เนเธอร์แลนด์ผุด “แผงกั้นน้ำท่วมอัจฉริยะ” ใช้งานได้ ไม่ทำลายทัศนียภาพ

Loading

แผงกั้นน้ำท่วมยาวที่สุดในโลก สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และไม่สามารถสร้างเขื่อนแบบดั้งเดิมได้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้สร้างแผงกั้นน้ำท่วมปิดอัตโนมัติความยาวกว่า 300 เมตร บริเวณท่าเรือประมง Spakenburg นับว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ล่าสุดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัยภายในประเทศที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะแลแห่งนี้ อีกทั้งยังถือว่าเป็นแผงกั้นน้ำท่วมที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย ตามรายงานระบุ แผงกั้นน้ำท่วมดังกล่าวมีความสูงประมาณ 80 เซนติเมตร และหากไม่ต้องการใช้งาน แผงกั้นจะถูกเก็บลงไปในระดับเดียวกับทางเท้า โดยมีเพียงชิ้นส่วนด้านบนที่เป็นเหล็กเท่านั้นที่โผล่ออกมาบริเวณรอบท่าเรือให้สามารถมองเห็นได้ ทำให้การสร้างแผงกั้นน้ำท่วมนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะเดิมของท่าเรือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังใช้พื้นที่น้อยมาก และไม่ทำลายสภาพแวดล้อมของอดีตหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชือเสียงในปัจจุบันอีกด้วย โดยแผงกั้นน้ำท่วมนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อเกิดน้ำท่วมสูง จนกระแสน้ำไหลเข้ามาเป็นแรงดันให้แผงกั้นน้ำท่วมขึ้นมาจากทางเท้าโดยอัตโนมัติ จากนั้น “กระเป๋า” จากแผ่นโลหะเคฟลาร์น้ำหนักเบาที่อยู่ใต้แผงกั้นจะทำหน้าที่เป็นถังกักเก็บน้ำเอาไว้เป็นเวลา 20 นาที นาย Roeland Hillen ผู้อำนวยการโครงการป้องกันน้ำท่วมดัตช์ได้กล่าวว่า การสร้างแผงกั้นน้ำท่วมนี้เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อปกป้องพื้นที่เปราะบางแห่งนี้ โดยเฉพาะในเขตเมืองที่ไม่สามารถสร้างเขื่อนแบบดั้งเดิมขึ้นได้ อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างแผงกั้นน้ำท่วมแห่งนี้มีมูลค่าสูงถึง 7 ล้านยูโร หรือประมาณ 269 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าการสร้างเขื่อนแบบดั้งเดิมถึง 3 เท่า แต่นับว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า ทั้งประโยชน์ในการใช้งานและไม่ทำลายสภาพแวดล้อมซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม ที่มา: XinhuaNewsAgency ——————————————————- From : โพสต์ทูเดย์…

เปิดตัวนิทรรศการ “ผู้บุกรุกบนโลกไซเบอร์” ในอังกฤษ

Loading

ที่ผ่านมาเราอาจเคยได้ยินเรื่องการโจรกรรมข้อมูลบนโลกอินเตอร์เน็ตมามากมาย และเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดนิทรรศการในกรุงลอนดอน ได้รวบรวมเทคโนโลยีที่สามารถรุกล้ำความเป็นส่วนตัวได้โดยที่พวกเราคาดไม่ถึง บนโลกอินเตอร์เน็ต ที่เราค้นหาข้อมูล หรือดาวน์โหลดภาพ เสียง วิดีโอ โปรแกรมต่างๆมาใช้งานได้โดยปราศจากค่าใช้จ่ายนั้น เราอาจต้องแลกด้วยข้อมูลส่วนตัวของเราโดยไม่รู้ตัว และเลวร้ายกว่านั้น บนโลกที่ทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ณ วันนี้เราอาจกลายเป็นสินค้าฟรีบนโลกออนไลน์ไปเสียเองก็ได้ ซึ่งนิทรรศการ The Glass Room ที่กรุงลอนดอน ของอังกฤษ เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่รวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้คนทั่วโลก เพื่อบอกว่าบนโลกออนไลน์ ไม่มีอะไรที่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป นิทรรศการเลือกจัดสถานที่ให้เหมือนกับร้านค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีทั้งคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต สมาร์ทโฟนจำนวนมาก จัดวางทั่วนิทรรศการ ทว่าไม่มีสินค้าใดวางขายจริงๆ Stephanie Hankey จาก Tactical Tech อธิบายว่า The Glass Room อาจเหมือนร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่เราจัดวางทุกอย่างให้เหมือน พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่คุณใส่ลงไปบนโลกออนไลน์ Frederike Kaltheunder จาก Privacy International บอกว่า เราอาจจะคิดว่าเราสามารถไว้วางใจที่จะให้ข้อมูลส่วนตัวกับองค์กร หรือในที่ทำงาน แต่แท้ที่จริงแล้วเรากำลังถูกล้อมรอบด้วยระบบตรวจจับข้อมูลที่พยายามเก็บข้อมูลส่วนตัวของเรามากกว่านั้น ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ที่สามารถระบุอารมณ์และเพศของใบหน้าที่ฉายบนจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะทำการประมวลผลว่า ตรงกับภาพของบุคคลใดที่มีคลังภาพมหาศาลอยู่ในอินเตอร์เน็ต หรือจะเป็นหนังสือเล่มหนา…

