ขณะที่ความชอบและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โซเชียลมีเดีย ครีเอเตอร์ เพื่อน และครอบครัวกำลังกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนค้นพบและตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ประเทศไทยเองก็เช่นกัน
ข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดอีมาร์เก็ตเตอร์ เผยว่า เอเชียแปซิฟิกยังคงครองฐานผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลกด้วยจำนวนผู้ใช้รวมกว่า 2.3 พันล้านคน นับว่าเติบโตรวดเร็วยิ่งกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลก และได้ตอกย้ำจุดยืนของภูมิภาคในฐานะฐานผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก
-
- Gen AI เขย่าโลกธุรกิจ
Meta แชร์ 5 เทรนด์โซเชียลมีเดียสำคัญที่ธุรกิจไทยควรให้ความสำคัญในปี 2568 เพื่อให้ธุรกิจเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และยังคงความเป็นผู้นำในตลาดอย่างต่อเนื่อง
1. Generative AI : ผู้บริโภคและธุรกิจนำ Generative AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิในการทำงาน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างเนื้อหา แนวคิด และโซลูชันใหม่ๆ
Meta พบว่ามีผู้ใช้งานเครื่องมือสร้างสรรค์โฆษณาด้วย Generative AI อย่างแพร่หลาย โดยผู้โฆษณามากกว่า 1 ล้านรายทั่วโลกใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำเพื่อพัฒนาผลงาน ช่วงเดือนส.ค. 2567 เพียงเดือนเดียวมีชิ้นงานโฆษณามากกว่า 15 ล้านโฆษณาที่ใช้เครื่องมือเอไอของ Meta
พบด้วยว่า แคมเปญโฆษณาระดับโลกที่ใช้ฟีเจอร์การสร้างรูปภาพ (Image Generation) ของ Meta มีผู้คลิกดูโฆษณา (Click-through Rate : CTR) โดยเฉลี่ยสูงขึ้น 11% และ Conversion Rate (CVR) หรือสามารถปิดการขายได้สูงขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับแคมเปญที่ไม่ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้
-
- ปิดดีลด้วย ‘ข้อความ’
2. การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging) : เทรนด์การสื่อสารกับธุรกิจผ่านข้อความเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุด
Meta พบว่าเทรนด์นี้เกิดขึ้นทั่วโลก โดยผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนพูดคุยกับแบรนด์หรือธุรกิจผ่าน Messenger, Instagram และ WhatsApp ทุกสัปดาห์ ในเอเชียแปซิฟิกผู้บริโภคอย่างน้อย 1 ใน 3 แชทกับธุรกิจสัปดาห์ละครั้ง
ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในผู้นำในเทรนด์ โดย 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยสื่อสารกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทระหว่างการซื้อสินค้า และ 75% ของผู้บริโภคพิจารณาว่าการส่งข้อความทางธุรกิจมีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ
รายงานเทรนด์โซเชียลล่าสุดจากอีมาร์เก็ตเตอร์เผยว่า ผู้คนมีแนวโน้มที่จะแบ่งปันเนื้อหาบนโซเชียลและคุยกันผ่านการส่งข้อความส่วนตัวมากกว่าการโพสต์แบบสาธารณะ โดยพบว่าการแบ่งปันแบบส่วนตัว (private sharing) บนแพลตฟอร์มเติบโตขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
กลุ่มคน Gen Z เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากพวกเขายังคงหาวิธีเชื่อมต่อกับผู้อื่นในกลุ่มและชุมชนขนาดเล็ก ๆ
-
- ‘ครีเอเตอร์’ โอกาสเติบโตใหม่
3. ครีเอเตอร์ : เศรษฐกิจของครีเอเตอร์ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ครีเอเตอร์กลายเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่สร้างโมเดลธุรกิจที่ขยายตัวได้ผ่านการร่วมงานเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ในประเทศและระดับโลก
งานวิจัยล่าสุดจากบริษัทการธนาคารเพื่อการลงทุน Goldman Sachs คาดการณ์ว่า มูลค่าของเศรษฐกิจครีเอเตอร์ระดับโลกอาจแตะถึง 480 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2570
อย่างไรก็ดี การค้นหาครีเอเตอร์ที่เหมาะกับการเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของแคมเปญ
นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นจาก Meta ยังพบว่า 70% ของคนไทยพบสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียทุกวัน โดย 75% เปิดเผยว่าคำแนะนำสินค้าจากครีเอเตอร์เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการตัดสินใจซื้อ
-
- ‘วิดีโอ’ ช่องทางทำเงิน
4. วิดีโอ : ผู้คนทั่วโลกกำลังบริโภคคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้นเรื่อยๆ โดย Insider Intelligence คาดการณ์ว่า เวลาที่ใช้ในการรับชมโทรทัศน์และคอนเทนต์วิดีโอในปี 2568 จะมีเพิ่มขึ้น 15% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ส่วนเวลาที่ใช้ในการดูวิดีโอบน Instagram และ Facebook ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากข้อมูลของ Meta เผยว่า 60% ของเวลาที่ใช้บนทั้งสองแพลตฟอร์มถูกใช้ไปกับคอนเทนต์วิดีโอ
อีกหนึ่งแนวโน้มที่น่าจับตามองคือ Livestreaming ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการวิจัยตลาดของบริษัท Decision Lab พบว่า 73% ของผู้คนเคยดูไลฟ์สตรีมเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ
โดย 66% ตัดสินใจซื้อสินค้าที่แสดงในไลฟ์นั้น และ 81% ดูไลฟ์เพื่อจะซื้อสินค้า และ 70% ซื้อสินค้าผ่านฟีเจอร์ชอปปิงในไลฟ์ นอกจากนี้ 79% ของผู้บริโภคในประเทศไทย ดูไลฟ์อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งและ 70% ของผู้ชมกลับมาซื้อสินค้าเดิมอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
-
- คว้าโอกาส ‘ค้าข้ามแดน’
5. การค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Shopping) : ปัจจุบัน ผู้คนใช้เทคโนโลยีในการซื้อสินค้าจากทั่วโลกมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายยิ่งกว่าเดิม มีการคาดการณ์ว่าการค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Shopping) จะมีมูลค่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571
โดยการค้าข้ามพรมแดนออนไลน์จะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจมากกว่าการค้าปลีกในประเทศถึง 2 เท่า จากงานวิจัยประจำปีในช่วงเทศกาลในเอเชียแปซิฟิกพบว่า อย่างน้อย 50% ของนักช้อปในประเทศไทยเคยซื้อสินค้าข้ามพรมแดนช่วงลดราคาตามเทศกาลต่างๆ
ที่ผ่านมา การซื้อสินค้าข้ามพรมแดนไม่ได้เฟื่องฟูขึ้นจากราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากความต้องการที่จะได้ครอบครองแบรนด์ที่ไม่มีในประเทศของตน และการเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่า
งานวิจัยล่าสุดของ Meta เผยว่า 71% ของผู้ซื้อสินค้าข้ามพรมแดนเปิดกว้างต่อการชอปปิงจากแบรนด์ใหม่ๆ และ 61% ต้องการมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น
ดังนั้น การลงทุนของ Meta ในด้าน AI จึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างการเข้าถึงที่ไร้พรมแดน และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการจับคู่สินค้าเข้ากับผู้คนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและทรัพยากรที่กว้างขึ้น รวมถึงการสื่อสารกับลูกค้าได้หลากหลายภาษามากยิ่งขึ้น
——————————————————————————————————–
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 23 ม.ค. 68
Link : https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1163339#google_vignette