ฝรั่งเศสผ่านร่างกฎหมาย ให้ตำรวจสอดแนมผู้ต้องสงสัยผ่านกล้อง, ไมค์ในโทรศัพท์และ GPS ได้

Loading

    Le Monde สื่อฝรั่งเศสรายงานว่า ฝ่ายนิติบัญญัติฝรั่งเศส ผ่านร่างกฎหมายที่อนุญาตให้ตำรวจสอดแนมผู้ต้องสงสัยในอาชญากรรมร้ายแรง ผ่านกล้อง ไมโครโฟน และตำแหน่ง GPS บนโทรศัพท์และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (แต่ยังไม่แน่ชัดว่าวิธีการไหน รูปแบบไหน)   อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าตำรวจจะสามารถใช้อำนาจนี้ได้ตามชอบ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้พิพากษาก่อน รวมถึงกฎหมายก็ห้ามบังคับใช้กับอาชีพนักข่าว, ทนาย และอาชีพอื่นๆ ที่มีความละเอียดอ่อน โดยจุดประสงค์ของกฎหมาย ตั้งใจจะจำกัดการใช้งานเฉพาะคดีที่ร้ายแรงเท่านั้น รวมถึงการเข้าถึงตำแหน่ง จะทำได้เฉพาะกรณีที่ความผิด มีโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไปเท่านั้น   กฎหมายนี้สร้างความกังวลให้กับ La Quadrature du Net กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิบนโลกออนไลน์ ซึ่งให้เหตุผลว่า กฎหมายนี้ขาดความชัดเจนว่าลักษณะใดเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง ซึ่งตำรวจอาจกำหนดเป้าหมายผู้กระทำผิดเป็นกลุ่มนักกิจกรรมและเคลื่อนไหวด้านต่าง ๆ และกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาชญากรรม   กลุ่มยังตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจอาจนำกฎหมายนี้ไปใช้กับอาชญากรรมที่มีความรุนแรงน้อยกว่า รวมถึงอาจใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ใช้สอดแนม แทนที่จะหาทางแก้ไข   ขณะที่ Éric Dupond-Moretti รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม…

ราชกิจจา แพร่คำสั่ง ตร. ห้ามนำเข้า-สั่งพิมพ์หนังสือ “ปวิน”

Loading

  เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ห้ามนำเข้า-สั่งพิมพ์เผยแพร่หนังสือ “ปวิน”   วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 370/2566 เรื่อง “ห้ามสั่งเข้าหรือนำเข้าสิ่งพิมพ์เพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักร” ที่ลงนามโดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ   โดยระบุว่าด้วยปรากฏสิ่งพิมพ์ต่างประเทศ “Rama X : The Thai Monarchy King Vajiralongkorn” เขียนโดย นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ มีลักษณะของภาพปกหนังสือและบทความที่นำเสนอสื่อถึงทัศนคติของผู้เขียน     ที่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีรัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือจะกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน   อาศัยอำนาจตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 จึงห้ามสั่งเข้า หรือนำเข้าสิ่งพิมพ์ “Rama…

เยอรมนีควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 7 ราย ฐานก่อตั้งกลุ่มก่อการร้ายคล้าย ISIS

Loading

  สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตำรวจเยอรมันได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 7 รายในวันที่ 6 ก.ค. ในข้อหาก่อตั้งองค์กรก่อการร้าย โดยมีจุดประสงค์เพื่อออกปฏิบัติการโจมตีคล้ายกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) อัยการเยอรมันระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้ต้องสงสัยชาวเติร์กเมน ชาวทาจิกิสถาน และชาวคีร์กีซถูกจับกุมในรัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน ทางตะวันตกของเยอรมนี โดยผู้ต้องสงสัยทั้งหมดรู้จักกันมานานและเดินทางเข้าประเทศผ่านทางยูเครนไม่นานหลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เริ่มขึ้นในปี 2565   รายงานระบุว่า พวกเขาก่อตั้งองค์กรก่อการร้ายเมื่อเดือน มิ.ย. 2565 และมองหาเป้าหมายในเยอรมนีมาตลอด รวมถึงพยายามจัดหาอาวุธ แต่ในช่วงที่ถูกจับกุม ยังไม่มีแผนการโจมตีชัดเจน   อย่างไรก็ดี ผู้ต้องสงสัยชาวคีร์กีซ 1 ราย ที่ถูกจับกุมในเยอรมนีได้รวบรวมเงินให้แก่กลุ่ม ISIS ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2565 และโอนไปยังกลุ่มดังกล่าวในต่างประเทศบ่อยครั้ง   ขณะเดียวกัน ทางการเนเธอร์แลนด์ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 2 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มดังกล่าวในวันที่ 6 ก.ค. โดยเป็นชายจากทาจิกิสถานและภรรยาชาวคีร์กีซ ซึ่งอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2565   ทั้งนี้ อัยการเนเธอร์แลนด์ระบุในแถลงการณ์ว่า ชายคนดังกล่าวต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่ม ISIS และได้รับคำสั่งให้วางแผนโจมตี แม้ว่าแผนจะยังไม่เป็นรูปธรรมก็ตาม…

ฮ่องกงรวบชาย 4 คน ช่วยสนับสนุน 8 นักเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมอันตรายต่อความมั่นคงชาติ

