อินโดนีเซียเปิดปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรง หลังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายหลายระลอกในสุราบายา เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอินโดนีเซีย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 25 คน ซึ่งรวมถึงมือระเบิดฆ่าตัวตาย 13 คนและผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต
การโจมตีต่อเนื่องนี้นับว่าเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดของอินโดนีเซียในรอบกว่า 10 ปี
โฆษกตำรวจชวาตะวันออก ฟรานส์ บารัง กล่าวว่าวันนี้ ตำรวจได้ล้อมจับผู้ต้องสงสัย 7 คน ซึ่ง 2 ใน 7 นั้นถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
“พวกเขาวางแผนที่จะก่อเหตุในหลายพื้นที่ แต่แผนล้มเหลวเสียก่อน” นายบารัง กล่าวระหว่างแถลงข่าว แต่ไม่ได้บอกว่าพื้นที่เหล่านั้นเป็นที่ใดบ้าง
ตั้งแต่วันอาทิตย์ (13 พ.ค.) มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นในสุราบายา เมืองหลวงของจังหวัดชวาตะวันออก แล้วถึง 5 ครั้ง สามครั้งแรกเกิดขึ้นช่วงเช้าวันอาทิตย์ในโบสถ์สามแห่งในเมือง ครั้งที่สี่เกิดขึ้นที่อพาร์ทเมนท์อีกด้านหนึ่งของเมืองในวันเดียวกัน ก่อนจะเกิดการโจมตีที่สำนักงานตำรวจของสุราบายาในวันนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 5
ลำดับเวลาโดยประมาณ (ตามเวลาท้องถิ่น)
6 สมาชิกในครอบครัวเดียวกันเริ่มก่อเหตุโจมตีเมื่อวันอาทิตย์
1. 7:30 น. ลูกชายวัยรุ่นขับขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปยังโบสถ์ซานตา มาเรีย คาทอลิก และจุดชนวนระเบิด
2. 7:35 น. ผู้เป็นพ่อขับรถขับรถที่บรรทุกระเบิดวิ่งเข้าโจมตีโบสถ์เพนเทคอสต์ สุราบายา เซ็นเตอร์
3. ไม่กี่นาทีต่อมา ผู้เป็นแม่ พร้อมด้วยลูกสาว 2 คน ก่อเหตุระเบิดที่โบสถ์คริสเตียน อินโดนีเซีย ดีโปเนโกโร
4. 21:00 น. เกิดเหตุระเบิดที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ตำรวจระบุว่า เกิดจากความไม่ชำนาญของผู้ประกอบระเบิด ซึ่งเป็นเพื่อนของหัวหน้าครอบครัวแรก
ครอบครัวที่สองก่อเหตุโจมตีในวันจันทร์
5. 8:50 น. ครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คนขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ในสำนักงานตำรวจ ก่อนจะจุดชนวนระเบิด
ใครเป็นผู้ก่อเหตุ?
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติโต คาร์นาเวียน ซึ่งเดินทางมาที่สุราบายา ระบุว่าระเบิด 5 ครั้งเกิดขึ้นจากฝีมือของสามครอบครัว ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มจามาอะห์ อันชารุท เดาเลาะห์ (Jemaah Ansharut Daulah – JAD) กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับอิทธิพลจากกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม หรือ ไอเอส
ระเบิดสามครั้งที่โบสถ์เป็นฝีมือของครอบครัวที่มีด้วยกัน 6 คน ซึ่งหัวหน้าครอบครัว ดิตา ฟูทริอันโต เป็นหัวหน้ากลุ่มย่อยของ JAD ในพื้นที่ ตำรวจกล่าวว่าดิตา ขับรถที่เต็มไปด้วยระเบิดโจมตีโบสถ์แห่งหนึ่ง หลังไปส่งภรรยาและลูกสาวสองคนที่มีวัยเพียง 9 และ 12 ขวบไปปฏิบัติการที่โบสถ์อีกแห่งหนึ่ง ขณะที่ลูกชายวัยรุ่น 2 คนก็ขับรถจักรยานยนต์ไปโจมตีอีกที่ สมาชิกครอบครัวนี้ทั้งหมดเสียชีวิตจากแรงระเบิด
