ญี่ปุ่นพบอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มสูง “บิทคอยน์” ตกเป็นเป้าหมายหลัก

Loading

ตำรวจญี่ปุ่นพบปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ เฉพาะใน 6 เดือนแรกของปี 2017 มีมากถึง 69,977 คดี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 4.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลัก ๆ เป็นคดีเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลที่ถูกอาชญากรเจาะระบบแล้วขโมยไปนั่นเองโดยในกรณีของการขโมยบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ นั้น พบว่ามีมูลค่าของความเสียหายรวมกัน 59.2 ล้านเยน หรือประมาณ 18 ล้านบาท โดยเป็นคดีเกี่ยวกับการแฮคบิทคอยน์ 13 คดี คดีเกี่ยวกับ Ripple 11 คดี และคดีเกี่ยวกับ Ethereum อีก 2 คดี และยังมีหลักฐานว่า มีสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ ถูกโจมตีด้วยในเวลาพร้อม ๆ กัน โดยการโจมตีผู้ถือครองสกุลเงินดิจิตอลนี้เกิดขึ้นใน 13 เมืองของญี่ปุ่นหันมามองในส่วนของการฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ตและการสแคม (Scam) กันบ้าง ในประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าสงบเรียบร้อยนั้น มีคดีฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต 36,729 คดีในช่วง 6 เดือนแรกของปี และมีการแฮคระบบคอมพิวเตอร์ – การโจมตีด้วยไวรัสมากถึง 6,848…

AXA โดนโจมตี ส่งผลให้ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลกว่า 5,400 ราย

Loading

บริษัทประกันชีวิต AXA ในสิงคโปร์ ได้ส่งอีเมล์แจ้งเตือนไปยังลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ จนทำให้ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหลกว่า 5,400 ราย เมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อมูลในส่วนของ Health Portal ที่ประกอบด้วยที่อยู่อีเมล์, เบอร์โทรศัพท์, และวันเดือนปีเกิด ทาง AXA ยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อนามสกุล, เลข NRIC, ที่อยู่, หรือแม้แต่ข้อมูลบัตรเครดิตและบัญชีธนาคาร, ข้อมูลสุขภาพ, ประวัติการเคลม, หรือแม้แต่สถานการณ์สมรสหลุดออกไปด้วย โดยทางซีอีโอยืนยันว่าบริษัทรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้าอย่างดีที่สุด และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าปัจจุบัน Health Portal กลับมาสู่สถานการณ์ปกติที่มีความปลอดภัยดีแล้ว ทั้งนี้ AXA ได้แจ้งตำรวจให้เร่งสืบสวน พร้อมทั้งแนะนำให้ลูกค้าของตัวเองแจ้งความด้วยเช่นกัน หากเคยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวจากการโจมตีแบบหลอกลวงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากอาจมีความเชื่อมโยงกับกรณีแฮ็ก AXA ครั้งนี้ได้ ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการดูแลการเงินของสิงคโปร์หรือ MAS แจ้ง AXA ให้เร่งทบทวนมาตรการความปลอดภัยทางไอที และอุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้นโดยเร็ว รวมทั้งหน่วยงานรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสิงคโปร์หรือ CSA ก็ใช้โอกาสนี้แจ้งเตือนทุกบริษัทว่า การเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าไว้ปริมาณมหาศาลนั้นย่อมทำให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรไซเบอร์ได้ง่าย ที่มา : http://www.straitstimes.com/singapore/axa-data-breach-affects-5400-singapore-customers

ข้อแนะนำในการใช้บริการแก้ไขไฟล์แบบออนไลน์ ควรระวังความเป็นส่วนตัว ตระหนักเรื่องข้อมูลรั่วไหล

