หลังการล่มสลายของรัฐบาลตาลีบัน บรรดานักรบหัวรุนแรงได้แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วทุกมุมโลก พร้อมพกพาเอาวิชาความรู้และคติความเชื่อแบบสุดโต่งติดตัวไปด้วย จากการแผ่ขยายภัยคุกคามไปในหลายพื้นที่และหลากรูปแบบ กลุ่มก่อการร้ายไอเอสในอิรักและซีเรียได้กลายเป็นศัตรูกับคนค่อนโลก มหาอำนาจจากทุกขั้วต่างสามัคคีเฉพาะกิจเดินหน้าประกาศสงครามต่อต้านก่อการร้ายโดยมีไอเอสเป็นเป้าหมายหลัก แต่การใช้ปฏิบัติการทางทหารระดมโจมตีอย่างหนักหน่วงในอิรักและซีเรียซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ โดยหวังว่าจะสามารถทำลายฐานที่มั่นและกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายนี้ได้เบ็ดเสร็จ อาจต้องทบทวนกันใหม่ ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าจับตาสถานการณ์มาตลอดประเมินว่า แม้วันหนึ่งกองกำลังรัฐบาลและพันธมิตรประเทศต่าง ๆ จะสามารถถล่มไอเอสได้ราบคาบและทวงคืนพื้นที่ยึดครองกลับมาได้ ก็ใช่ว่าเชื้อร้ายจะถูกทำลายหายสิ้นไป หน่วยข่าวกรองสหรัฐประเมินตัวเลขนักรบต่างชาติที่เข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในสมรภูมิ ตกอยู่ที่ประมาณ 30,000 คน จากราว 100 ประเทศทั่วโลก ยังไม่นับรวมก่อการร้ายรุ่นเก๋าอีกจำนวนมากที่เคลื่อนไหวมานานหลายทศวรรษ เพียงแค่ในอัฟกานิสถานแห่งเดียว ช่วงระหว่างปี 2539-2544 ก็มีมากถึงราว 10,000-20,000 คน ที่ได้รับการฝึกฝนในฐานะนักรบก่อการร้าย ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากนายโอซามา บิน ลาเดน หลังการล่มสลายของรัฐบาลตาลีบัน บรรดานักรบหัวรุนแรงได้แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วทุกมุมโลก พร้อมพกพาเอาวิชาความรู้และคติความเชื่อแบบสุดโต่งติดตัวไปด้วย ผู้ก่อการร้ายรุ่นใหญ่ผู้เจนสนามเหล่านี้ คือภัยคุกคามหลักในระยะยาวซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นโดยชาติตะวันตกยังล้าหลังเกินกว่าจะรับมือไหว ไม้ตายของไอเอสที่ถูกบ่มเพาะมานานปี คืออาวุธร้ายแรงที่สุดที่เรียกว่า “ความเชื่อ” ซึ่งแม้จะจับต้องไม่ได้แต่ก็มีอานุภาพทะลุทะลวงไปได้ทุกที่ แทรกซึมเข้าฝังรากลึกใต้จิตสำนึกของกลุ่มเป้าหมาย เหล่าสาวกที่พร้อมอุทิศตนเพื่อสงครามไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์รบที่ถูกตั้งโปรแกรม เป็นระเบิดเวลาที่พร้อมทำลายล้างทุกเมื่อ การทำให้แตกกลุ่มก็เหมือนเชื้อไวรัสที่แพร่ออกไปซุ่มรอเวลาแผลงฤทธิ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงเกินจะคาดเดาตามมา ไม่มีสงครามใดที่สมบูรณ์แบบ พวกที่เหลือรอดมาได้ย่อมไม่ธรรมดา ต้องเป็นชั้นหัวกะทิที่มีวิทยายุทธ์แก่กล้าพอตัว นายแมทธิว กีเดเร ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยตูลูซ ประเทศฝรั่งเศส…