สตาร์ทอัพอิตาลี ออกแบบลายเสื้อ AI จับไม่ได้ กันสแกนหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

Loading

  ใส่เสื้อนี้ AI จับเราไม่ได้แน่นอน! สตาร์ทอัพอิตาลี ออกแบบลายเสื้อสุดอาร์ต ป้องกันการสแกนใบหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากล้องวงจรปิด Cap_able สตาร์ทอัพสัญชาติอิตาลี คิดค้นลายเสื้อสุดอาร์ตที่ถูกออกแบบมาเพื่อหลอกล่อ ระบบปัญญาประดิษฐ์ ไม่ให้สามารถตรวจจับตัวคนและสแกนใบหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล เช่น รูปหน้า เค้าโครงหน้า และลักษณะร่างกาย   ลายเสื้อนี้ไม่ได้ออกแบบมั่ว ๆ แต่เป็นการใช้ AI สู้กับ AI   ลายเสื้อของ Cap_able ถูกออกแบบโดย ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้โจทย์ที่ต้องการให้ระบบตรวจจับใบหน้าและร่างกายด้วย AI จากกล้องวงจรปิดตรวจจับไม่ได้   เสื้อหลอก AI   Rachele Didero ผู้ร่วมก่อตั้ง Cap_able ระบุว่า ระบบตรวจจับใบหน้าและร่างกายด้วย AI จากกล้องวงจรปิด มักจะถูกเขียนระบบให้ไม่ตรวจจับสัตว์ ดังนั้นวิธีการป้องกันไม่ให้กล้องเหล่านั้นตวรจจับคนคือ การจำลองลวดลายของสัตว์เหล่านั้น เช่น ยีราฟ และ ม้าลาย แต่ใช้สีที่แตกต่างเพื่อให้ยังคงเป็นแฟชั่นของมนุษย์อยู่นั่นเอง   เสื้อหลอก AI  …

Google เตือนพนักงาน ให้ระมัดระวังการป้อนข้อมูลบริษัทลงในแชตบอท AI แม้แต่ Bard ก็ไม่เว้น

Loading

  สำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าวภายในพนักงาน Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล 4 คน ยืนยันว่าบริษัทได้ให้คำแนะนำกับพนักงาน ระมัดระวังการใช้งานแชตบอท AI ทุกชนิด ซึ่งรวมทั้ง Bard แชตบอทของบริษัทด้วย ไม่ให้ป้อนข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทลงไป ซึ่งถือเป็นนโยบายพื้นฐานอยู่แล้วในการดูแลควบคุมข้อมูลภายใน   นอกจากข้อมูลที่เป็นความลับบริษัท Alphabet ยังเตือนวิศวกรให้เลี่ยงการนำโค้ดที่ถูกเขียนโดยแชตบอทไปใช้งาน ซึ่งเป็นหนึ่งในความสามารถของแชตบอท AI ที่ได้รับความนิยม   ประกาศภายในของกูเกิลนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด หลายบริษัทได้ออกคำเตือนหรือห้ามพนักงานในการใช้งานแชตบอท AI เพื่อป้องกันปัญหาข้อมูลรั่วไหล ไม่ว่าจะเป็น ซัมซุง อเมซอน หรือแอปเปิล ขณะที่กูเกิลเองก็ขึ้นคำแนะนำในการใช้งานแชตบอท Bard สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปด้วยว่าอย่าป้อนข้อมูลที่เป็นความลับในการสนทนา   ที่มา: Reuters   ————————————————————————————————————————————————————————————————————–   ที่มา : blognone    /   วันที่เผยแพร่ 17 มิ.ย.66 Link : https://www.blognone.com/node/134409