Loading

REUTERS   ฮ่องกงรวบชาย 4 คน ช่วยสนับสนุน 8 นักเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมอันตรายต่อความมั่นคงชาติ   ตำรวจฮ่องกงระบุเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมว่า ได้จับกุมชาย 4 คน ที่กระทำความผิดฐานให้การสนับสนุนผู้ที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ การจับกุมดังกล่าวมีขึ้น 2 วันหลังจากทางการฮ่องกงประกาศตั้งค่าหัว 8 นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย โดยมอบเงิน 1 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงให้กับผู้ให้เบาะแสในการจับกุมคนเหล่านี้   ตำรวจฮ่องกงออกแถลงการณ์ว่า ชายทั้ง 4 คน ที่ถูกจับกุมถูกกล่าวหาว่าแสวงประโยชน์จากการทำบริษัท แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และแอปบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อสนับสนุนผู้ที่หลบหนีไปต่างประเทศ และยังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ   “ชายทั้ง 4 ซึ่งมีอายุระหว่าง 26-28 ปี ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติ เนื่องจากต้องสงสัยว่าสมคบคิดกับต่างชาติหรือมีปัจจัยภายนอกที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ทั้งยังสมรู้ร่วมคิดในการกระทำที่มีเจตนายุยงปลุกปั่น และยังถูกกล่าวหาว่าเผยแพร่โพสต์บนโซเชียลมีเดียที่เป็นการปลุกระดม เพื่อยั่งยุให้เกิดความเกลียดชังต่อรัฐ และสนับสนุนให้ฮ่องกงเป็นเอกราช” แถลงการณ์ระบุ   ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้ในปี 2563 กำหนดให้ความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดมีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต  …

เพนตากอนเตรียมคุมเข้ม-ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังเอกสารลับรั่วไหล

Loading

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา หรือ ‘เพนตากอน’ เตรียมคุมเข้มและยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังเอกสารลับทางการสหรัฐฯ รั่วไหลครั้งใหญ่   ทางการสหรัฐฯ จึงแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ควบคุมระดับการเข้าถึงข้อมูลลับสุดยอด รวมถึงติดตั้งระบบตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดตามการเผยแพร่ไฟล์ลับผ่านช่องทางออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้น แจ็ก เตเซรา อดีตนักบินวัยเพียง 21 ปี ถูกตั้งข้อหาเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ซึ่งเขายังคงให้การปฏิเสธ   เพนตากอนได้รับคำสั่งจาก ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ให้ทบทวนนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ของตนเป็นระยะเวลา 45 วัน หลังเกิดเหตุข้อมูลลับรั่วไหลครั้งใหญ่ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเพิ่มการกำกับดูแลผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลลับด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ให้มากยิ่งขึ้น   ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสประจำกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของเพนตากอนมีปัญหาในการก้าวให้ทันกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนบุคลากรที่ผ่านการตรวจสอบและจำนวนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหลายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลลับระดับต่าง ๆ ได้ แม้ว่านโยบายที่มีอยู่บางส่วนจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง แต่นโยบายของเพนตากอนก็ถือว่ายังมีช่องโหว่อยู่บ้าง และรอการปรับปรุงแก้ไขให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น   ขณะนี้ เตเซรายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี หลังจากที่เขาถูกจับกุมตัวเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานเผยแพร่เอกสารลับของทางการสหรัฐฯ บนแพลตฟอร์มห้องแชตออนไลน์อย่าง Discord ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เกมเมอร์ทั้งหลาย   อัยการในคดีนี้เปิดเผยว่า เตเซราได้เผยแพร่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ…

สหรัฐฯ เตือนพลเมืองเลี่ยงเดินทางไป ‘จีน’ อ้างมีความเสี่ยง ‘ถูกจับโดยพลการ’

Loading

    สหรัฐฯ ประกาศเตือนพลเมืองให้ทบทวนการเดินทางไปจีน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการบังคับใช้กฎหมายตามอำเภอใจ การถูกห้ามออกนอกประเทศ รวมถึงการถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม   ทางการสหรัฐฯ ไม่ได้ยกเคสตัวอย่างมาประกอบ แต่คำเตือนนี้มีขึ้นหลังจากที่พลเมืองอเมริกันวัย 78 ปี ถูกศาลจีนพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในความผิดฐานเป็นสปาย เมื่อเดือน พ.ค.   สัปดาห์ที่แล้ว จีนเพิ่งผ่านร่างกฎหมายความสัมพันธ์ต่างประเทศ (Foreign Relations Law) ที่กำหนดมาตรการตอบโต้ต่อบุคคลหรือองค์กรซึ่งบ่อนทำลายผลประโยชน์ของจีน และก่อนหน้านั้นก็มีการแก้ไขกฎหมายต่อต้านการจารกรรม โดยขยายคำนิยาม “การจารกรรม” ให้กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม รวมถึงออกกฎหมายแซงก์ชั่นพวกนักวิจารณ์ต่างชาติด้วย   “รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นอย่างคลุมเครือ รวมถึงมีการห้ามไม่ให้พลเมืองสหรัฐฯ และพลเมืองชาติอื่น ๆ เดินทางออกจากจีน โดยปราศจากกระบวนการตามกฎหมายที่โปร่งใส” คำเตือนการเดินทางของสหรัฐฯ ระบุ   “พลเมืองสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางหรืออาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจถูกควบคุมตัว โดยไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านกงสุล หรือข้อมูลเกี่ยวกับความผิดที่ตนถูกกล่าวหา”   สหรัฐฯ ยังอ้างด้วยว่า ทางการจีน “ดูเหมือนจะให้คำนิยามที่กว้างขวางมากเกี่ยวกับเอกสาร ข้อมูล สถิติ หรือวัสดุที่จัดเป็นความลับของรัฐบาล (state secrets) เพื่อที่จะจับกุมและดำเนินคดีกับชาวต่างชาติในข้อหาจารกรรม”   สหรัฐฯ…