“ประวิตร” ถก รักษาความปลอดภัย “เอเปค” เคาะ แผนต้านก่อการร้าย คุมเข้มเชิงรุก

Loading

  “ประวิตร” ถก อนุฯ รักษาความปลอดภัยประชุมเอเปค เห็นชอบแผนเผชิญเหตุ ต่อต้านการก่อการร้าย วางแนวทางป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ สั่ง ตั้งศูนย์อำนวยการฯ ประสานการทำงานทุกหน่วย เฝ้าระวัง ไม่ประมาท ปฏิบัติตามหลักสากล คุมเข้มบุคคล-สถานที่ ด้วยมาตรการเชิงรุก   พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมความพร้อมจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธาน ปี 65 ผ่านสื่ออิเล็คทรอนิกส์ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ     โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ด้านการข่าวที่เกี่ยวข้อง และร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบ แผนการดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยในการจราจร การส่งกลับสายแพทย์และการปฏิบัติด้านสาธารณสุข แผนเผชิญเหตุต่อต้านการก่อการร้าย การกำหนดแนวทางป้องกันภัยคุกคามและการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมทั้งแนวทางการปิดพื้นที่และเส้นทางการจราจร การขนส่งในพื้นที่ระหว่างจัดการประชุม     ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับขอให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร ประสานการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิด โดยย้ำเฝ้าระวังไม่ประมาท และการปฏิบัติการทุกขั้นตอน ขอให้เป็นไปตามหลักสากล ตั้งแต่เตรียมการต่อเนื่องไปจนจบการประชุมและเดินทางกลับ และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานด้านการข่าว และการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนให้มากขึ้น     นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้สั่งการ ให้คุมเข้มการรักษาความปลอดภัยทั้งบุคคลและสถานที่รวมทั้งเส้นทางในทุกกลุ่มที่เข้าร่วมประชุม…

สมช. เคาะแผนรับมือเหตุฉุกเฉินช่วงเอเปก แม้ยังไม่มีเหตุ แต่ต้องรอบคอบ

Loading

  ที่ประชุม สมช. เห็นชอบแผน-มาตรการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินในห้วงเอเปก “บิ๊กป้อม” รายงานยังไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการให้รัดกุมและละเอียดรอบคอบ   วันที่ 26 ต.ค. 2565 พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติครั้งที่ 1/2566 ว่า ตนได้รายงานสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ช่องแคบไต้หวัน และสถานการณ์ในประเทศเมียนมาร์ โดยไทยมีท่าทีอย่างชัดเจนในการสนับสนุนการแก้ปัญหาด้วยการเจรจาและสันติวิธี การให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ และยึดถือตามกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศ   นอกจากนี้ ยังรายงานสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยที่ประชุมได้ให้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ด้วยความจริงใจ เปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ไม่ว่าจะกลุ่มใดก็ตามมามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาทั้งในด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน การพัฒนาพื้นที่ ให้ประชาชนมีรายได้มีเศรษฐกิจที่ดีในภาพรวม ส่วนการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนให้เอื้ออำนวยต่อการแก้ไขปัญหา การสนับสนุนธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและการศึกษาภายใต้กรอบกฎหมาย   ขณะที่แนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ใช้แนวทางสันติวิธี ยึดถือกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม แก้ตรงจุด ลดเงื่อนไข สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ทั้งนี้ ได้ย้ำให้ส่วนราชการทุกภาคส่วนต้องเข้าใจวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และบูรณาการการทำงานทั้งในเชิงแผนงาน และการปฏิบัติในพื้นที่ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ กอ.รมน. ศอ.บต. และกระทรวงมหาดไทย   พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า…

สั่งตั้งวอร์รูมรวมทุกหน่วยการข่าวสกรีนเข้ม กลุ่มเคลื่อนไหวช่วงประชุมเอเปก

Loading

  วงถกสภากลาโหม “หน่วยงานข่าวกรอง” รายงานจับตาทุกกลุ่มเคลื่อนไหวอาจก่อความรุนแรงช่วงประชุมเอเปก ตั้งวอร์รูมรวมทุกหน่วยการข่าวสกรีนเข้ม พร้อมวาง 3 แผนรักษาความปลอดภัย   เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 10/2565 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน หน่วยงานด้านการข่าวได้สรุปกลุ่มเฝ้าระวัง กลุ่มที่เคลื่อนไหวอาจจะกระทบภาพลักษณ์ประเทศ เป็นกลุ่มที่ต้องจับตา รวมถึงกลุ่มที่เคยก่อความรุนแรงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องจับตาด้วยเช่นกัน ในการประชุมเอเปก   ทั้งนี้ จะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการข่าวส่วนหน้า โดยมีสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เป็นแกนหลัก กองบัญชาการตำรวจสันติบาล หน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.) และศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมแผนรักษาความปลอดภัยโดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.เส้นทาง 2.สถานที่ และ 3.ผู้นำ ทั้งนี้ ขณะนี้สถานการณ์ในภาพรวมยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ   ด้าน พ.อ.จิตนาถ ปุณโณทก รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม…