ข้อมูลชาวอเมริกันรั่วไหลนับล้านราย หลังรัฐบาลกลางของ 2 รัฐถูกแฮ็ก

Loading

สำนักงานยานพาหนะของรัฐบาลกลางรัฐลุยเซียนาและโอเรกอนถูกโจมตีทางไซเบอร์ ข้อมูลประชาชนรั่วไหลกว่า 6 ล้านรายการ ทางการสหรัฐฯ รายงานว่า สำนักงานยานพาหนะของรัฐบาลกลางรัฐลุยเซียนาและโอเรกอนถูกโจมตีทางไซเบอร์ เป็นเหตุให้ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนหลายล้านคนจากข้อมูลบัตรประชาชนและใบขับขี่ รั่วไหลออกมา การแฮกดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชาวโอเรกอน 3.5 ล้านคน ที่มีใบขับขี่หรือบัตรประจำตัวประชาชน และทุกคนที่มีเอกสารดังกล่าวในลุยเซียนา โดย เคซีย์ ทิงเกิล เจ้าหน้าที่อาวุโสสำนักงานผู้ว่าการรัฐลุยเซียนากล่าวว่า ข้อมูลมากกว่า 6 ล้านรายการถูกบุกรุก โดยบอกว่า ตัวเลขดังกล่าวมีการซ้ำซ้อนกัน เนื่องจากบางคนมีทั้งทะเบียนรถและใบขับขี่ สำหรับข้อมูลที่รั่วไหลออกมา มีหมายเลขประกันสังคมและหมายเลขใบขับขี่ด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแนะนำประชาชนเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตนเองจากการฉ้อโกงรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้ข้อมูลประจำตัว ทั้งนี้ จอห์น เบล เอ็ดเวิร์ดส์ เจ้าหน้าที่สำนักงานรัฐลุยเซียนาบอกว่า ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า แฮกเกอร์ได้ขายหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมยจากสำนักงานยานพาหนะของรัฐลุยเซียนา และแฮกเกอร์ไม่ได้ติดต่อกับทางการของรัฐเพื่อเรียกร้องค่าไถ่แต่อย่างใด ทั้งสองรัฐไม่ได้ออกมากล่าวโทษว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแฮกข้อมูลครั้งนี้ แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางระบุว่า คดีแฮกข้อมูลที่เพิ่มขึ้นนั้นใช้ช่องโหว่เดียวกันกับแก๊งแรนซัมแวร์ของรัสเซีย โดยแฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ถ่ายโอนไฟล์ยอดนิยมที่รู้จักกันในชื่อ MOVEit ซึ่งสร้างโดย Progress Software ในแมสซาชูเซตส์ องค์กรหลายร้อยแห่งทั่วโลกมีแนวโน้มที่ข้อมูลจะรั่วไหลออกมา หลังจากที่แฮกเกอร์ใช้ข้อบกพร่องเพื่อเจาะเครือข่ายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ หลายแห่ง รวมทั้งกระทรวงพลังงาน ก็ถูกโจมตีทางไซเบอร์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อธิบายว่า การโจมตีทางไซเบอร์เป็นการฉวยโอกาสและเกิดจากมิจฉาชีพหรือแฮกเกอร์ที่ต้องการเงินเป็นหลัก…

“แดเนียล เอลส์เบิร์ก” ผู้เปิดโปงเอกสารเพนตากอน ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว

Loading

  “แดเนียล เอลส์เบิร์ก” ผู้เปิดโปงเอกสารลับเพนตากอนเรื่องการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนในวัย 92 ปี “แดเนียล เอลส์เบิร์ก” อดีตนักวิเคราะห์ทางการทหารของสหรัฐฯ ผู้เปิดโปง “เพนตากอน เปเปอร์ส” หรือ “เอกสารเพนตากอน” เอกสารลับกว่า 7,000 หน้าที่บันทึกการมีส่วนร่วมทางการเมืองและการทหารของรัฐบาลสหรัฐฯ ในระหว่างสงครามเวียดนาม ถึงแก่อสัญกรรมในวัย 92 ปีที่บ้านพักในเมืองเคนซิงตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น แถลงการณ์ของครอบครัวระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตคือ โรคมะเร็งตับอ่อน หลังเอลส์เบิร์กประกาศว่าได้รับการวินัจฉัยว่าป่วยด้วยโรคดังกล่าวในเดือนมีนาคม โดยแพทย์ประเมินว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ 3 – 6 เดือน และเขาตัดสินใจไม่รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1960 “เอลส์เบิร์ก” ซึ่งทำงานเป็นนักวิเคราะห์ทางการทหารให้กับสถาบันแรนด์ (RAND Corporation) พบว่า สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามเวียดนามหลังจากเข้าถึงเอกสารลับที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลโกหกประชาชนอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการทำสงครามในเวียดนาม ข้อมูลจากเอกสารลับบางส่วน ระบุว่า ประธานาธิบดีลินดอน บี.จอห์นสัน ของสหรัฐฯ ในสมัยนั้น ชี้แจงว่า เป้าหมายในการทำสงครามเวียดนามคือเสรีภาพในเวียดนามใต้ แต่จากบันทึกของ “จอห์น…