พบกลุ่มก่อการร้ายใหม่ ‘Sowbug’ มุ่งเน้นโจมตีองค์กรระหว่างประเทศในเอเชีย

Loading

Symantec พบกลุ่มผู้ก่อการร้ายไซเบอร์ใหม่นามว่า ‘Sowbug’ ที่มีพฤติกรรมมุ่งเน้นโจมตีองค์กรด้านการต่างประเทศและการทูตของภูมิภาคอเมริกาใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่ม Sowbug นั้นจะเข้าไปโจรกรรมเอกสารภายในองค์กรที่เข้าแทรกซึมได้ผ่านทาง Backdoor ที่ใช้ชื่อคล้ายกับโปรแกรมอย่าง Adobe พร้อมทั้งติดตั้งในโฟลเดอร์ของโปรแกรมดังกล่าวทำให้ตรวจจับได้ยาก Symantec พบหลักฐานชิ้นแรกของกลุ่มนี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากมัลแวร์ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ชื่อ Felismus ที่มีจุดประสงค์โจมตีเป้าหมายในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต่อมาพบผู้ตกเป็นเหยื่ออยู่ทั้ง 2 ฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิค ความจริงแล้ว Symantec เคยพบการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Sowbug แล้วตั้งแต่ต้นปี 2015 และอาจจะเริ่มปฏิบัติการมาก่อนหน้านั้นแล้ว ปัจจุบันพบการโจมตีจากกลุ่มนี้แทรกซึมไปยังองค์กรรัฐบาลของอเมริกาใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อาเจนติน่า บราซิล เอกวาดอร์ เปรู บรูไน และ มาเลเซีย กลุ่ม Sowbug มีศักยภาพการโจมตีและแทรกซึมสูง โดยจะเลือกโจมตีนอกเวลางานขององค์กรเป้าหมายเป็นส่วนใหญ่เพื่อทำให้จับได้ยากที่สุด โจมตีอย่างมีเป้าหมาย หลักฐานที่พบหลังจากการแทรกซึมของกลุ่มนี้มีตัวอย่างให้เห็นเช่นเมื่อปี 2015 เข้าโจมตีกระทรวงการต่างประเทศแห่งนึงของอเมริกาใต้พบและมีพฤติกรรมเพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่างแบบจงใจ หลักฐานชิ้นแรกของการแทรกซึมเกิดขึ้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2015 แต่ปรากฏการโจมตีจริงเมื่อวันที่ 12 กลุ่มผู้โจมตีดูเหมือนมีความสนใจในส่วนงานนึงของการทหารที่ดูแลด้านความสัมพันธ์กับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค การปฏิบัติการที่เกิดขึ้นครั้งนั้นมีความตั้งใจที่จะดึงไฟล์เอกสาร Word ทั้งหมดที่อยู่ในไฟล์เซิร์ฟเวอร์ของส่วนงานนั้นออกมาโดยใช้คำสั่ง ‘cmd.exe /c…

ด่วน!! เกิดเหตุยิงกราดที่โบสถ์ในรัฐเท็กซัส คาดเสียชีวิตกว่า 20 ราย !!

Loading

เจ้าหน้าที่รัฐเท็กซัสรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย ในเหตุการณ์ยิงกราดที่โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองเล็กๆ ทางใต้ของรัฐเท็กซัส ในวันอาทิตย์ นอกจากนี้ คาดว่ามีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 20 ราย เจ้าหน้าที่ระบุว่า คนร้ายผู้หนึ่งได้เดินเข้าไปในโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง Sutherland Springs ทางใต้ของเมืองซาน อันโตนิโอ รัฐเท็กซัส เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเริ่มยิงกราดใส่ผู้คนที่มาร่วมทำพิธีทางศาสนาคริสต์ในโบสถ์แห่งนั้น เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า คนร้ายซึ่งน่าจะมีเพียงหนึ่งคน เสียชีวิตแล้ว และขณะนี้ทางตำรวจกำลังสืบหาสาเหตุจูงใจของคนร้ายผู้นี้   เจ้าหน้าที่รัฐเท็กซัสระบุในเวลาต่อมาว่า คนร้ายมีชื่อว่า นายเดวิน เคลลีย์ ชายผิวขาววัย 26 ปี ซึ่งเคยเป็นทหารในสังกัดกองทัพอากาศสหรัฐฯ พยานในเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายใส่ชุดสีดำและสวมเสื้อกันกระสุน ใช้อาวุธปืนไรเฟิลไล่ยิงผู้คนตั้งแต่ด้านนอกโบสถ์ ก่อนที่จะเดินเข้าไปยิงคนที่อยู่ในโบสถ์ ก่อนที่ชาวบ้านบริเวณนั้นได้นำอาวุธปืนไรเฟิลมายิงตอบโต้ คนร้ายจึงหลบหนีไปด้วยรถยนต์ และเกิดปะทะกับตำรวจ จนรถยนต์ของคนร้ายเกิดอุบัติเหตุตกจากถนน ก่อนที่จะพบว่าคนร้ายได้เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนขณะอยู่ภายในรถยนต์ดังกล่าว โดยตำรวจพบอาวุธปืนหลายกระบอกในรถยนต์ของคนร้ายผู้นี้ ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนเอเชีย ทวีตถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว โดยบอกว่า ขอให้พระเจ้าสถิตย์อยู่กับประชาชนของ Sutherland…