ตร.รวบหญิงอินโด หลังโบกปืนหน้าทำเนียบประธานาธิบดี

Loading

AP   ตร.รวบหญิงอินโด หลังโบกปืนหน้าทำเนียบประธานาธิบดี   สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมว่า เจ้าหน้าที่ทางการอินโดนีเซียจับกุมหญิงชาวอินโดนีเซียรายหนึ่ง หลังถือปืนป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอกวังเมอร์เดกา ซึ่งเป็นทำเนียบประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ในกรุงจาการ์ตา อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ไม่ได้อยู่ในทำเนียบขณะเกิดเหตุ และไม่มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว   เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น.ของวันเดียวกันนี้ โดยหญิงอายุระหว่าง 20-30 ปีคนดังกล่าว สวมนิกอบ ในมือถือคัมภีร์อัลกุรอาน และโบกปืนไปมาอยู่ใกล้ทำเนียบของประธานาธิบดีวิโดโด ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบจับตัวหญิงคนดังกล่าวในทันที อย่างไรก็ดี หญิงคนดังกล่าวไม่ได้เข้าไปในเขตทำเนียบประธานาธิบดีแต่อย่างใด   โฆษกของตำรวจกรุงจาการ์ตาให้รายละเอียดว่าหญิงผู้ก่อเหตุกำลังอยู่ในระหว่างถูกสอบสวน และขณะนี้ยังไม่ทราบถึงเหตุจูงใจ หรือได้อาวุธดังกล่าวมาได้อย่างไร   ก่อนหน้านี้ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิมบ่อยครั้ง ซึ่งบางครั้งผู้ก่อการร้ายจะมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่รัฐ หรือกองกำลังรักษาความปลอดภัย       ——————————————————————————————————————————————————- ที่มา :               …

ญี่ปุ่นปิดสถานทูตในเฮติชั่วคราว เหตุกังวลสถานการณ์ความมั่นคง

Loading

  กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจปิดสถานทูตในประเทศเฮติเป็นการชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์ด้านความมั่นคงในเฮติกำลังเข้าขั้นวิกฤต   กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้จัดตั้งสำนักงานสถานทูตญี่ปุ่นในสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเฮติ เป็นการชั่วคราว เพื่อปกป้องพลเมืองชาวญี่ปุ่นและเพื่อให้บริการด้านต่าง ๆ หลังจากที่ตัดสินใจปิดสถานทูตญี่ปุ่นในเฮติเป็นการชั่วคราวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 ต.ค.)   การปิดสถานทูตดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกระดับคำเตือนในการเดินทางไปยังเฮติสู่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยแนะนำให้ชาวญี่ปุ่นทั้งหมดอพยพออกจากเฮติและไม่ควรเดินทางไปยังเฮติ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ลักพาตัวและอาชญกรรมโดยกลุ่มติดอาวุธ   เฮติกำลังเผชิญกับวิกฤติด้านมนุษยธรรม ซึ่งรวมถึงการขาดแคลนอาหาร เชื้อเพลิง และน้ำ ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลเฮติต้องร้องขอความช่วยเหลือทางทหารจากต่างประเทศ   รายงานระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ดังกล่าวนั้น มาจากการที่กลุ่มอาชญากรรมติดอาวุธ หรือ “กลุ่มจี 9” ได้ทำการปิดกั้นท่าเรือเชื้อเพลิงหลักของประเทศตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การขาดแคลนน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล อีกทั้งยังเป็นการขัดขวางการขนส่งส่วนใหญ่ของประเทศ จนทำให้เกิดการขาดแคลนสินค้าพื้นฐาน รวมถึงขาดแคลนน้ำสะอาด   ทั้งนี้ กลุ่มอาชญากรรมในเฮติได้ขยายอิทธิพลในการควบคุมอาณาเขตของประเทศนับตั้งแต่การลอบสังหารนายโฌเวเนล โมอิส อดีตประธานาธิบดีของเฮติ เมื่อปี 2564       —————————————————————————————————————————————————– ที่มา :           …

นายกฯ เกาะติดแก้อาวุธปืนหาย กำชับทุกหน่วยคุมเข้ม ไม่ให้ทุจริตทรัพย์สินของรัฐ

Loading

  21 ต.ค.2565 – น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนอย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุดที่ได้มีกรณีที่เจ้าหน้าที่ยศดาบตำรวจของ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ขโมยปืนของ สภ.ปากเกร็ดไปขาย-จำนำ และกระทำมาเป็นเวลาหลายปีนั้น   นายกรัฐมนตรี ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามและสั่งการเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว และอยู่ระหว่างการเร่งรัดติดตามอาวุธปืนที่สูญหายกลับมาโดยเร็ว ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี   หลังจากเกิดกรณีดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้สถานีตำรวจทุกแห่งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและดูแลรักษาอาวุธปืน รวมถึงอาวุธอันตรายอื่น ๆ ของหน่วยงาน และให้มีมาตรการการลงโทษตามกฎหมายให้เด็ดขาด และยังได้กำชับให้ทุกหน่วยงานมีมาตรการป้องกันการทุจริต การขโทยทรัพย์สินของรัฐทุกประเภท   “นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการเพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการใช้อาวุธปืนอย่างเป็นระบบ ป้องกันไม่ให้มีการนำปืนไปก่อความรุนแรงกับประชาชน โดยมาตรการต่าง ๆ ได้ผ่านการอนุมัติของ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา และนายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการทุกมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน พร้อมกำชับเรื่องดูแลไม่ให้มีการทุจริตจากการใช้ทรัพย์สินของรัฐเด็ดขาด ”…