ส่วนการโจมตีสำนักงานตำรวจสุราบายาวันนี้ เกิดขึ้นโดยครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิก 5 คน ที่หัวหน้าครอบครัวมีชื่อต้นโดยย่อ ว่า ทีเอ็ม โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ แรงระเบิดทำให้ผู้ก่อการ 4 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เหลือเพียงเด็ก 1 คนที่ถูกพาไปก่อเหตุด้วย รอดชีวิตเพราะถูกเหวี่ยงกระเด็นออกมาเสียก่อน
ในขณะที่เหตุระเบิดที่อพาร์ทเมนท์นั้นเกิดขึ้นในขณะประกอบระเบิดเตรียมการโจมตี และมีผู้เสียชีวิต 3 คน ซึ่งก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกันเช่นกัน ติโตกล่าวว่า “เมื่อเราไปถึงก็พบว่าระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากคนทีประกอบระเบิดที่อยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งนั้นไม่มีความชำนาญ” และเขายังได้บอกอีกว่า คนที่ประกอบระเบิดชื่อ แอนทัน เป็นเพื่อนของดิตา หัวหน้าครอบครัวที่ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์
ผู้บัญชาตำรวจ ติโต กล่าวว่า ชนิดของระเบิดที่ใช้โจมตีสุราบายานั้นเป็น ไปป์บอมบ์ หรือ ระเบิดท่อ ที่ใช้ส่วนผสมดินปืนแบบที่ไอซิสนั้นนิยมใช้ในอิรักและซีเรีย ซึ่งมีแรงทำลายล้างสูงมาก ทำให้มีสมญาว่า “มารดาแห่งซาตาน” อย่างไรก็ตามส่วนผสมนี้มีความเสถียรต่ำ สามารถที่จะระเบิดขึ้นเองโดยไม่ต้องมีการจุดระเบิด
ผู้บัญชาตำรวจกล่าวอีกว่า เหตุโจมตีสุราบายาหลายระลอกนี้มีสาเหตุมาจาก กลุ่ม JAD ต้องการแก้แค้น เพราะหัวหน้ากลุ่ม อามาน อับเดอร์รามาน ถูกจับเมื่อปีที่แล้ว หลังจากนั้น ซาเอนาล อันสารี ซึ่งเป็นหัวหน้า JAD ในชวาตะวันออกก็ถูกจับตามมา “ซึ่งทำให้ JAD ในชวาตะวันออกโกรธแค้น และหาทางเอาคืน” ติโตกล่าว
ด้านประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ได้ไปดูสถานที่เกิดเหตุ และกล่าวว่าเป็นการโจมตีที่ “ป่าเถื่อน” ของ “คนขลาด” และเขาได้สั่งให้ตำรวจ “สืบสวนและทำลายเครือข่ายของผู้ก่อการให้ได้”
การแผ่อิทธิพลเข้ามาของไอเอส
การโจมตีระลอกนี้นับว่าเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดของอินโดนีเซียในรอบมากกว่า 10 ปี ประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ก็ตกเป็นเป้าก่อเหตุของมุสลิมหัวรุนแรงอยู่เนือง ๆ เมื่อปี 2002 กองกำลังที่เกี่ยวพันกับกลุ่มอัลกออิดะห์ก่อเหตุวางระเบิดที่เมืองบาหลี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 คน และในปี 2005 ก็เกิดเหตุระเบิดพลีชีพที่บาหลีอีกครั้ง คร่าชีวิตผู้คนไป 20 คน และในปีเดียวกันก็มีเหตุที่สุลาเวสีทำให้มีผู้เสียขีวิต 22 คน
หลังจากนั้นทางการอินโดนีเซียก็เริ่มปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายอย่างเข้มงวดทำให้เหตุต่าง ๆ หายไปเป็นชั่วระยะหนึ่ง แต่ก็เริ่มกลับมาอีกเมื่อไอเอสเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลของตนเข้ามาในอินโดนีเซีย การโจมตีครั้งแรกของไอเอสต่ออินโดนีเซียนั้นเริ่มขึ้นเมื่อสองปีก่อน โดยผู้ภักดีต่อไอเอสก่อเหตุระเบิดและกราดยิงในกรุงจาการ์ตา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และไอเอสก็ได้ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีอีกหลายครั้ง และหลังเกิดเหตุสามครั้งที่โบสถ์เมื่อวันอาทิตย์ ไอเอสก็ออกมากล่าวว่าเป็นฝีมือของกลุ่มตนเช่นเดียวกัน
——————————————————————————————————————————————————-
ที่มา : BBC Thai / วันที่ 13 พ.ค.2561
ลิงก์ : https://www.bbc.com/thai/international-44098136?ocid=wsthai.chat-apps.in-app-msg.line.trial.link1_.auin