In this April 23, 2020, file photo, President Donald Trump’s name is seen on a stimulus check issued by the IRS to help combat the adverse economic effects of the COVID-19 outbreak, in San Antonio. President Donald Trump, Treasury Secretary Steven…
ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 รัฐบาลอเมริกันอัดฉีดความช่วยเหลือมูลค่าหลายล้าน ๆ ดอลลาร์ สู่ประชาชน อย่างไรก็ตามเงินจำนวนมากถูกแอบอ้างนำไปใช้โดยมิจฉาชีพ
สำนักข่าวเอพีออกรายงานเชิงวิเคราะห์ที่ประเมินว่า รัฐบาลอเมริกันอาจโดนต้มโดยนักฉวยโอกาส เป็นเงินกว่า 2 เเสน 8 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น เอพี วิเคราะห์ว่า เงินอีกจำนวนหนึ่งราว 1 แสน 2 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์ ถูกใช้ไปอย่างผิดวัตถุประสงค์
เป็นไปได้อย่างมากว่ามูลค่าเงินที่ถูกโกงจะเพิ่มขึ้นเมื่อดูลึกลงไปถึงกระบวนการต้มตุ๋นที่อาจเกิดขึ้นในช่วงราว 3 ปีที่ผ่านมา
รายงานชิ้นนี้ประเมินว่า 10% ของงบประมาณที่ใช้ไปแล้ว 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับการช่วยเหลือด้านโควิด-19 เป็นส่วนที่ถูกใช้อย่างไม่ถูกต้อง จนก่อให้เกิดความสูญเสียต่อรัฐ
ปัจจุบันรัฐบาลบาลอเมริกันได้ตั้งข้อหาจำเลยทั้งหมดกว่า 2,230 คน ในคดีอาญาจากการฉ้อโกงเงินช่วยเหลือช่วงการระบาดใหญ่ และกำลังสอบสวนกรณีต้องสงสัยอีกหลายพันคดี
ผู้ตรวจสอบความผิดพลาดและนักวิเคราะห์กล่าวว่า ช่องโหว่เกิดขึ้นในเวลานั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลต้องการรีบใช้เงินเพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจ จนกระทั่งไม่มีเวลามากพอที่จะกำกับดูเเล ในช่วงต้นของการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส
แดน ฟรัชเตอร์ หัวหน้าหน่วยงานของสำนักงานอัยการสหรัฐ ฯ เขตตะวันออกของกรุงวอชิงตัน ผู้ซึ่งดูเเลงานที่เกี่ยวกับคดีอาญาที่ก่อขึ้นโดยผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี หรือ white-collar crimes กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่จูงใจคนให้กระทำผิดในกรณีนี้คือ การเข้าถึงเงินที่ดูเหมือนจะมีมาอยู่เรื่อย ๆ และสามารถกระทำได้ได้โดยง่าย
วิกฤตการฉ้อโกงเกิดขึ้นหนักที่สุดที่หน่วยงานบริหารธุรกิจขนาดเล็ก หรือ Small Business Administration หรือ SBA ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้รับความสนใจ แต่เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ เงินมหาศาลถูกจัดสรรมาสู่องค์กรนี้
ก่อนหน้าการเกิดการระบาด หน่วยงาน SBA ออกเงินกู้บรรเทาทุกข์เหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ รวมระยะเวลา 70 ปี มูลค่าทั้งหมด 6 หมื่น 7 พันล้านดอลลาาร์ตามรายงานของเอพี
แต่เฉพาะช่วงเดือนมี.ค. ถึง ก.ค. 2020 องค์กรนี้ให้กู้เงินมูลค่าเฉียด 1 แสน 7 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติจากโคโรนาไวรัส ตามข้อมูลในรายงานของผู้ตรวจการ SBA
การที่ต้องทำงานอย่างเร่งรีบทำให้ผู้ขอกู้เงินจาก SBA สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ยืนยันความถูกต้องเองสำหรับในสมัครขอรับเงินกู้
ในตอนเเรกของการเบิกจ่าย ยังมีข้อห้ามมิให้ SBA ตรวจสอบประวัติการจ่ายภาษีของผู้ขอรับเงินกู้ เเต่ในเวลาต่อมาการผ่อนคลายนี้ถูกยกเลิกไปตอนสิ้นปี 2020
ไมเคิล ฮอโรวิตซ์ ผู้ตรวจการของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และประธานกรรมการตรวจสอบโครงการรับมือการระบาดใหญ่ของโควิด-19 กล่าวว่า สหรัฐฯ มีฐานข้อมูลที่ปกป้องมิให้เงินจากรัฐถึงมือผู้ที่ขาดคุณสมบัติ เช่น บุคลลที่ถูกศาลตัดสินว่าโกงภาษี
แต่ฮอโรวิตซ์กล่าวว่า รัฐบาลอเมริกันไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลนี้เร็วพอในการสกัดนักต้มตุ๋นช่วงโควิด-19
นักการเมืองสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันและเดโมเเครตต่างวิจารณ์กันไปมา โดยรีพับลิกันกล่าวว่า เกิดการปล่อยปละละเลยจนทำให้เงินมหาศาลเป็นเป้าของการโกงและใช้อย่างเปล่าประโยชน์ ทั้งยังก่อให้เกิดเงินเฟ้อ
ขณะที่ เดโมเเครตแย้งว่า เป็นเพราะความช่วยเหลือที่เกิดขึ้นจากรัฐบาล ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้ คนยังมีงานทำ และประชาชนได้รับความช่วยเหลือจากการระบาดที่อาจคร่าชีวิตพวกเขาไปได้
อย่างไรก็ตาม นักการเมืองจากทั้งสองพรรคสามารถหาจุดที่เห็นตรงกันเมื่อปีที่เเล้วว่า รัฐบาลกลางควรมีเวลามากขึ้นในการตามตัวนักต้มตุ๋นมารับโทษ
เมื่อเดือนส.ค.ปีที่เเล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเพิ่มเวลาการมีผลบังคับใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นใน 2 โครงการของ SBA จากเดิม 5 ปีเป็น 10 ปี
จีน สเปอริง ผู้บริหารโครงการความช่วยเหลือ American Rescue Plan ของรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยถอดบทเรียนที่อาจเป็นประโยชน์ในอนาคต
เขากล่าวว่า โครงการช่วยเหลือภัยพิบัติของรัฐ ไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างความเร่งรีบ กับการปล่อยปละละเลยต่อการกระทำผิด โดยระบุว่า รัฐควรหาทางเดินเรื่องมอบความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสามารถทำได้ไปพร้อม ๆ กับการคัดกรองเเละป้องกันมิจฉาชีพ
ที่มา: เอพี
—————————————————————————————————————————————-
ที่มา : VOA Thai / วันที่เผยแพร่ 14 มิ.ย.66
Link : https://www.voathai.com/a/7135595.html