สหรัฐเจอฤทธิ์แก๊งโจรไซเบอร์รัสเซีย เจาะระบบผ่านแอปโอนถ่ายข้อมูล

Loading

  หน่วยงานราชการของสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง โดนโจมตีจากแก๊งอาชญากรไซเบอร์จากรัสเซีย โดยอาศัยช่องทางผ่านแอปพลิเคชันดาวน์โหลดข้อมูลยอดนิยม   เอริก โกลด์สตีน ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริหารสำนักความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของสหรัฐ หรือ CISA แถลงเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2566 ว่า ขณะนี้ ทางสำนักงานกำลังให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานราชการของรัฐบาลกลางหลายแห่ง ที่พบการบุกรุกจากภายนอก โดยผ่านช่องทางการใช้งานแอปพลิชัน MOVEit   สำนักงาน CISA กำลังประเมินอย่างเร่งด่วนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที หนึ่งในหน่วยงานที่ยืนยันมาแล้วว่าโดนแฮ็กระบบคือกระทรวงพลังงาน   นอกเหนือจากหน่วยงานราชการหลายแห่งแล้ว ยังมีบริษัทและองค์กรเอกชนจำนวนมากที่โดนแฮ็กข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าว ทาง CISA ระบุว่า แก๊งอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อว่า CLOP เป็นผู้ลงมือโจมตีไปทั่วโลกในครั้งนี้   CLOP เป็นแก๊งอาชญากรไซเบอร์จากรัสเซีย มีพฤติกรรมการก่ออาชญากรรมในลักษณะของการแฮ็กเข้าระบบของหน่วยงานแล้วขโมยข้อมูล จากนั้นก็นำไปเรียกค่าไถ่ซึ่งมักจะอยู่ในระดับหลายล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่ปรากฏการเรียกร้องในลักษณะดังกล่าวต่อหน่วยงานราชการของสหรัฐ   เจน อีสเตอร์ลีย์ ผู้อำนวยการของ CISA กล่าวว่า ยังไม่พบผลกระทบที่ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในหน่วยงานราชการที่เป็นกิจการของพลเรือน และเสริมว่า กลุ่มแฮ็กเกอร์เพียงใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ เจาะเข้ามาในระบบเครือข่ายเพื่อมองหาโอกาสที่เป็นไปได้ในการก่ออาชญากรรม   การแฮ็กระบบทั่วโลกครั้งใหญ่นี้เริ่มต้นราว…

รายงานชี้ จีนอยู่เบื้องหลังแผนจารกรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่ทั่วโลก หน่วยงานรัฐโดนอ่วม

Loading

FILE PHOTO REUTERS   รายงานชี้ จีนอยู่เบื้องหลังแผนจารกรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่ทั่วโลก หน่วยงานรัฐโดนอ่วม   สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า Mandiant บริษัทด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของกูเกิลกล่าวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนว่า กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการหนุนหลังจากทางการจีนได้ใช้ช่องโหว่ทางความปลอดภัยของระบบรักษาความปลอดภัยของอีเมลที่ได้รับความนิยม เพื่อเจาะเข้าสู่เครือข่ายขององค์กรสาธารณะและเอกชนหลายร้อยแห่งทั่วโลก โดยเกือบ 1 ใน 3 ของทั้งหมดเป็นหน่วยงานรัฐบาล   นายชาร์ลส์ คาร์มาคาล ผู้บริหารระดับสูงด้านเทคโนโลยีของ Mandiant ระบุว่า “นี่คือแคมเปญจารกรรมทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดที่ทราบมาว่าดำเนินการโดยผู้คุกคามจากจีน นับตั้งแต่การแฮ็กเข้าสู่ระบบครั้งใหญ่ของ Microsoft Exchange เมื่อช่วงต้นปี 2021”   คาร์มาคาลกล่าวอีกว่า บรรดาแฮ็กเกอร์ได้ทำการโจมตีระบบป้องกันทางคอมพิวเตอร์ขององค์กรหลายร้อยแห่งให้เกิดช่องโหว่ โดยบางครั้งได้ทำการขโมยอีเมลของพนักงานคนสำคัญที่ทำหน้าที่ดูแลในประเด็นที่รัฐบาลจีนให้ความสนใจ Mandiant มั่นใจว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ถูกอ้างอิงในชื่อ ยูเอ็นซี4841 เป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการจารกรรมทางไซเบอร์เป็นวงกว้างซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน   แฮ็กเกอร์จะทำการส่งอีเมลที่แนบไฟล์อันตรายไปเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์และข้อมูลขององค์กรที่เป็นเป้าหมาย โดยพุ่งเป้าไปที่เหยื่อในอย่างน้อย 16 ประเทศ การกำหนดเป้าหมายให้ความสำคัญไปที่ประเด็นด้านนโยบายที่มีความสำคัญอย่างมากต่อรัฐบาลจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและไต้หวัน โดยเหยื่อที่ตกเป็นเป้าหมายยังรวมถึงกระทรวงต่างประเทศ องค์กรด้านการวิจัย และสำนักงานการค้าต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในฮ่องกงและไต้หวัน   ขณะเดียวกัน สำนักความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ซีไอเอสเอ) ของสหรัฐออกมาระบุในวันเดียวกันว่า…