Loading

ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการแก้ไขเอกสารแบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ตกแต่งภาพ พิมพ์เอกสาร แปลงวิดีโอ หรือแม้กระทั่งแปลงไฟล์เอกสาร Microsoft Office เป็น PDF หรือแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์รูปภาพ เป็นต้น หลายบริการสามารถใช้งานได้ฟรี แต่ก็มีข้อควรระวังหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความเป็นส่วนตัวและข้อมูลรั่วไหล การอัปโหลดไฟล์ขึ้นไปแก้ไขบนบริการออนไลน์ เปรียบเสมือนการนำไฟล์เหล่านั้นไปแก้ไขบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น โดยหลังจากที่แก้ไขเสร็จแล้วไม่ได้มีการลบไฟล์ออกจากเครื่อง ซึ่งก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้าของเครื่องนำไฟล์เหล่านั้นไปใช้งานต่อหรือแอบดูข้อมูลที่อยู่ในไฟล์เหล่านั้น เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2560 มีรายงานว่าเว็บไซต์ให้บริการแปลงไฟล์เอกสารแบบออนไลน์หลายแห่งถูกเจาะระบบเนื่องจากตัวเซิร์ฟเวอร์ใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่าที่มีช่องโหว่ ผู้ประสงค์ร้ายสามารถเข้าถึงไฟล์ที่ถูกอัปโหลดขึ้นไปยังเว็บไซต์ รวมถึงมีโอกาสแก้ไขการทำงานของตัวระบบให้ฝังโค้ดอันตรายลงในไฟล์เอกสารที่ถูกดาวน์โหลดด้วย หากต้องการใช้งานบริการแก้ไขเอนไลน์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือเพียงพอ มีการประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน หลีกเลี่ยงการใช้งานบริการที่ไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป โดยหากไม่มั่นใจไม่ควรใช้งานบริการดังกล่าว ที่มา : Thaicert ลิงค์ : https://www.thaicert.or.th/newsbite/2017-09-06-02.html#2017-09-06-02

Vladimir Putin ชี้ ผู้นำเทคโนโลยี AI จะได้ควบคุมโลกใบนี้

Loading

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Vladimir Putin ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียได้ออกมากล่าวกับเหล่านักเรียน ณ กรุงมอสโควถึงความสำคัญของเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) ว่าผู้ที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ จะได้กลายเป็นผู้ที่ครอบครองโลก Credit: www.kremlin.ru   Putin ยังได้เสริมอีกด้วยว่าการที่มีใครคนใดคนหนึ่งถือครองและเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี AI แต่เพียงผู้เดียวนี้คงเป็นภาพที่ไม่ดี อย่างไรก็ดี AI นี้ก็ถือเป็นทั้งโอกาสและภัยคุกคามขนาดใหญ่ในเวลาเดียวกัน โดยทาง Putin ยังได้สัญญาด้วยว่ารัสเซียจะแบ่งปันเทคโนโลยีทางด้าน AI กับประเทศอื่นๆ ด้วยอย่างแน่นอน สำหรับในอนาคต สงครามเองนั้นก็อาจเปลี่ยนรูปแบบไปเหมือนกัน โดย Putin ได้คาดคะเนเอาไว้ว่าในอนาคตสงครามจะเกิดขึ้นจากการรบด้วย Drone ติดอาวุธ และฝ่ายที่ Drone ถูกทำลายจนไม่สามารถรบต่อได้นั้นก็จะถูกบังคับให้ต้องยอมแพ้ไปอย่างไม่มีทางเลือก ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าทางรัสเซียจะแบ่งปันเทคโนโลยีอะไรออกมาสู่สาธารณะบ้าง และทิศทางของ AI ในการนำไปใช้ทั้งในการพัฒนาประเทศและป้องกันประเทศจะเป็นอย่างไรกันต่อไป ที่มา : techtalkthai ลิงค์ : https://www.techtalkthai.com/vladimir-putin-says-ai-leader-will-dominate-the-world/

แฟรงก์เฟิร์ตอพยพ 65,000 คน เตรียมปลดระเบิดหนัก 1.4 ตันจากสงครามโลกครั้งที่ 2 พรุ่งนี้ (3 ก.ย.)

