เอกสารที่เพิ่งเผยแพร่ใหม่กว่า 2,000 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ของสหรัฐอเมริกา มีความโดดเด่นไม่เพียงแต่เฉพาะเนื้อหาภายในเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งที่ถูกละเว้นเอาไว้ด้วย
ดังที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ไว้ การสั่งให้เปิดเผยเอกสารครั้งล่าสุดของรัฐบาลทรัมป์ไม่ได้ตอบคำถามทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารเคนเนดี้ ที่เมืองดัลลาสเมื่อปี 1963 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์อเมริกา
อย่างไรก็ตาม เอกสารชุดล่าสุดนี้ ประกอบด้วย เอกสารที่ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดที่ไม่มีการแก้ไข โดยมีการรวมเนื้อหาต้นฉบับไว้ในเอกสารชุดนี้แทนที่จะใช้สีดำถมหรือแทนที่ด้วยช่องว่าง นอกจากนี้ยังรวมถึงรายละเอียดหลายอย่างที่น่าสนใจจากมุมนักประวัติศาสตร์และผู้สังเกตการณ์คดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ หรือเจเอฟเค (JFK)
การสอบสวนของรัฐบาลสหรัฐฯ สรุปว่า ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ คนพเนจร และอดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแปรพักตร์ไปอยู่กับสหภาพโซเวียตก่อนกลับมายังสหรัฐฯ ได้ก่อเหตุเพียงลำพังตอนยิงขบวนรถของเคนเนดี้จากอาคารใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม คนอเมริกันส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะไม่เห็นด้วย โดยผลสำรวจตลอดหลายทศวรรษชี้ให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่า คนส่วนใหญ่ยังคงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังคงถูกตั้งคำถามพร้อมกับเกิดทฤษฎีสมคบคิดอันบ้าคลั่งถึงแม้ผ่านมาแล้วกว่า 60 ปี และการเปิดเผยเอกสารล่าสุดก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงประเด็นนี้ได้
ต่อไปนี้คือประเด็นสำคัญบางประการ
เปิดเผยเรื่องมือสังหารมากขึ้น แต่ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชื่นชมการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ว่าเป็นก้าวย่างสำคัญในการสร้างความโปร่งใส ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐฯ ได้เปิดเผยเอกสารหลายแสนฉบับ ทว่าแม้จะให้คำมั่นมาหลายปี แต่เอกสารหลายฉบับก็ยังถูกปกปิดไว้หรือแก้ไขบางส่วน โดยเจ้าหน้าที่อ้างความกังวลต่อความมั่นคงของชาติ
นั่นหมายความว่า เอกสารหลายฉบับได้รับการเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ตอนนี้มีเวอร์ชันที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นปรากฏออกมา
ในหลายกรณี ชื่อและที่อยู่ของเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ที่เคยถูกปกปิดไว้ ตอนนี้กลายเป็นข้อมูลสาธารณะแล้ว
เนื่องจากมีการเปิดเผยข้อมูลจำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญยังคงตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ แต่ยังไม่พบเรื่องราวที่น่าตกตะลึงใด ๆ เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจฟเฟอร์สัน มอร์ลีย์ อดีตนักข่าวของวอชิงตันโพสต์และบรรณาธิการบล็อกเจเอฟเคแฟคต์ส (JFK Facts) เรียกข้อมูลชุดที่ได้รับการเผยแพร่ล่าสุดนี้ว่า “ข่าวที่น่าตื่นเต้นที่สุดเกี่ยวกับบันทึกของเจเอฟเคนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990”
“เอกสารสำคัญหลายฉบับได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ” เขากล่าว
มอร์ลีย์ กล่าวว่า มีเอกสารจำนวนหนึ่งที่ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตาม ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ของซีไอเอ ซึ่งขอบเขตของการติดตามเพิ่งจะชัดเจนขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
มอร์ลีย์กล่าวว่า “เขาเป็นประเด็นที่ซีไอไอให้ความสนใจเป็นอย่างมาก” มานานก่อนการลอบสังหาร
