รอยันหลานบวช! ‘จดหมายลับควีนเอลิซาเบธ’ ฝากไว้ที่ ‘ซิดนีย์’ ห้ามเปิดอ่านจนกว่าจะถึงปี 2085

Loading

  อีกหนึ่งเรื่องราวปริศนาที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ โดยครั้งหนึ่งทรงมีพระราชหัตเลขา “ลับสุดยอด” ฝากไว้ให้ชาวนครซิดนีย์ในออสเตรเลีย และทรงกำชับหนักหนาว่า “ห้ามเปิดอ่านเด็ดขาด” จนกว่าจะถึงปี ค.ศ.2085   สมเด็จพระราชินีนาถซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะมีพระชนมายุ 96 พรรษา ได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ไว้เมื่อปี 1986 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการบูรณะอาคารควีนวิกตอเรีย (Queen Victoria Building) ซึ่งเกิดขึ้นในปีเดียวกัน   อาคารหลังนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1898 และได้รับการตั้งชื่อตามพระนามของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย และถือเป็นหนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของนครซิดนีย์   สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงฝากพระราชหัตถเลขาปิดผนึกไว้กับนายกเทศมนตรีซิดนีย์ และทรงมีพระราชเสาวนีย์ว่า “ณ วันที่ท่านคิดว่าเหมาะสมในปี ค.ศ.2085 ขอให้ท่านช่วยเปิดจดหมายนี้ออกอ่าน และแจ้งเนื้อความให้พลเมืองซิดนีย์ได้ทราบด้วย”   แม้ข้อความในพระราชหัตถเลขาจะยังคงเป็นความลับอยู่ แต่มีผู้คาดเดาว่าพระองค์น่าจะทรงขอบใจชาวซิดนีย์ที่ได้เก็บรักษาและซ่อมแซมอาคารประวัติศาสตร์เอาไว้ หลังจากที่มันเกือบจะถูกรื้อทิ้งเพื่อทำเป็นลานจอดรถ   เมื่อปี 1986 บริษัทสัญชาติมาเลเซียได้ทำสัญญาเช่าอาคารควีนวิกตอเรียเป็นระยะเวลา 99 ปี หรือเท่ากับว่าจะสิ้นสุดสัญญาในปี 2085 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่พระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระราชินีนาถจะถูกเปิดอ่านพอดี   ปัจจุบัน…

เอาจริง! จีนเล็งเพิ่มบทลงโทษภายใต้กฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์

Loading

  สำนักงานบริหารไซเบอร์สเปซของจีน (ซีเอซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลความมั่นคงทางไซเบอร์ของจีน เสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ของประเทศหลายชุด รวมถึงการเพิ่มโทษปรับของการละเมิดบางประการ โดยระบุว่าต้องการทำเช่นนั้นเพื่อปรับปรุงการประสานงานกับกฎหมายใหม่อื่น ๆ   สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่า ซีเอซี กล่าวว่า ทางหน่วยงานต้องการมุ่งเสนอบทลงโทษที่จะทำให้ผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานของข้อมูลสำคัญ ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย ถูกปรับสูงถึง 5% ของรายได้ในปีที่แล้วของพวกเขา หรือเป็น 10 เท่าของจำนวนเงินที่พวกเขาจ่ายให้กับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ   นอกจากนี้ ซีเอซียังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทางหน่วยงานต้องการเพิ่มค่าปรับสำหรับการละเมิดบางอย่าง จากเดิมในช่วงก่อนหน้านี้ที่สูงถึง 100,000 หยวน (ประมาณ 527,000 บาท) เป็น 1 ล้านหยวน (ประมาณ 5.27 ล้านบาท) ซึ่งการแก้ไขที่มีการเสนอไปนั้น จะเปิดรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากสาธารณชนจนถึงวันที่ 29 ก.ย.นี้   China’s cyberspace regulator has proposed…

เกาหลีใต้สั่งปรับ Google และ Meta เป็นเงิน 100,000 ล้านวอนจากการละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัว!