โรงไฟฟ้าถ่านหินระเบิดในอินเดียตายสยองอย่างน้อย 16 ศพ บาดเจ็บนับร้อย

Loading

เอเอฟพี/รอยเตอร์ – เกิดเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินแห่งหนึ่งของอินเดียในวันพุธ (1พ.ย.) เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 รายและบาดเจ็บราว 100 คน ขณะที่ตำรวจเตือนว่ายอดตายอาจพุ่งสูงกว่านี้ เนื่องจากหลายคนอาการสาหัส เหตุระเบิดเกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินในรัฐอุตตรประเทศ ทางเหนือของอินเดีย ที่บริหารงานโดยเนชันแนล เทอร์มอล พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งมีรัฐเป็นเจ้าของ “มีผู้เสียชีวิต 10 รายและราว 40-50 คนบาดเจ็บสาหัส ยอดเสียชีวิตอาจสูงกว่านี้” จากการเปิดเผยของ อานันด์ คูมาร์ อธิบดีกรมตำรวจในลัคเนา เมืองเอกของรัฐอุตตรประเทศ อย่างไรก็ตามรอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของนายอาวิน คูมาร์ ข้าราชการสูงสุดของรัฐที่ดูแลเรื่องการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย เผยว่า “มีผู้เสียชีวิตราว 16 คนและบาดเจ็บราว 90-100 คน สืบเนื่องจากเหตุระเบิด” ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าอะไรคือต้นตอของการระเบิด แต่ผู้ปฏิบัติงานของรัฐเผยว่ากำลังเร่งมือภารกิจกู้ภัย หลังเคราะห์ร้ายเกิดอุบัติเหตุในหม้อน้ำที่โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน ส่วนรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์เผยให้เห็นภาพรถฉุกเฉินหลายคันกำลังรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุ โยคี อาทิตยนาถ มุขมนตรีรัฐอุตตรประเทศ แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและเสนอมอบเงินชดเชยรายละ 200,000 รูปี (ราว100,000บาท) อุบัติเหตุในสถานที่ทำงานเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอินเดีย ขณะที่การไร้มาตรฐานด้านความปลอดภัยและไม่เคร่งครัดในการบังคับใช้กฎระเบียบต่างๆ มักนำมาซึ่งเหตุเสียชีวิตอันน่าสยดสยองของพวกคนงาน ขณะเดียวกันระบบจ่ายไฟฟ้าของอินเดีย ก็เกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก…

ข้อมูลส่วนตัวชาวมาเลย์เซียเกือบทั้งประเทศถูกแฮ็ค ข้อมูลถูกเปิดเผย 46.2 ล้านรายการ

Loading

ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนชาวมาเลย์เซียเกือบทั้งประเทศถูกแฮ็ค ข้อมูลรั่วออกมากว่า 46.2 ล้านรายการ ในขณะที่มาเลย์เซียมีประชาชน 31.2 ล้านราย ข้อมูล 46.2 ล้านรายการนี้ถูกแฮ็คออกมาจากเหล่าผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมในมาเลย์เซีย โดยนอกจากข้อมูลส่วนตัวพื้นฐานแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ยังครอบคลุมถึงเบอร์โทรศัพท์, ข้อมูล SIM Card, ข้อมูล Serial Number ของอุปกรณ์ และที่อยู่ อีกทั้งยังมีการแฮ็คข้อมูลประวัติทางการแพทย์ของประชาชนมาเลย์เซียอีกกว่า 80,000 รายการจากหน่วยงานทางด้านสาธารณสุข ในขณะที่เว็บไซต์ของภาครัฐ และเว็บไซต์ที่มีข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานจำนวนมากอย่าง jobstreet.com เองก็ถูกแฮ็คด้วยเช่นกัน ขณะนี้หน่วยงาน Malaysian Communications and Multimedia และตำรวจมาเลย์เซียกำลังร่วมมือเพื่อสอบสวนคดีนี้อยู่ โดยหน่่วยงานเอกชนบางกลุ่มของมาเลย์เซียก็ได้ร่วมสนับสนุนการสอบสวนครั้งนี้ด้วย โดยปัจจุบันนี้มีข้อสันนิษฐานว่าการแฮ็คครั้งนี้อาจเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว