษีครั้งใหญ่กับสินค้าของจีน โดยหวังว่าจะกระตุ้นการผลิตในสหรัฐ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ชี้ว่าตัวเองมีความเปิดกว้าง ในการทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน
อีกด้านหนึ่ง แฮร์ริสเน้นย้ำว่า ทรัมป์มีความลังเลในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในการใช้มาตรการที่คล้ายคลึงกัน โดยกล่าวหาว่าทรัมป์ “ขายชาติ” เนื่องจากกองทัพจีนได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีของสหรัฐ
สำหรับประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน ทรัมป์สร้างความไม่สบายใจด้วยการเสนอแนะให้ไต้หวันจ่ายเงินเพื่อการป้องกันประเทศ โดยเปรียบเทียบสหรัฐเป็น “บริษัทประกันภัย” ขณะที่แฮร์ริส ให้คำมั่นว่าจะรักษาสถานะเดิม และยืนยันการสนับสนุนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายระยะยาวของสหรัฐ
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 9 ต.ค.67
Link : https://www.dailynews.co.th/articles/3950338/