Loading

  คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเกาหลีใต้สั่งปรับ Google และ Meta รวมเป็นเงิน 100,000 ล้านวอน (ราว 2,600 ล้านบาท) เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทได้ละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัว โดยนี่เป็นค่าปรับที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้จนถึงปัจจุบัน และเป็นครั้งแรกที่มีการปรับจากพฤติกรรมการใช้ข้อมูลเพื่อการโฆษณาเฉพาะบุคคล (customized advertising)   Google ถูกปรับมากกว่า Meta ด้วยจำนวนเงิน 69,200 ล้านวอน (ประมาณ 1,800 ล้านบาท) ในขณะที่ Meta ถูกปรับ 30,800 ล้านวอน (ประมาณ 800 ล้านบาท) โดยทั้ง 2 บริษัทถูกปรับในข้อหาที่ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อนที่จะเก็บข้อมูลผ่านเว็บไซต์บุคคลที่ 3 และแอปบุคคลที่ 3   คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพบว่า Google ไม่ได้แจ้งผู้ใช้อย่างถูกต้องว่าจะมีการเก็บและใช้ข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้ใช้ รวมถึงได้ลงโทษ Google จากการตั้งค่าตัวเลือกเริ่มต้นเป็น ‘ยินยอม’ ในขณะที่แอบซ่อนตัวเลือกอื่น ๆ ภายใต้ปุ่ม ‘More options’…

ยธ.มะกันรับข้อเสนอทรัมป์ ตั้ง ‘ผู้ดูแลพิเศษ’ ดูคดีเอกสารลับอดีต ปธน.

Loading

REUTERS   ยธ.มะกันรับข้อเสนอทรัมป์ ตั้ง ‘ผู้ดูแลพิเศษ’ ดูคดีเอกสารลับอดีต ปธน.   กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาประกาศเมื่อวันที่ 12 กันยายนว่า จะยอมรับการแต่งตั้งหนึ่งในผู้พิพากษาตามข้อเสนอของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เป็น “ผู้ดูแลพิเศษ” ในการสืบสวนคดีเอกสารลับที่ถูกสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ยึดมาจาก มาร์-อา-ลาโก บ้านพักของทรัมป์ในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไอลีน แคนนอน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐ ยอมรับต่อข้อเรียกร้องของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต้องการเสนอชื่อนักทบทวนอิสระ ที่จะมาทำหน้าที่ทบทวนเอกสารความลับดังกล่าวหลายร้อยชิ้น   กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุผ่านการพิจารณาในชั้นศาลในวันเดียวกันว่า จะยอมรับการแต่งตั้งผู้พิพากษา เรย์มอนด์ เดียร์ลี จากศาลแขวงทางตะวันออกของนครนิวยอร์ก ตามข้อเสนอของนายทรัมป์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยุติธรรมได้ทำการเสนอชื่อ อดีตผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลาง ได้แก่ บาร์บารา โจนส์ และโทมัส กริฟฟิธ อีกทั้งยังระบุด้วยว่าจะยอมรับใครก็ตามจาก 3 คนนี้ เนื่องจากประสบการณ์ในศาลรัฐบาลกลางและเคยมีส่วนร่วมกับพื้นที่ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง   อย่างไรก็ดี ทีมกฎหมายของนายทรัมป์ได้ปฏิเสธการเสนอชื่ออดีตผู้พิพากษาทั้ง 2 จากทางการสหรัฐ โดยไม่ได้ระบุเหตุผลการคัดค้านการแต่งตั้งอดีตผู้พิพากษาโจนส์ และอดีตผู้พิพากษากริฟฟิธ โดยอ้างว่าจะเป็นการกระทำที่เคารพต่อผู้พิพากษาเหล่านั้นมากกว่า เพราะอาจต้องเผชิญกับการต่อต้านจากสาธารณะ…