Loading

  เมืองแฟรงก์เฟิร์ตในเยอรมนีเตรียมอพยพคน 65,000 คน ซึ่งรวมถึงคนไข้ในโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อเตรียมเก็บกู้ระเบิดของสหราชอาณาจักรจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนับเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลก ระเบิดดังกล่าวถูกพบที่ตึกแห่งหนึ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยกระบวนการนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 12 ชั่วโมง โดยคนจะต้องอพยพไปที่อื่นก่อน 8.00 น. พรุ่งนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยตำรวจระบุว่า ผู้ที่ขัดขืนจะถูกจับกุม ในวันนี้ (2 ก.ย.) เพิ่งมีการอพยพคน 22,000 คนที่เมืองโคเบล็นซ์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกของแฟรงก์เฟิร์ต ประมาณ 110 กิโลเมตร เช่นกัน ซึ่งระเบิดที่นั่นถูกค้นพบระหว่างการเตรียมสร้างโรงเรียนอนุบาลแห่งใหม่ เยอรมนีอพยพ 50,000 คนระหว่างกู้ระเบิดสงครามโลกในเมืองฮันโนเวอร์ ลอนดอนพบระเบิดด้านจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแม่น้ำเทมส์ ในเยอรมนี ยังมีการค้นพบระเบิดที่ยังไม่ระเบิดจากสมัยสงครามเป็นจำนวนเฉลี่ยหลายพันลูกต่อปี โดยเมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่งมีการอพยพเด็กออกจากโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งเนื่องจากพบเจอระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเด็กอนุบาลเป็นคนหยิบมาจากบริเวณรกทึบใกล้ ๆ โรงเรียน สมาชิกสภาเมืองแฟรงก์เฟิร์ตบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ได้อพยพคนไข้กว่าร้อยคนออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ ซึ่งรวมถึงเด็กเล็กและผู้ป่วยแผนกฉุกเฉิน กระบวนการอพยพยังรวมถึงบ้านพักคนชรากว่า 20 แห่ง โรงละครการแสดงอุปรากร และธนาคารกลางของเยอรมนีซึ่งเป็นที่เก็บทองกว่าครึ่งหนึ่งของคลังประเทศ…

สังคมไร้เงินสด : ปลอดภัยจริงหรือ?

Loading

  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชา วันนี้ (1 ก.ย.) เชิญชวนประชาชนและภาคธุรกิจ ให้หันมาใช้ การชำระเงินโดยใช้บัตรเดบิตกับโทรศัพท์มากขึ้นและใช้เงินสดน้อยลง นายกรัฐมนตรีให้เหตุผลข้อหนึ่งว่าเพื่อความสะดวกสบาย และปลอดภัยไม่ต้องกลัวถูกฉกชิงวิ่งราว ปัจจุบันความนิยมชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีเพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์ของคนในยุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ราว 1,000 คน โดย ING ผู้ให้บริการด้านการธนาคาร การเงิน ประกันภัย และการบริหารสินทรัพย์ ในปีนี้ (2017) พบว่าคนราว 1 ใน 3 พร้อมที่จะเลิกใช้เงินสด ในการชำระค่าสินค้าและบริการ ในปัจจุบันคนยุโรปราว 1 ใน 5 (21%) แทบจะไม่ได้ใช้เงินสดเลย โดยประเทศที่คนยังใช้เงินสดมากอยู่คือเยอรมนี ส่วนคนในฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ใช้เงินสดน้อยลงทุกที ครบรอบ 50 ปี กับ 10 เรื่องน่ารู้ของตู้เอทีเอ็ม ร้านค้าไร้พนักงานขาย ไอเอ็นจีระบุว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้บัตรเดบิตและเครดิต เป็นเครื่องมือในการชำระเงินแทนธนบัตรและเหรียญ อย่างไรก็ดี ทางเลือกในการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลผ่านโทรศัพท์มือถือก็กำลังคืบคลานเข้ามาแทนที่ ในขณะเดียวกันบางประเทศพยายามหาทางยุติการชำระค่าใช้จ่ายด้วยเงินสดอย่างสิ้นเชิง…