ฟิลิป ชีนอน ซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับคดีลอบสังหารที่ตีพิมพ์ออกมาในปี 2013 กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า เอกสารที่ถูกเผยแพร่ชุดก่อนหน้านี้บรรยายว่าออสวอลด์เดินทางไปยังเม็กซิโก ซิตี ในเดือน ก.ย. 1963 ซึ่งเป็นเวลาหลายเดือนก่อนเกิดการลอบสังหาร
ชีนอนกล่าวว่า ซีเอไอเฝ้าจับตาเขาอยู่แล้วในตอนนั้น “มันมีเหตุผลอันเชื่อได้ว่าเขา [ออสวอลด์] พูดอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการลอบฆ่าเคนเนดี้ในเม็กซิโก ซิตี และมีคนได้ยินเขาพูดเช่นนั้น”
ในบันทึกที่เผยแพร่เมื่อเดือน เม.ย. 1975 ซีไอเอได้ลดความสำคัญของข้อมูลที่ทราบเกี่ยวกับการเดินทางของออสวอลด์ไปยังเม็กซิโก ซิตี ตามการรายงานของเอพี ซีไอเอยังบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างออสวอลด์กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สถานทูตโซเวียต แต่สามารถระบุแต่เพียงเสียงของออสวอลด์ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ที่มาของภาพ,Reuters/Dallas Police Department
เปิดเผยวิธีการสืบข่าวกรอง
เอกสารหลายฉบับให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคนิคการรวบรวมข่าวกรองในขณะนั้น ซึ่งเปิดมุมมองความเข้าใจต่อปฏิบัติการของสงครามเย็น
บันทึกที่ไม่ได้แก้ไขอีกฉบับเป็นบันทึกฉบับสมบูรณ์ยิ่งขึ้นของอาร์เธอร์ ชเลซิงเจอร์ ผู้ช่วยของเคนเนดี้ บันทึกฉบับใหม่ที่ตีพิมพ์นี้วิจารณ์ซีไอเอและบทบาทของซีไอเอในการกำหนดนโยบายต่างประเทศ โดยเผยให้เห็นว่าซีไอเอมีบทบาทสำคัญยิ่งในสถานทูตสหรัฐฯ แม้แต่ในประเทศพันธมิตร เช่น ฝรั่งเศส
ชเลซิงเจอร์ เตือนเคนเนดี้เกี่ยวกับอิทธิพลของหน่วยข่าวแห่งนี้ที่มีต่อนโยบายต่างประเทศของอเมริกา แม้ว่าเอกสารดังกล่าวจะไม่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารโดยตรง แต่ก็ให้ข้อมูลอีกชิ้นหนึ่งแก่บรรดานักประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่างประธานาธิบดีและหน่วยข่าวกรอง
เดวิด บาร์เร็ตต์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา ผู้เชี่ยวชาญด้านซีไอเอและอำนาจของประธานาธิบดี กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วซีไอเอจะคัดค้านการเปิดเผยรายละเอียดของปฏิบัติการหรืองบประมาณใด ๆ
“เป็นเรื่องดีมากที่รัฐบาลจะเปิดเผยเอกสารเหล่านี้ แม้ว่าอาจมีการแก้ไขบางส่วนก็ตาม” เขากล่าว
ส่วนที่ไม่ได้แก้ไขของเอกสารฉบับหนึ่งให้รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้การสแกนด้วยเครื่องฟลูออโรสโคป ซึ่งเป็นการใช้รังสีเอ็กซเรย์ในการสร้างภาพแบบเรียลไทม์ที่แสดงภายในวัตถุ
เทคนิคนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อตรวจจับไมโครโฟนที่ซ่อนอยู่ ซึ่งอาจใช้ดักฟังในสำนักงานซีไอไอ
นอกจากนี้ในเอกสารอีกฉบับ ซีไอไอบรรยายถึงระบบการติดแท็กและระบุตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ถูกดักฟังอย่างลับ ๆ โดยใช้สีที่มองเห็นได้ภายใต้แสงอัลตราไวโอเลตเท่านั้น
บันทึกฉบับนี้ยังกล่าวถึงชื่อของบุคคลด้วยนั่นคือ เจมส์ แม็คคอร์ด ซึ่งต่อมากลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกรุกอาคารวอเตอร์เกต การบุกรุกครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องอื้อฉาวที่ทำให้ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ต้องพ้นจากอำนาจ
ทฤษฎีเก่าฟื้นคืนชีพ
คนดังในโลกออนไลน์บางคนอ้างว่า เอกสารล่าสุดเปิดเผยรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับแผนการที่ถูกกล่าวหามานานต่อเคนเนดี้ แม้ว่าการเปิดเผยบางส่วนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจะได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะมานานหลายปีแล้วก็ตาม
นั่นรวมถึงโพสต์ที่กลายเป็นไวรัลหลายรายการเกี่ยวกับ แกรี อันเดอร์ฮิลล์ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
รายงานระบุว่า นายอันเดอร์ฮิลล์อ้างว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ซีไอเออยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่เผยแพร่อย่างเปิดเผยในนิตยสารแนวความคิดฝ่ายซ้ายที่ชื่อว่า แรมพาร์ทส ( Ramparts) เมื่อปี 1967 การเสียชีวิตของนายอันเดอร์ฮิลล์ในปี 1964 ถูกระบุสาเหตุว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ทางนิตยสารแสดงความสงสัยในประเด็นนี้เช่นกัน
ภาพถ่ายของบันทึกความยาว 7 หน้าเกี่ยวกับนายอันเดอร์ฮิลล์ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตเมื่อวันอังคาร (18 มี.ค.) แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เรื่องราวของเขาเป็นประเด็นถกเถียงกันทางออนไลน์มานานแล้ว และบันทึกของซีไอไอที่กล่าวถึงเรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกในปี 2017
ในการเปิดเผยเอกสารครั้งล่าสุด มีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ได้ถูกแก้ไขหรือปกปิดเพียงแค่บางประโยคในหน้าเดียวของบันทึกเท่านั้น
สิ่งสำคัญคือ ทฤษฎีนี้มีพื้นฐานมาจากคำบอกเล่าของผู้อื่นที่เผยแพร่หลังจากการเสียชีวิตของนายอันเดอร์ฮิลล์ และไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดใด ๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในทฤษฎีที่ไม่ได้รับการพิสูจน์จำนวนหนึ่งซึ่งแพร่หลายหลังจากที่มีการเปิดเผยไฟล์ดังกล่าว
ไฟล์เอกสารต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดอย่างสมบูรณ์หรือไม่ ?
กฎหมายในปี 1992 กำหนดให้ต้องเปิดเผยเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารภายใน 25 ปี แต่กฎหมายดังกล่าวมีข้อยกเว้นกรณีความมั่นคงของชาติ
การผลักดันให้มีความโปร่งใสมากขึ้นส่งผลให้มีการเผยแพร่เอกสารต่าง ๆ มากขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งในวาระแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสมัยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่เพิ่งเผยแพร่ชุดเอกสารไปเมื่อปี 2023
ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ข้อมูลใหม่นี้ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ขอให้เจ้าหน้าที่ของเขา “ไม่แก้ไขสิ่งใด ๆ” จากเอกสาร
ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นทั้งหมด เอกสารใหม่ยังคงมีการแก้ไขบางส่วน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าการเผยแพร่ครั้งล่าสุดถือเป็นก้าวย่างสำคัญในด้านความโปร่งใส
มอร์ลีย์ นักข่าวที่ติดตามประเด็นเจเอฟเคไฟล์ (JFK Files) กล่าวว่า ยังมีเอกสารอื่น ๆ อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เปิดเผยในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ และยังมีเอกสารอื่น ๆ ที่ซีไอเอและเอฟบีไอเก็บรักษาไว้ซึ่งยังไม่ได้ถูกตรวจสอบด้วย
แม้ว่าอาจจะมีการเผยแพร่เนื้อหาเพิ่มเติมตามมา เช่นเดียวกับคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการสังหาร โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ ซีเนียร์ และ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ แต่คำถามเกี่ยวกับการลอบสังหารเจเอฟเคจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน
“เมื่อใดก็ตามที่เกิดการลอบสังหาร เมื่อนั้นก็จะมีการถกเถียงกัน และในระดับหนึ่งก็จะมีทฤษฎีสมคบคิดเกิดขึ้น” บาร์เร็ตต์ นักประวัติศาสตร์แห่งวิลลาโนวา กล่าวและว่า “สิ่งนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพราะเอกสารเหล่านี้หรือเอกสารอื่น ๆ”
- จค ฮอร์ตัน, ชายาน ซาร์ดาริซาเดห์, ไมค์ เวนดลิง บีบีซี
- Role,บีบีซี เวริฟาย (BBC Verify) และบีบีซีนิวส์
———————————————————————————————————————————————-
ที่มา : BBC / วันที่เผยแพร่ 20 มีนาคม 2568
Link : https://www.bbc.com/thai/articles/cy7x3y762jmo