ข้อมูลลูกค้า The North Face เกือบ 200,000 รายถูกเจาะ

Loading

  The North Face แบรนด์เครื่องแต่งกายสายลุยถูกแฮ็กเกอร์เจาะข้อมูลบัญชีลูกค้าไปถึง 194,905 บัญชีบนเว็บไซต์ thenorthface.com   แฮ็กเกอร์ปริศนารายนี้สามารถเจาะเข้าไปยังข้อมูลลูกค้าบนเว็บไซต์ของ The North Face ด้วยการใช้ข้อมูลชื่อผู้ใช้ อีเมล และรหัสผ่านที่ได้มาจากข้อมูลที่เคยรั่วไหลมาจากเว็บไซต์อื่น   การเจาะเข้าไปยังเว็บไซต์ของ The North Face เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม แต่ผู้ดูแลเว็บไซต์ตรวจพบความผิดปกติในวันที่ 11 สิงหาคม และสามารถหยุดยั้งความพยายามเจาะข้อมูลได้ในวันที่ 16 สิงหาคม   The North Face ระบุว่าข้อมูลของลูกค้าที่เสี่ยงถูกขโมยไป ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ประวัติการซื้อ ที่อยู่เรียกเก็บเงิน ที่อยู่ส่งสินค้า เบอร์โทรศัพท์ วันที่สร้างบัญชี เพศ และข้อมูลการใช้แต้ม XPLR Pass (แต้มซื้อสินค้าสำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา)   ทั้งนี้ ข้อมูลการชำระเงินอย่างบัตรเครดิต ไม่ได้เก็บไว้บนเว็บไซต์ ดังนั้นจึงปลอดภัยจากการโจมตี   หลังการที่ทราบข่าวการโจมตี ทาง…

แฮ็กเกอร์นำข้อมูลลับทางทหารของโปรตุเกสไปขายบนดาร์กเว็บ

Loading

  ข้อมูลลับที่อ้างว่าถูกแฮ็กไปจากกองบัญชาการทหารโปรตุเกส (Armed Forces General Staff – EMGFA) ถูกนำไปขายในดาร์กเว็บ   EMGFA เพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนแฮ็กไปก็เมื่อแฮ็กเกอร์ได้เผยตัวอย่างของเอกสารที่ขโมยไปได้บนดาร์กเว็บ โดยมีการเสนอขายข้อมูลดังกล่าวต่อผู้ที่สนใจ   เจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ตรวจพบการขายเอกสารดังกล่าวและได้แจ้งเตือนต่อสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส ซึ่งก็ได้เตือนต่อไปยังรัฐบาลโปรตุเกส   เมื่อได้รับการแจ้งเตือนแล้ว สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Office – GNS) และศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของโปรตุเกสได้เข้าตรวจสอบระบบเครือข่ายของ EMGFA ทันที   ทั้งนี้ สำนักข่าวท้องถิ่น Diario de Noticias อ้างว่าได้ตรวจสอบกับแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อซึ่งมีความใกล้ชิดกับกระบวนการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพบว่าข้อมูลที่มีการเสนอขายบนดาร์กเว็บนั้นเป็นของจริง   แหล่งข่าวดังกล่าวระบุว่าเอกสารที่หลุดออกมานั้นมีความร้ายแรงสูงมาก การเผยแพร่ออกไปอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างร้ายแรง โดยอ้างต่อไปว่าแฮกเกอร์ได้ใช้บอตที่มีความสามารถในการตรวจพบเอกสารชนิดนี้ในการแทรกซึมเข้ามาในระบบ อีกทั้งยังเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้เวลานานและไม่สามารถตรวจพบได้   ณ ขณะนี้ ทางรัฐบาลโปรตุเกสยังไม่มีการออกมาแถลงใด ๆ แต่สมาชิกรัฐสภาหลายรายออกมาแสดงความประหลาดใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องที่หน่วยงานด้านข่าวกรองไม่สามารถตรวจพบการแฮ็กได้เลย และขอให้ประธานคณะกรรมาธิการทหารของรัฐสภาออกมาดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด     ที่มา Bleeping Computer  …