ตัวอย่างการทำแผนฉุกเฉินเตรียมการเผชิญเหตุรุนแรงจากการชุมนุมประท้วง

Loading

หลักการ สืบเนื่องจากเหตุการณ์และสภาพที่เกิดจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านการบริหารงานของหน่วยงานรัฐบาล หลักการที่ต้องคำนึงถึง 1. สาเหตุที่ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงและการดำเนินการแก้ไขของหน่วยงาน เช่น การจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจารับทราบสาเหตุ-พยายามแก้ไปัญหาให้แก่ผู้ชุมนุมประท้วง 2. ผลและสภาพภายหลังดำเนินการเจรจา เช่น ลดความรู้สึกเผชิญหน้าระหว่างกันลงได้ หรือเพิ่มความรู้สึกขัดแย้งให้ทวียิ่งขึ้น 3. ประเมินสภาพของกลุ่มผู้ชุมนุม เช่น 3.1 ในชั้นต้นเป็นเพียงการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงขนาดย่อย 3.2 ต่อมากลุ่มผู้นำการประท้วงมีเป้าหมายและพยายามเคลื่อนไหวในรูปแบบการปลุกระดมและประกอบกิจกรรมต่างๆ ในบริเวณที่ทำการประท้วง เพื่อกดดันหน่วยงาน 3.3 ผลจากข้อ 3.2 ทำให้มีประชาชนมาเข้าร่วมชุมนุมและยิ่งขยายตัวออกไป 3.4 การชุมนุมมีท่าทีที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ 3.5 ประเมินได้ว่าอาจกลายเป็นการเข้ายึดพื้นที่ตั้งหน่วยงาน หรือสถานที่ราชการ ในบริเวณใกล้เคียง หรือทำการปิดเส้นทางการจราจรโดยรอบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจเปรียบได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่การก่อจลาจล ที่มุ่งทำลายชีวิตและทรัพย์สินของส่วนราชการ 4. ประเมินพื้นที่ตั้งของหน่วยงาน บริเวณโดยรอบ และพื้นที่ใกล้เคียงว่า ใกล้กับสถานที่สำคัญประเภทใดบ้างที่อาจเป็นหรือเป็นเป้าหมายของการชุมนุม ประท้วงต่อไปหรืออาจได้รับความเสียหาย ในกรณีที่การประท้วงขยายตัว เช่น พื้นที่ตั้งใกล้ทำเนียบรัฐบาล ตั้งใกล้กับโบราณสถาน เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าว หน่วยงานของรัฐจึงต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบที่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกระทำ เพื่อก่อกวน กดดัน หรือโจมตี รวมถึงการมุ่งทำลายล้าง การวางมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่เป็นการเฉพาะเพิ่มขึ้นจึงเป็นความจำเป็น เพื่อรองรับภาวะฉุกเฉินที่มีสาเหตุจากการชุมนุมประท้วง เนื่องจากมาตรการรักษาความปลอดภัยเดิม ส่วนใหญ่จะเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันสถานที่จากการโจรกรรม…

วิธีการเตรียมแผนฉุกเฉินเตรียมการเผชิญเหตุรุนแรงจากการชุมนุมประท้วง

Loading

หลักการ สืบเนื่องจากเหตุการณ์และสภาพที่เกิดจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านการบริหารงานของหน่วยงานรัฐบาล หลักการที่ต้องคำนึงถึง 1. สาเหตุที่ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงและการดำเนินการแก้ไขของหน่วยงาน เช่น การจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจารับทราบสาเหตุ-พยายามแก้ไปัญหาให้แก่ผู้ชุมนุมประท้วง 2. ผลและสภาพภายหลังดำเนินการเจรจา เช่น ลดความรู้สึกเผชิญหน้าระหว่างกันลงได้ หรือเพิ่มความรู้สึกขัดแย้งให้ทวียิ่งขึ้น 3. ประเมินสภาพของกลุ่มผู้ชุมนุม เช่น 3.1 ในชั้นต้นเป็นเพียงการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงขนาดย่อย 3.2 ต่อมากลุ่มผู้นำการประท้วงมีเป้าหมายและพยายามเคลื่อนไหวในรูปแบบการปลุกระดมและประกอบกิจกรรมต่างๆ ในบริเวณที่ทำการประท้วง เพื่อกดดันหน่วยงาน 3.3 ผลจากข้อ 3.2 ทำให้มีประชาชนมาเข้าร่วมชุมนุมและยิ่งขยายตัวออกไป 3.4 การชุมนุมมีท่าทีที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ 3.5 ประเมินได้ว่าอาจกลายเป็นการเข้ายึดพื้นที่ตั้งหน่วยงาน หรือสถานที่ราชการ ในบริเวณใกล้เคียง หรือทำการปิดเส้นทางการจราจรโดยรอบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจเปรียบได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่การก่อจลาจล ที่มุ่งทำลายชีวิตและทรัพย์สินของส่วนราชการ 4. ประเมินพื้นที่ตั้งของหน่วยงาน บริเวณโดยรอบ และพื้นที่ใกล้เคียงว่า ใกล้กับสถานที่สำคัญประเภทใดบ้างที่อาจเป็นหรือเป็นเป้าหมายของการชุมนุม ประท้วงต่อไปหรืออาจได้รับความเสียหาย ในกรณีที่การประท้วงขยายตัว เช่น พื้นที่ตั้งใกล้ทำเนียบรัฐบาล ตั้งใกล้กับโบราณสถาน เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าว หน่วยงานของรัฐจึงต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบที่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกระทำ เพื่อก่อกวน กดดัน หรือโจมตี รวมถึงการมุ่งทำลายล้าง การวางมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่เป็นการเฉพาะเพิ่มขึ้นจึงเป็นความจำเป็น เพื่อรองรับภาวะฉุกเฉินที่มีสาเหตุจากการชุมนุมประท้วง เนื่องจากมาตรการรักษาความปลอดภัยเดิม ส่วนใหญ่จะเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันสถานที่จากการโจรกรรม…

ระเบียบปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยสถานที่

Loading

การกำหนดระเบียบปฏิบัติเพื่อรักษาความปลอดภัยสถานที่ของแต่ละหน่วยงานของรัฐย่อมมีความแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม ความจำเป็นที่เผชิญอยู่ ดังนั้น เพื่อให้การวางระเบียบปฏิบัติในแต่ละหน่วยงานของรัฐเป็นไปอย่างเหมาะสม ครอบคลุมสภาพการณ์ และเพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติตามได้จริง หน่วยงานของรัฐควรพิจารณาจาก ภารกิจ หน้าที่ ความรับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ จำนวนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย งบประมาณสำหรับการรักษาความปลอดภัยและการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา ข่าวสาร สิ่งบอกเหตุ และการแจ้งเตือนภัย การติดต่อสื่อสารภายในหน่วยงาน และกับหน่วยงานของรัฐอื่นๆ รายงานผลการสำรวจหรือการตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยที่ได้เคยกระทำมา   ระเบียบปฏิบัติสำหรับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยสถานที่ ยามรักษาการณ์ – ดูแล สอดส่อง และตรวจตราความปลอดภัยภายในพื้นที่ของหน่วยงาน เพื่อให้พ้นจากการโจรกรรม การก่อวินาศกรรม การจารกรรม และอุบัติภัย ฯลฯ ที่อาจเกิดขึ้น และสร้างความเสียหายแก่อาคารสถานที่ ทรัพย์สินต่าง ๆ ของหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะการดูแล ป้องกันการลุกล้ำ บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ควบคุม – ประจำการอยู่ที่ทางเข้า-ออกหลัก เพื่อตรวจสอบและอำนวยความสะดวกแก่บุคคล ยานพาหนะ และการนำสิ่งของต่างๆ เข้า-ออกในพื้นที่ควบคุมของหน่วยงาน – ในระหว่างปฏิบัติงานตามหน้าที่ ถ้ามีเหตุเป็นที่น่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำวันของหน่วยงานทราบ – การรับ-ส่งหน้าที่ของยามรักษาการณ์ ให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรในสมุดรับส่งเวรประจำวัน ยามรักษาการณ์จะเข้าแทนหน้าที่กันโดยพลการมิได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานเสียก่อน หากยามรักษาการณ์ไม่สามารถรับหน้าที่ตามวันเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่งได้…

ความจำเป็นในการสำรวจสถานที่เพื่อการรักษาความปลอดภัย

Loading

เป้าหมายที่ต้องกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยขึ้นก็เพื่อควบคุมและป้องกันการกระทำของบุคคลที่อาจเป็นภัยหรือเป็นภัย ดังนั้น ในส่วนของเป้าหมายการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ จึงเป็นการกำหนดขอบเขตของพื้นที่ เพื่อดำเนินการป้องกันบุคคลที่จะก่อให้เกิดภัย อันตราย และการกำหนดระเบียบปฏิบัติสำหรับการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ก็เป็นแนวทางปฏิบัติให้บุคคลยึดถือและกระทำตาม เพื่อป้องกันภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นทั้งจากคนหรือธรรมชาติ จากสภาพสังคมในปัจจุบัน การรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ได้กลายเป็นมาตรการที่จำเป็นต้องดำเนินการโดยบุคคล ประกอบกับการนำเครื่องมือ อุปกรณ์ และวิทยาการสมัยใหม่มาเสริมการปฏิบัติงาน เพื่อให้สามารถป้องปราม หน่วงเหนี่ยว และป้องกันภัยอันตรายและการคุกคามในรูปแบบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีการวางแนวทางและกำหนดวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานที่นั้นๆ ฉะนั้น ก่อนที่จะการกำหนดแนวทางการรักษาความปลอดภัยสถานที่ จึงต้องทำการสำรวจและตรวจสอบข้อเท็จจริงของสถานที่ตั้ง บริเวณโดยรอบ และสภาพแวดล้อม เพื่อหารายละเอียดเกี่ยวกับจุดอ่อน-จุดแข็งของที่ตั้งเหล่านั้น ตลอดจนสภาพแวดล้อมและข้อแม้ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่จะดำเนินการ จุดมุ่งหมายในการกำหนดแนวทางการรักษาความปลอดสถานที่ เพื่อควบคุมบุคคลที่อาจเป็นหรือเป็นภัยมิให้ล่วงล้ำเข้ามาในบริเวณพื้นที่ตั้ง รวมทั้งอาคารสิ่งก่อสร้างภายในพื้นที่ตั้ง แบ่งออกเป็น ป้องปรามและป้องกันภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วยความประมาท เลินเล่อ ความบกพร่อง หรือด้วยความตั้งใจทำลายต่อสถานที่และบริเวณโดยรอบของที่ตั้งของหน่วยงานของรัฐ   เช่น อาคารสำนักงาน สถานที่จ่ายหรือที่ตั้งถังจัดเก็บเชื้อเพลิง โรงเก็บวัสดุและเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ โรง เก็บสารเคมี โรงผลิตกระแสไฟฟ้า เขื่อน อ่างเก็บน้ำ เป็นต้น หรือพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานของรัฐใช้ประโยชน์ เช่น ที่ตั้งสำนักงานของหน่วยงานของรัฐ โดยเช่าพื้นที่อาคารของเอกชน ซึ่งอาจจะใช้ทั้งอาคารหรือบางส่วนของอาคาร ทั้งนี้ให้พิจารณารวมถึงภัยธรรมชาติที่อาจสร้างความเสียหายอีกด้วย ป้องกันอุบัติภัยและปกป้องจากการคุกคามทุกรูปแบบต่อบุคคลสำคัญ ที่เข้าสู่พื้นที่ตั้งของหน่วยงานของรัฐหรือสถานที่ซึ่งหน่วยงานของรัฐใช้ประโยชน์ เช่น อาคารของหน่วยงานของรัฐหรือ…

ขั้นตอนเพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการวางมาตรการ การรักษาความปลอดภัยสถานที่

Loading

ก่อนการดำเนินการวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยสถานที่ภายในแต่ละหน่วยงานของรัฐจำเป็นต้องสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้ได้ทราบถึงข้อมูลข่าวสารด้านต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับจุดอ่อน ข้อขัดข้อง หรือความบกพร่องในด้านต่างๆ โดยจะนำมาศึกษาทบทวน เพื่อหาแนวทางวางมาตรการที่เหมาะสม รัดกุม และมีประสิทธิภาพ การสำรวจตรวจสอบสำหรับการวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยสถานที่ของหน่วยงานของรัฐนั้น ควรดำเนินการทุกครั้งที่มีการปรับเปลี่ยนที่ทำการ ก่อสร้างขึ้นใหม่ นอกจากนี้ หน่วยงานของรัฐควรกำหนดห้วงเวลา เช่น ทุก ๖ เดือน หรือ ๑ ปี ให้ส่วนงานรักษาความปลอดภัยทำการสำรวจตรวจสอบ เพื่อทบทวนหรือหาข้อบกพร่องของมาตรการที่กำหนดไว้ เพื่อสรุปเป็นรายงานเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณา เพราะโดยพื้นฐานในแต่ละหน่วยงานของรัฐย่อมมีความแตกต่างจากกันอยู่แล้ว ทั้งในด้านระดับความสำคัญ พื้นที่ตั้ง สภาพแวดล้อม และหน้าที่ความรับผิดชอบ ขั้นที่หนึ่ง : รวบรวมและศึกษาข้อมูลข่าวสาร ตรวจสอบความเป็นจริงของข้อมูลข่าวสารจากรายงานที่ได้เคยจัดทำไว้แต่เดิม และข้อมูลเกี่ยวกับความบกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่เคยเกิด ทั้งภายในพื้นที่ทำการและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงโดยรอบของหน่วยงานของรัฐ เช่น รายงานเกี่ยวกับการโจรกรรม เหตุเพลิงไหม้ หรือเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานไม่ค่อยตระหนักถึงความ สำคัญของการรักษาความปลอดภัย ตลอดจนสภาพสังคมและอุปนิสัยโดยรวมของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้ เช่น มีย่านชุมชนแออัดอยู่ใกล้เคียง หรือแหล่งลักลอบค้ายาเสพติด บ่อนการพนัน สถานเริงรมย์ เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้นับว่ามีความสำคัญสำหรับนำมาใช้ประกอบการวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยสถานที่ เพราะจะทำให้สามารถวางแผนการรักษาความปลอดภัยสถานที่ ให้รองรับภัยอันตรายได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ขั้นที่สอง : สำรวจพื้นที่และอาคารสถานที่ที่จะวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยโดยละเอียด…